ตอนที่ 212

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 212: ตบโดยไม่ปรานีปราศรัย

 

“คนล่ะ?” คำนี้ทำให้หลายคนถึงกับพูดไม่ออก เขากระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ชนะไปแล้ว

 

“ศิษย์น้อง เจ้าชนะแล้ว” หยางซีเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ บอกกับเขา

 

“ข้าชนะ แล้วคนล่ะ?” อี้เทียนหยุนถาม

 

“เขาหมดสติไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ออกมาจากห้องพักฟื้นเลย” หยางซีเสวี่ยตอบ

 

“อย่างงั้นเหรอ ถ้าเขาตื่นแล้ว บอกให้มาหาข้าด้วย” อี้เทียนหยุนพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับเป็นผู้อาวุโส

 

หลังจากพูดจบ เขาก็กลับไปศึกษาของเขาต่อ ศึกษาวิธีที่จะสร้างค่ายกลนี้ จะว่าไปก็เสียเวลาไปนานมากแล้ว แม้ว่าค่ายกลนี้จะไม่ใช่ค่ายกลชั้นสูงอะไร แต่ก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน การวิเคราะห์ด้วยดวงตาประเมิน จำเป็นต้องใช้เวลา

 

ท่าทางของเขาทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน คิดว่าอี้เทียนหยุนยังคิดจะอยู่ข้างในต่อจนครบ 10 วัน!

 

“นี่เขาจะทนได้ถึง 10 วันจริงๆ?”

 

“อาจเป็นไปได้ ถ้าทนได้ถึง 10 วันจริง นั่นก็ถือว่าน่ากลัวมาก พลังวิญญาณของเขาเพียงพอที่จะเข้าสู่ 15 อันดับแรก!”

 

“สวรรค์ ถ้าเขาทำได้จริงๆ ข้าว่าตระกูลอิ่นซีอาจจะมาหาเขาก็เป็นได้?”

 

พวกเขามองอี้เทียนหยุนอยู่แต่แรกแล้ว เห็นว่าเขาไม่สนใจเจี่ยผิงเลยสักนิด กระทั่งเจี่ยผิงหมดสติไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้เอง ตั้งแต่แรกแล้ว อี้เทียนหยุนไม่เคยคิดว่าเจี่ยผิงเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย หวังเพียงที่จะฝึกฝนอยู่ที่นี่เท่านั้น แต่ระหว่างนั้น เจี่ยผิงที่อวดดีกลับคิดหาเรื่อง ทำการยั่วยุจนสำเร็จ ตอนนี้กลายเป็นว่าเจี่ยผิงนั้นกลายเป็นโง่มาก สุดท้ายก็วิ่งชนกำปั้นของตัวเองเข้าเต็มเปา

 

วันที่หก

 

วันที่เจ็ด…..

 

วันแล้ววันเล่าได้ผ่านเลยไป พวกเขาคิดว่าจะต้องล้มลง แต่ไม่คิดว่าอาการแม้สักนิดก็ไม่มี และเมื่อมาถึงวันที่เก้า อี้เทียนหยุนก็ได้พยักหน้าพร้อมมองไปรอบๆ เขาศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้ศึกษาอีก

 

ส่วนอัจฉริยะอะไรนั่น เขาไม่เห็นคนที่เข้าตาเลยสักคน เขารู้สึกเฉยๆ อย่างมากกับพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะที่พวกเขาเรียกกันนั้น ไม่ถูกใจเขาแม้แต่น้อย

 

และเมื่อเขาเดินออกมา เขาก็เห็นว่าข้างนอกมีหลายคนกำลังมองมาที่เขา บ้างก็อิจฉา ริษยา แม้กระทั่งตกใจ!

 

แม้จะห่างจากสิบวันที่อี้เทียนหยุนตัดสินใจ แต่ก็ขาดอีกไม่ถึงวัน ทนมาได้ถึงเก้าวันขนาดนี้ นับว่ายอดเยี่ยมอย่างมากแล้ว ยังไงก็ตาม เมื่อดูจากท่าทางสบายๆ ของอี้เทียนหยุนแล้ว เหมือนว่าเขายังสามารถทนได้นานกว่านี้อีก

 

 

ในสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมานี้ มีสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอยู่ด้วย และเมื่อมองไปที่สายตาคู่นั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนๆ นี้ก็คือเจี่ยผิง เขาฟื้นจากอาการหมดสติแล้ว และเมื่อรู้ว่าตนแพ้ ความโกรธก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่านี่คือความจริง

 

