ณ โรงแรมดราก้อนรูท ภายในห้องขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นห้องทดลองเวทมนตร์ชั่วคราว
“อีวานส์ นี่เป็น ‘เวทพัฒนาพืชผล’ และ ‘เวทเก็บเกี่ยวใบผลิ’ อาคมเทพระดับสองที่เจ้าขอ” ไอริสทีนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางยื่นกระดาษสีเหลืองกรอบให้กับลูเซียนสองแผ่น กระดาษทั้งสองแผ่นถึงจะเก่า แต่ก็ดูขลัง
แผ่นกระดาษเอลฟ์ทำจากเปลือกไม้เอลฟ์ที่ตกลงบนพื้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นของวิเศษของพวกเอลฟ์ และกระดาษเอลฟ์ก็เป็นหนึ่งในวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการทำตำราเวทมนตร์ชั้นสูง
ดรูอิดทั้งสองเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ‘นิกายกบฏธรรมชาติ’ และเป็นสมาชิกของ ‘ราชสำนักเอลฟ์’ ลูเซียนรู้สึกประหลาดทีเดียวที่เห็น ‘เอลฟ์จากป่าอันไกลโพ้น’ ใช้วัสดุราคาแพงราวกับว่าไม่มีค่าอะไร
ลูเซียนรับกระดาษสองแผ่นที่บันทึกอาคมเทพ และสังเกตว่าตราประทับสามมิติมีความซับซ้อน ดูเหมือนว่าตราประทับจะเสียหายและมีบางส่วนที่หายไป รูปแบบพลังเหนือธรรมชาติไม่สมดุลและทุกอย่างดูแปลกตา เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าชายอาร์เซเลียน เจ้าหญิงไอริสทีน กระหม่อมคิดว่าตราประทับของอาคมเทพทั้งสองไม่สมบูรณ์ จริงๆ แล้วฝ่าบาทควรอยู่ที่นี่และให้ความร่วมมือ”
‘ร่วมมือ? เรามาที่นี่เพื่อทำลายแผนของเจ้า!’ ไอริสทีนนึกสาปแช่งในใจ
“อีวานส์ เราเป็นดรูอิด ไม่ใช่นักเวท และพลังอันแข็งแกร่งของเราเป็นของขวัญจาก ‘พระแม่แห่งสรรพสิ่ง’ เจ้าจะสามารถสัมผัสกับ ‘พระจิตแห่งสรรพสิ่ง’ และสร้างรูปแบบอาคมเทพจากความทรงจำของเจ้าได้ หากเจ้ารักธรรมชาติและเต็มใจจะปกป้องพระแม่ พวกเราไม่เคยและจะไม่คิดจะเรียนรู้การวิเคราะห์และวาดตราประทับอาคมเทพ เราช่วยได้แค่นี้” นางตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่มีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า
อาร์เซเลียนพอใจกับคำอธิบายของน้องสาว
“หากเจ้าต้องการเห็นตราประทับอาคมเทพที่สมบูรณ์ เราก็สามารถสร้างอุปกรณ์อาคมเทพและให้เจ้าได้เห็นอาคมเทพกับตาตัวเอง แต่พระจิตแห่งสรรพสิ่งจะสร้างเกราะป้องกันทำลายเนื้อหาภายในทันทีที่เจ้าพยายามวิเคราะห์ อีวานส์ เจ้าเก่งกล้าพอที่จะรักษาตราประทับอาคมเทพให้ปลอดภัยตอนผ่านเกราะป้องกันของธรรมชาติได้ไหมลล่ะ” เขาพูดเสริมด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
อาร์เซเลียนพูดความจริง สภาแห่งเวทมนตร์ได้ยึดอุปกรณ์มากมายที่ได้หลอมรวมเข้ากับพลังเทพ แต่ก็ยังมีปัญหาในการศึกษาวิเคราะห์ความลึกลับของเวทมนตร์แห่งเทพ หนึ่งในเหตุผลก็คือนักเวทระดับสูงส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาสภาพตราประทับอาคมเทพในขณะข้ามผ่านเกราะป้องกันเทพ
