เห็นได้ชัดว่าเวอร์ชั่นของหนังนี้มีช่องโหว่อยู่ไม่น้อยหากเทียบกับเวอร์ชั่นดั่งเดิมในการต่อสู้ของเวอร์ชั่นที่ฉายอยู่นี้นำเสนอผู้ชมเกี่ยวกับการต่อสู้และความสามารถในการแข่งขันของแดนเฉินซี่รวมไปถึงความมั่นคงของซวนเทียนซงและความปรารถนาของท่านอาจารย์ผู้เสียสละ
ขณะเดียวกันผู้ฝึกฝนและนักรบหลายคนได้รับการสนับสนุนพวกเขาเกิดความทราบซึ้งระหว่างกันทั้งความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่มในช่วงเวลาอันตรายและความสัมพันธ์ของชีวิตต่อชีวิต
เวลาของผู้ฝึกฝนได้เริ่มต้นขึ้นแล้วพวกเขาสามารถเข้าถึงดินแดนที่สูงขขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสามารถต่อสู้กับพลังแห่งสวรรค์ ในฐานะศิษย์คนโตของกลุ่มอี้เมย แดนเฉินซี่ออกคำสั่งให้มีการจัดเวรคุ้มครองด้านนอกของถ้ำเลือด
อีกด้านหนึ่งอาจารย์ผู้อาวุโสก็ได้รวมกลุ่มสาวกและช่วยรักษาความแข็งแกร่งของภูเขาซู ถ้ำเลือดนั้นคุ้มค่ากับความพยายามอย่างยิ่งยวดของหยูกวนเหมือนเป็นช่องว่างของธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหยูกวนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเกรงว่าหยูกวนจะใช้พลังของถ้ำเลือดเพื่อแก้แค้นพวกเขา หากพวกเขาตายในถ้ำเลือดนั้นคือการที่พวกเขาเพิ่มพลังให้คู่ต่อสู้
การป้องกันถูกเปิดใช้งานทันที
หนังยังคงดำเนินเรื่องต่อไปผู้ฝึกฝนได้เห็นความแข็งแกร่งที่ซ่อนเร้นของกลุ่มอี้เมย ขณะที่พวกเขาเองก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่หยูกวนนำพามาสู่กลุ่มภูเขาซู
นอกเหนือจากกระจกสวรรค์แล้วดาบคู่สายฟ้าแห่งสวรรค์ก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของกลุ่มอี้เมย ดาบคู่อันทรงพลังเป็นเหมือนตัวแทนของหยินและหยาง พวกเขาก็เช่นกันการรวมตัวของพวกเขาและกองกำลังก็เหมือนการผสานของหยินและหยาวที่ลงตัวก่อนที่ท้ายสุดพวกเขาจะปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา!
“อี้เมยมีสมบัติล้ำค่าที่ทรงพลังที่สุดงั้นหรือ?” สาวกและผู้อาวุโสแห่งดินแดนทะเลดวงดาวทำหน้าตะลึงงัน
เมฆทะยานขึ้นสู่ภูเขาที่ตั้งของกลุ่มอี้เมย ในที่สุดความพยายามในการรวมดาบคู่แหง่สวรรค์ก็สำเร็จ พวกเขาเห็นแสงของดาวสีเขียวและสีม่วงที่ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมด้วยพลังของดาบที่มากมายอย่างล้นหลาม
“พวกเขาสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณแบบนี้ในโลกนั้นได้อย่างไร?” โมเซียนพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ด้วนหยินและหยางอันกหนึ่งอ่อนอันหนึ่งแข็งดาบคู่นี้จึงมีพละกำลังสูง สิ่งที่พิเศษที่สุดคือดูเหมือนว่าจะไม่มีการแกะสลักอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับขุมทรัพย์ทางจิตวิญญาณเหล่านี้” จุนหยางชีผู้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์นั้นดูจริงจัง “แม้แต่กระจกแห่งสวรรค์ของผู้อาวุโสเองยังไม่มีร่องรอยการแกะสลักลงจิตวิญญาณเลย แต่ดูเหมือนว่าจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าประหนึ่งว่า ..”
จุนหยางชีพบว่ามันยากที่จะหาคำตอบที่เหมาะสมเพื่ออธิบายเกี่ยวกับสมบัติเหล่านี้เนื่องจากไม่มีคำไหนที่จะสามารถนำมาใช้ได้กับเรื่องราวเหล่านี้
“ราวกับว่าพวกเขาเป็นปีศาจที่เกิดและเติบโตมาจากสวรรค์” หนิงไป่กล่าวพร้อมกับมองอย่างตั้งใจ
“ผู้หญิงคนนี้พูดถูก!” จุนหยางชียกนิ้วให้เธอแล้วพูดว่า “ถ้าเราสามารถคัดลอกส่วนเล็กๆ ของมันได้เราคงจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากมายที่ไม่สามารถจินตนาการได้ในแง่ของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ถึงอย่างไรก็ตามสมบัติทางจิตวิญญาณเหล่านี้มีแก้นแท้ที่ทรงพลังก่อนที่จะถูกขัดเกลา เราจะโชคดีมากหากเรามีสักชิ้นหนึ่งในนั้น!”
จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็ได้เห็นความล้มเหลวของการรวมกันของดาบโจมตีและดาบสายฟ้าหลังจากร่างกายของเชียงกงวูจิเจ้าของดาบสายฟ้าและอาจารย์ผู้อาวุโสจากอี้เมยถูกทำลายและถูกบันทึกไว้ว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างดาบ
“เขาเป็นอมตะจริงๆ หรือ!? แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?” ซงฉิงเฟิงตะโกนอย่างไม่เชื่อสายตา นาหลันหมิงสื่อที่นั่งนิ่งดูตกใจไม่น้อย
คนหนุ่มสาวจากสำนักหลิงหยวน, เฉิงจิ้งและซียีเองก็งงงวยกับฉากนี้เช่นกัน
“เมื่อพวกเขามาถึงอาณาจักรขั้นสูงเช่นนี้ พวกเขาสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ!” นาหลันฮงวูเอ่ยเตือน “ดูจากกระบวรนการสร้างอย่างละเอียดและปรับโครงสร้างแล้ว .. คงได้ผลรับที่ดี”
“เฮ้! เรายังดูไม่จบเลย” รวนหนิงตะโกน เธอยังคงติดตรึงอยู่กับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์หลังจากฉากตรงหน้า อาจารย์ทั้งสองร่างกายได้ถูกทำลายไปเล็กน้อยหลังจากการรวมพลังดาบ
ตอนนี้พวกเขามาถึงถ้ำเลือดแล้ว
“ยังต้องการดูต่อหรือไม่?” ฟางฉีถามด้วยเสียงเรียบไร้ความปราณี
“อ่า! เจ้าอยากตายหรอ?” รวนหนิงจ้องหน้าฟางฉีด้วยความโกรธรู้สึกอยากจะบีบคอเขาซะตรงนี้
“…” หญิงสาวหลายคนรู้สึกนอยกับความดุของฟางฉี พวกเขาจ้องไปที่ฟางฉีแต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องข่มใจอยู่ดี
“ดูสิ! ทำไมถึงมีปีศาจตัวน้อยแถวนี้” ด้านหน้าถ้ำเลือดผู้ชมทุกคนรู้สึกเหงื่อออกเมื่อเห็นว่าร่างของแดนเฉินซีถูกครอบงำโดยปีศาจสาวชุดแดงดูเปราะบาง
“นั่นอะไร!? มีสิ่งนั้นในโลกด้วยหรอ?” ด้วยความคิดที่ว่าวิญญาณไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้หากพวกเขาจิตแข็งพอ แต่ก็นั้นแหละจากที่หนังได้แสดงให้เห็นผู้ชมต่างตัวสั่นและตระหนักได้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยอันตรายแม้แต่แดนเฉินซีผู้ฝึกฝนมาเป็นหลายร้อยปียังตกอยู่ในกับดัก
ในอีกด้านหนึ่งอาจารย์ผู้อาวุโสบราวกำลังเตรียมแผนสองเพื่อรับมือจัดการกับหยูกวน
“อาจารย์อาวุโสบราวผู้นี้กำลังขึ้นสู่อาณาจักรสวรรค์แน่!” พวกเขาแสดงความเห็นเนื่องจากเห็นว่าเขากำลังขึ้นไปยังเหนือโลกเพื่อหาอาวุธที่จะรับมือกับหยูกวน
ไม่น่าแปลกใจที่พลังการฝึกฝนของเขาจะสูงมากจนน่ากลัว ขณะเดียวกันการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าผู้ชมมีความหวังสูงมากสำหรับการรวมตัวของพลังทั้งสาม พลังที่จัดตั้งโดยอาจารย์บราวและคาดเดาว่ามันจะต้องเป็นพลังที่เกินกว่าโลกมนุษย์จะเคยสัมผัส ในทางกลับกันพวกเขาเองก็ตกใจกับพลังปีศาจที่แข็งแกร่งของหยูกวนไม่น้อยพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างเหลือเชื่อซะเหลือเกิน!
แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ศึกเทพยุทธภูผาซูนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอย่างรวดเร็วแต่ละฉากและรายละเอียดทุกอย่างทำให้ผู้ชมตราตรึงใจ
ตลอดเวลาที่ผู้ชมตั้งใจชม พวกเขาแทบไม่อยากกระพริบตาเนื่องจากไม่อยากพลาดรายละเอียดใดๆ เลยหัวใจของพวกเขานั้นเฝ้ามองดูแดนเฉินซีที่กำลังถูกครอบงำ พวกเขาหยุดดูไม่ได้เลย แม้ว่าจะแอบสิ้นหวังแต่ก็ยังเอาใจช่วยอยู่ร่ำไป
น้ำตาแห่งความตื่นเต้นและเศร้าปนกันไปหมด มันเอ่อล้นเต็มดวงตาของพวกเขาเมื่อแสงสีฟ้าปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าเป็นสัญญาณบอกว่าอาจารย์อาวุโสบราวได้มาถึงยังโลกมนุษย์และในที่สุดซวนเทียนซงก็เข้าใจถึงการรวมตัวกันของสามพลัง
ในที่สุด .. การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็มาถึง