อี้เทียนหยุนไม่เพียงแต่ชนะเขาเท่านั้น แต่ยังบดขยี้เขาโดยสมบูรณ์! เก้าวัน ตัวเลขนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางไปถึง

 

เพื่อที่จะทนอยู่ที่นี่ให้ได้ถึงเก้าวัน อย่างน้อยพลังวิญญาณก็ต้องสูงกว่าที่มีอยู่นี้มาก อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักสลักอาคมชั้น 2 ระดับสูง ซึ่งเขาในตอนนี้ไม่มีทางไปถึงอย่างแน่นอน

 

นี่หมายความว่า ระดับของอี้เทียนหยุนในตอนนี้เทียบเท่ากับนักสลักอาคมชั้น 2 ระดับสูงแล้ว ซึ่งอีกไม่นานก็จะไปถึงนักสลักอาคมชั้น 2!

 

 

“เจ้าชนะแล้ว นี่คือพู่กันสลักวิญญาณระดับวิญญาณชั้นสูง เป็นของเดิมพันเพื่อแลกกับสิ่งเดิมพันก่อนหน้า!” เจี่ยผิงไม่อยากถูกตบ ดังนั้นจึงเอาพู่กันระดับวิญญาณชั้นสูงนี้ออกมาเป็นของรางวัลให้กับอี้เทียนหยุนแทน เขาไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะไม่ตื่นเต้น

 

นี่เป็นของรักของหวงของเขา ราคาของมันไม่ต่ำเลย

 

หลังจากคนอื่นๆ ได้เห็นก็พากันอิจฉา ราคาของพู่กันนี้ไม่ใช่น้อยๆ พวกเขาก็อยากจะได้พู่กันนี้เหมือนกัน

 

แต่ใครจะรู้ อี้เทียนหยุนกลับไม่รับพู่กันนี้ไว้ แต่กลับตบเข้าที่หน้าเจี่ยผิงแทน “เพี๊ยะ” เจี่ยผิงที่ไม่ทันตอบสนองก็ถูกฝ่ามือนี้จนปลิวไป ก่อนที่จะอัดเข้ากับกำแพงอย่างแรง ฟันของเขาร่วงหมดปาก ขณะที่ตัวเขานั้นหมดสติไป

 

เพิ่งจะฟื้นได้ไม่นานก็ต้องมาสลบด้วยน้ำมือของอี้เทียนหยุนอีกครั้ง นี่ทำให้ทุกคนพากันตกใจ

 

พู่กันไม่อยากได้ แต่อยากตบแทน? นี่เขาโง่หรือเปล่า?

 

“ข้าบอกว่าตบก็คือตบ ไม่ได้ต้องการขยะชิ้นนี้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา

 

แต่น่าเสียดายที่เจี่ยผิงในตอนนี้ได้หมดสติไปแล้ว

 

นี่ทำให้พวกเขาพากันรู้สึกกลัว ศิษย์ใหม่คนนี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมอย่างนี้? เจี่ยผิงถึงกับเอาพู่กันนี้ออกมา เพื่อไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่อี้เทียนหยุนกลับไม่สนใจ หนำซ้ำยังตบเข้าที่หน้า โดยไม่ปรานีปราศรัย

 

ผลลัพธ์ที่ออกมานี้ ทำให้พวกเขาต้องตกใจ

 

หลังจากการประลองนี้ ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนก็ได้ดังไปทั่วตำหนักเทียนเหวิน พิสูจน์ว่าการที่เขาผ่านป่าวงกตมาได้นั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นเพราะความสามารถ ไม่อย่างนั้นจะมีการแสดงออกที่น่าตื่นตะลึงขนาดนี้ได้ยังไง

 

สามารถอยู่ในนี้ได้ถึงเก้าวัน แสดงว่าเขาต้องมีความสามารถที่หลากหลาย อย่างน้อยก็ในด้านพลังวิญญาณที่สามารถเข้าไปสู่ 15 อันดับแรกได้! นี่ถือว่าเป็นกลุ่มผู้นำโดยแท้ ไม่รู้ว่าระดับที่แท้จริงของเขานั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่

 

มีแต่การสร้างค่ายกลออกมาเท่านั้นถึงจะสามารถแสดงออกถึงระดับที่แท้จริง นี่ก็เหมือนกับคนป่าที่รู้จักแต่การออกหมัดธรรมดาแต่ไม่รู้จักกระบวนท่า เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ได้แต่เต้นอยู่ในฝ่ามือของอีกฝ่าย

 