อย่างไรก็ตาม มีเพียงมหาจอมเวทเท่านั้นที่มีความสามารถพอที่จะทำได้ แต่พวกเขาตระหนักว่าจะต้องพึ่งพาพลังลึกลับ หลังจากทำลายอุปสรรคของเทพและศึกษาโครงสร้างของตราประทับอาคมเทพ แต่พลังลึกลับยังไม่ได้รับการศึกษาและวิเคราะห์ นั่นคือเหตุผลที่อาคมของชาวดรูอิดมีความสำคัญมากระหว่างกระบวนการศึกษาอาคมเทพ
ลูเซียนมีอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเก้า ‘มงกุฎสุริยัน’ อยู่ในครอบครอง วิธีเดียวที่จะร่ายคาถาเปิดใช้งานได้ก็คือ การใช้ตราประทับจิตวิญญาณที่มาสเกลีนทิ้งไว้ แต่เขายังไม่พบวิธีวิเคราะห์ตราประทับอาคมของอุปกรณ์พลังเทพเลย เขาสังเกตว่าดรูอิดทั้งสองตนนี้ไม่เต็มใจให้ความร่วมมือ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นักเล่นแร่แปรธาตุสติหลุดชอบใช้เป็นประจำ “เอาล่ะ กระหม่อมจะพยายามวิเคราะห์กับเจ้าไทเรล และเจ้ายูรีน”
‘เราจะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หากอีวานส์มีแผนอยู่แล้ว เราจะไปตรวจสอบคณะวิจัยพื้นดินและสถานการณ์ของคณะวิจัยอื่นๆ เราต้องการข้อมูลเพื่อการทดลองในอนาคตของเราเอง’ แม้ว่าอาร์เซเลียนจะเป็นคนที่หยิ่งผยองจากราชวังเอลฟ์ แต่เขาก็มีพรสวรรค์ในการหาข้อแก้ตัวประหลาดๆ
ลูเซียนขยับแว่นกรอบโลหะเบาๆ “คงไม่ได้ ฝ่าบาทต้องร่ายอาคมเทพ ขณะที่พวกกระหม่อมทำการวิเคราะห์ เนื่องจากเราต้องสังเกตและศึกษาอาคมเทพด้วยตาตนเอง มิฉะนั้น พวกกระหม่อมจะศึกษาขั้นตอนนี้สำเร็จ พวกฝ่าบาทมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเรามิใช่หรือ?”
อาร์เซเลียนและไอริสทีนไม่อาจเผยความตั้งใจจริง ก่อนที่ผู้เฒ่าดรูอิดจากราชวังเอลฟ์และนิกายกบฏธรรมชาติจะมีคำสั่งต่อไป พวกเขามาที่นี่เพื่อทำลายแผนลูเซียน แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการให้สภาเวทมนตร์มีข้ออ้างจับกุมพวกเขา นอกจากนี้ พระราชวังเอลฟ์ก็ไม่ต้องการถูกใส่ร้ายด้วยเหตุผลน่าเบื่อเหล่านี้
ดรูอิดทั้งสองออกอาการผิดหวังเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ตอบไป “ใช่ เรามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า แต่เราจะทำอะไร ระหว่างที่เจ้าวิเคราะห์อาคม เจ้าอยากให้เรานั่งดูเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?”
“เอาเป็นว่า ฝ่าบาทจะงีบ จะอธิษฐานต่อพระจิตแห่งสรรพสิ่ง จะคุยกัน หรืออ่านหนังสือที่กระหม่อมเอามาก็ได้ แต่ฝ่าบาทต้องอยู่ที่นี่ เราจะได้ขอความช่วยเหลือได้” ลูเซียนพยายามเลียนแบบการแสดงออกของจอมเวทที่สนใจแต่การทดลอง “ถ้าฝ่าบาทต้องการหาอะไรทำระหว่างรอ กระหม่อมมีโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน สนใจไหมพะยะค่ะ?”