ยังไงก็ตาม ระดับของเขาก็ยังไม่เปลี่ยน เพราะการแสดงออกของเขานี้มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ระดับของเขายังคงอยู่ที่อันดับที่ 81 เท่าเดิม

 

การจัดอันดับครั้งแรกดูกันที่ศักยภาพหรือความเป็นไปได้ แต่หลังจากเข้ามาแล้วนั้น ต้องผ่านการประเมินเสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถเลื่อนอันดับได้

 

“ฮ่าๆ ลูกพี่ ท่านร้ายกาจจริงๆ จัดการเจี่ยผิงได้ง่ายๆ เลย ยอดเยี่ยมมาก!” เมื่อหยางอวี่เห็นอี้เทียนหยุนออกมา เขาก็รีบเข้ามาหาอย่างไว พร้อมกับส่งตั๋วเงินให้พร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเงิน 4,520 ก่อนหน้านี้ข้าลงเดิมพันข้างท่านแล้วได้มา แบ่งกันคนละครึ่ง! น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าเหลือเงินไม่เยอะ ไม่อย่างนั้นจะต้องได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน!”

 

ในตอนนั้นกระเป๋าเขามีตั๋วเงินอยู่แค่ 3,200 เท่านั้น ดังนั้นจึงลงเดิมพันได้แค่เท่านั้น ไม่มีมากกว่านั้นอีก แม้ว่าตระกูลหยางจะไม่ถือว่าเป็นตระกูลที่ย่ำแย่นัก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพกเงินหลายหมื่นเหรียญติดตัว นั่นไม่มีใครเขาทำกัน

 

อี้เทียนหยุนผลักมือเขาออกไป เรื่องนี้ทำให้เขารู้ว่าคนที่สนับสนุนเขามากที่สุดก็คือหยางอวี่ ในใจก็พลันรู้สึกชื่นชอบเจ้าอ้วนนี่ขึ้นมา หยางอวี่ซื่อสัตย์มาก แม้แต่ช่วงวิกฤตก็ยังเลือกที่จะยืนข้างตน

 

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าหามา ถ้าข้าแพ้ เจ้าก็คงหมดตัว” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ลูกพี่ ท่านจะมาเกรงใจหาอะไร อย่างข้าจะไปมีปัญหาหาเงินได้มากขนาดนี้ที่ไหน!” หยางอวี่ยื่นมือออกไปอีกครั้ง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้ายังไม่รับอีก ถือว่าท่านไม่ไว้หน้าข้า! ลูกพี่ เงินแค่นี้ไม่พอต่อความต้องการของข้าหรอก ท่านควรเปลี่ยนชุดได้แล้ว ข้าจะรออยู่ที่นี่ จากนั้นพวกเราค่อยไปหาอะไรดื่มกัน!”

อี้เทียนหยุนส่งยิ้มให้เขา แม้ว่าชุดของเขาจะไม่ได้หรูหราเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ขาดไม่ใช่เหรอ? พูดได้แค่ว่าความต้องการของพวกเขานั้นสูงเกินไป ถ้าไม่ใช่ผ้าไหมชั้นยอดสุดหรูหรา ถือว่าไม่ใช่ของดี

 

อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาอย่างยืนยัน จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ได้ ข้าจะรับไว้”

 

“ที่จริงแล้วนี่ก็เป็นการเดิมพันของข้าเช่นกัน ก่อนหน้านี้ท่านทะลายป่าวงกตออกมาได้อย่างสบาย ข้าก็คิดว่าท่านต้องไม่ใช่คนปัญญาอ่อนที่ถูกลาเตะเข้าที่ศีรษะ ที่ท่านยอมรับคำท้า แน่นอนว่าตัวท่านต้องมั่นใจ และความจริงที่แสดงออกมาก็บอกว่าข้านั้นไม่ได้คิดผิด คนที่เป็นลูกพี่ของข้าจะไร้ความสามารถได้ยังไง และท่านก็ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์!” หยางอวี่พูดพลางตบหน้าขาของตน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือความเสียใจอยู่บ้างว่า “แต่ว่าน่าเสียดายที่ข้ามีเงินน้อยเงินไป น่าเสียดายจริงๆ…..”

 

เขาส่ายหัวพร้อมกับถอนใจไม่หยุด นี่เป็นเงินสีขาวที่ส่องแสงแวววาว มันสามารถซื้อเม็ดยาได้กองใหญ่ แม้ว่าจะไม่สามารถซื้อเม็ดยาระดับสูงได้ แต่แค่ระดับที่ตัวเองใช้ได้ก็ได้มากองใหญ่แล้ว