โจทย์คณิตศาสตร์ออกแบบมาเพื่อช่วยฝึกจิตของแอนนิค และสปรินต์
อาร์เซเลียนและไอริสทีนมองดูกองกระดาษหนาๆ ในมือของลูเซียนสักครู่ ตัวเลขและสูตรที่ซับซ้อนบนกระดาษเป็นเหมือนการสาปแช่งพวกเขา เนื่องจากดรูอิดเรียนจิตใจจากธรรมชาติ ดังนั้นตัวเลขเหล่านี้จะทำให้พวกเขาปวดหัว
…
ไทเรลมองดูตราประทับอาคมเทพที่ซับซ้อน ขณะที่ไอริสทีนและอาร์เซเลียนนั่งลงที่มุมห้องทดลองกับผู้คุมเอลฟ์ และเขาสื่อสารกับลูเซียนอย่างรวดเร็วโดยใช้เวทส่งข้อความ “รูปแบบพวกนี้ทำให้ข้าปวดหัว ข้าหวังพึ่งเจ้า!”
เวทส่งข้อความสั้นๆ จัดเป็นเวทระดับสอง แต่หลังจากที่ได้รับการปรับปรุงโดยจอมเวทหลายคนมันกลายเป็นนักเวทมนตร์ระดับฝึกหัด มันสามารถส่งข้อความไปยังเป้าหมายภายในระยะสิบเมตรโดยใช้พลังงานพิเศษ
เสียงของยูรีนดังก้องอยู่ในหูของเซียนด้วยเวทมนตร์ส่งข้อความ แต่เขาก็ไม่พอใจกับฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์อาคมเทพ
คนบ้าการต่อสู้ทั้งสองคนเริ่มมองไปที่อาคมเทพ หลังจากส่งข้อความไปหาลูเซียน แต่พวกเขาแค่กำลังวาดฉากฤดูหนาวที่สวยงามถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเขียนด้วยปากกาขนนก
“ดูเหมือนว่าจะมีแค่ข้าคนเดียวที่กำลังทำงาน” ลูเซียนเลิกหวังกับทีมวิจัยอาร์คานา จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษขาวกองหนึ่งออกมาและเริ่มแก้โจทย์ฟิสิกส์พื้นฐานและโจทย์คณิตศาสตร์ที่ราเวนติมอบให้เขา
ลูเซียนไม่เคยใช้เวลากับวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูงมากเกินไป ดังนั้นนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาในการเรียนรู้จากราเวนติ สภาเวทมนตร์กำลังศึกษาฟังก์ชั่นตัวแปรที่ซับซ้อนและมันเป็นเรื่องที่ผู้คนในศตวรรษที่ 19 บนโลกกำลังศึกษา แต่ฟังก์ชั่นดังกล่าวยังเกินความสามารถของคนส่วนใหญ่
นอกจากหนังสือปิดผนึกในห้องสมุดวิญญาณของเขาแล้ว ลูเซียนมีความรู้ด้านคณิตศาสตร์มากกว่าสภาเพียงเล็กน้อย เช่นพีชคณิตเชิงเส้น ระบบสัจพจน์ และการคาดเดาคณิตศาสตร์โดยที่ไม่มีคำตอบ
การประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์ในโลกนี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของการฝึกฝนเชิงสำรวจและการประยุกต์ใช้เวทมนตร์ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาในการศึกษาการคาดเดาทางคณิตศาสตร์และทฤษฎีจำนวนมากเกินไป ลูเซียนวางแผนที่จะเขียนการคาดเดาทางคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทั้งหมดและตีพิมพ์เผยแพร่หลังจากที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งในสภาเวทมนตร์ ดังนั้นต่อจากนี้เหล่าจอมเวทในโลกนี้อาจจะได้ใช้เวลาและสนุกไปกับโจทย์ทางคณิตศาสตร์
ไอริสทีน และอาร์เซเลียนมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของลูเซียนด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังถือปากกาขนนกด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าเจ้าจะฉลาดแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะใช้เวลาสั้นๆ ในการวิเคราะห์ให้เสร็จสิ้น โดยที่ไม่ต้องมีรูปแบบที่สมบูรณ์”
ดรูอิดทั้งสองคนมีความสุขที่กับแผนของพวกเขา พวกเขาเกลียดที่จะเสียเวลาอันมีค่าของพวกเขาที่นี่ แต่พวกเขาก็ชอบดูลูเซียนทุกข์ทรมาน
เมื่อเวลาผ่านไป ลูเซียนก็อ้าปากพูดว่า “เจ้าชายอาร์เซเลียน ช่วยร่าย ‘เวทพัฒนาพืชผล’ ให้กระหม่อมหน่อย”
การแสดงออกของอาร์เซเลียนเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง และเขาก็ร่ายอาคมเทพระดับสามอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพุ่มไม้เขียวที่ดูเหมือนลวดหนามขึ้นปกคลุมพื้นห้องทดลอง พุ่มไม้ส่องแสงวิบวับเหล่านี้อาจทำลายการป้องกันของอัศวินได้อย่างง่ายดาย
“ดี นั่นคือสิ่งที่กระหม่อมต้องการ” ลูเซียนพยักหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาหันหลังกลับและเริ่มแก้โจทย์อีกครั้ง
หลายนาทีต่อมาเสียงไร้อารมณ์ของลูเซียนก็ดังขึ้นในห้องอีกครั้ง
“เจ้าหญิงไอริสทีน ได้โปรดร่าย ‘เวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ’ ให้กระหม่อมหน่อย”
“แน่นอน”
คลื่นพลังเทพถูกปล่อยออกมาในห้องอีกครั้ง
…
“เจ้าชายอาร์เซเลียน ร่าย ‘เวทเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ’ ให้หน่อย”
…
“เจ้าหญิงไอริสทีน ช่วยร่าย ‘เวทพัฒนาพืชผล’ อีกครั้ง”
…
คลื่นพลังเทพถูกปล่อยออกอีกครั้งและอีกครั้งหลังจากที่ลูเซียนร้องขอ
“อีวานส์ ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เจ้าวิเคราะห์ไปถึงไหนแล้ว ได้เรียนรู้อะไรจากอาคมเทพหรือไม่?” อาร์เซเลียนยืนขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่พวกเขาก็ยังสามารถร่ายอาคมเทพได้อีกหลายสิบครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะใช้ความเหนื่อยล้าเป็นข้อแก้ตัวก็ตาม
ลูเซียนจับกระดาษและตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ขออภัยตราประทับอาคมเทพนั้นไม่สมบูรณ์และการวิเคราะห์ของกระหม่อมก็ยังทำได้ไม่ดีนัก”
อาร์เซเลียนและไอริสทีนต่างก็ให้กำลังใจ แต่พวกเขาก็ยังคงยิ้มได้ “ไม่เป็นอะไรอีวานส์ ขั้นตอนแรกมันก็ใช้เวลามากที่สุดอยู่แล้ว”
“แน่นอน พวกเรามาทานอาหารกลางวันกันก่อน” ลูเซียนพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาสีหน้าที่ว่างเปล่าไว้บนใบหน้าของเขา ตอนนี้ถึงเวลาอาหารอร่อยๆ แล้ว หลังจากที่เขาแก้โจทย์ไปมากมาย
ไทเรล และ ยูรีนเกือบจะหลับไปแล้ว แต่พวกเขาก็กระโดดออกจากห้องเหมือนกระต่ายหลังจากได้ยินว่าถึงเวลาอาหารกลางวัน
“เดี๋ยวก่อนอีวานส์ โปรดส่งตราประทับอาคมเทพทั้งสองแผ่นให้พวกเราด้วย ข้าเชื่อว่าเจ้าได้จดจำตราประทับอาคมเทพไว้แล้ว” ไอริสทีน จะไม่มีทางที่จะให้นักเวทถือครองสิ่งของอันล้ำค่า
ลูเซียนผิดหวังเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำขอของนาง
…
สามวันต่อมาไอริสทีน และอาร์เซเลียนถูกบังคับให้อยู่ในห้องทดลองตามคำร้องขอของลูเซียน แต่พวกเขาได้ยินว่าทีมวิจัยอื่นๆ เริ่มทำการทดลองบนบกแล้ว พวกเขาได้แต่สงสัยและตัดสินใจที่จะคุยกับลูเซียน
การวิเคราะห์ของชายคนนั้นยังไม่คืบหน้าเท่าไร ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะไปยุ่งกับเจ้าชายและเจ้าหญิง
…………………………….