ตอนที่ 325 คัมภีร์หมอผีในกลุ่มชาติพันธุ์อี๋

เมื่อหญิงสาวร่างอ้วนเห็นว่าหยางโปกำลังมองมาทางเธอ จึงอดที่จะถลึงตาใส่หยางโปไม่ได้ ” ไอ้เด็กอันธพาล มองอะไรนักหนา ! “

คนนี้คือคนที่เพิ่งจะแสดงท่าทางโกรธเคืองได้ไม่นานคนนั้น เธอมีรูปร่างที่สูงมาก ประมาณสัก 1.7 เมตรถึงจะได้ แต่ก็มีรูปร่างที่อ้วนท้วมมากเหมือนกัน หลังจากที่หยางโปทำการพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั้น เขาก็ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป แต่ไม่ได้จับเอวของอีกฝ่าย แน่นอนว่า เขาก็ไม่สามารถยื่นมือออกไปทำท่าทางแบบนั้นได้

ไม่ทันรอให้หยางโปเอ่ยปาก อีกคนก็พูดขึ้นมาว่า ” เฮ้ ทำไมเธอถึงได้อยากรู้ขนาดนี้ แอบมองเขาจูบกันเนี่ยนะ ? “

 

หยางโปมองไปทางคนพวกนี้แวบหนึ่ง หญิงสาวคนนี้ตัดผมสั้น ดูท่าทางองอาจห้าวหาญ เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า

” พวกคุณดูได้ ส่วนผมดูไม่ได้เหรอ ? “

หยางโปหมุนตัวเดินเข้าไปในร้าน เขากลัวว่าถ้าตัวเองยังยืนอยู่ตรงประตูจะทำให้ดึงดูดความสนใจจากภายนอกได้ ถึงยังไงนี่ก็เป็นความลับของหูชิงชิง ถ้าถูกเธอเห็น ทั้งสองฝ่ายต้องรู้สึกลำบากใจอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่สวยสะพรั่งคนนี้อยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หยางโปก็มักจะรู้สึกแปลกมากๆเสมอ

ในร้านขายวัตถุโบราณนั้นเงียบมาก ท้องฟ้าค่อยๆมืดดำลง ในร้านก็เลยไม่มีลูกค้าเลยสักคน

เมื่อหญิงสาวร่างอ้วนเห็นหยางโปเดินเข้าไปในร้าน เธอก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า ” เฮ้ นายจะทำอะไร ? ของพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะหยิบจับมั่วๆได้นะ พวกเรากำลังจะเลิกงานแล้วด้วย ! “

 

หยางโปโบกมือไปมา ” วางใจเถอะครับ ผมไม่แตะมั่วๆหรอก ถึงยังไงผมก็ชดใช้ไม่หมดหรอกใช่ไหมละ ? “

” ถือว่าไหวพริบดีนิ ! ” หญิงสาวร่างอ้วนพูดขึ้น

หญิงสาวผมสั้นก็พูดขึ้นประโยคหนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาออกไปข้างนอกอีกครั้ง เธอจ้องเขม็งไปทางด้านนอก เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ด้านนอกนั้นกำลังกอดกัน จึงอดที่จะพูดขึ้นอย่างคนหลงไหลคลั่งไคล้ไม่ได้ว่า

” ช่างเป็นภาพที่แสนโรแมนติกมากจริง ๆ !ขอให้ท่านที่มีรักแท้ได้ครองคู่กันตลอดไป “

หญิงสาวร่างอ้วนจึงได้ตีเธอไปหนึ่งที ” เธอ ทำไมเธอถึงได้คิดอย่างนี้เนี่ย ! เธอน่าจะไม่ใช่เลสเบี้ยนหรอกนะ ? “

 

” พูดบ้าอะไรเนี่ย ? ฉันจะเป็นได้ยังไง ? ” หญิงสาวผมสั้นส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้น

เมื่อพูดประโยคนี้แล้ว เธอก็พูดขึ้นเสียงต่ำๆอีกครั้งว่า ” เธอวางใจเถอะน่า ถึงฉันจะเป็นเลสเบี้ยน ฉันก็ไม่มีทางชอบเธอหรอก “

เมื่อหยางโปที่ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ก็อดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ และก็เบนสายตาเข้าไปในร้านอีกครั้ง ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ก็เดินดูสักรอบละกัน

เมื่อเดินดูไปสักพัก ไม่นานหยางโปก็ค้นพบความประหลาดใจของร้านแห่งนี้ เพราะทุกอย่างที่เขาเห็น ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุที่สร้างขึ้นจากกระดูกทั้งนั้น

 

มีดสั้นกระดูกช้างที่ดูเหมือนจะแหลมคมมาก สร้อยคอกระดูกจามรีก็ดูมีสไตล์แบบดั้งเดิม แหวนหยกที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกกวางที่แลดูแวววาวมาก แม้กระทั่งพัดกระดูก หมากรุกกระดูก เป็นร้านที่ขายสินค้าจำพวกกระดูก แต่หยางโปกลับไม่เคยเห็นมาก่อน

หยางโปมองไปรอบๆร้าน แล้วก็เห็นว่าภายในร้านไม่มีคนอื่นเลย มีเพียงหญิงสาวที่น่าจะเป็นพนักงานในร้านแค่ 2 คนเท่านั้น เขาจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า ” กระดูกเหล่านี้ของพวกคุณเป็นของจริงเหรอครับ ? “

” พูดจาเหลวไหล ต้องเป็นของจริงสิ ! ” หญิงสาวร่างอ้วนตำหนิกลับไป ราวกับว่าเธอตัดสินว่าหยางโปนั้นเป็นพวกลามกยังไงอย่างนั้น

หยางโปจนปัญญา จึงได้หมุนตัวแต่กลับเห็นว่าเธอได้เดินมายังข้างเคาร์เตอร์ชำระเงินแล้ว หญิงสาวผมสั้นมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นด้วยความอนิจจังว่า ” พวกเธอไปแล้ว “

 

เมื่อพูดจบ หญิงสาวผมสั้นก็เดินมา โดยที่ไม่มองหยางโปเลยสักนิด ก่อนจะถามขึ้นว่า ” นายอยากซื้ออะไรละ ? “

หยางโปจึงคิดได้ขึ้นมาในทันที ที่แท้คนหนึ่งก็เป็นคนคิดเงิน ส่วนอีกคนก็เป็นพนักงานนี่เอง

” มีสินค้ากระดูกชิ้นไหนที่เฉพาะเจาะจงปีบ้างไหม ? ” หยางโปถามขึ้น ของที่อยู่ในนี้มีมากมายก่ายกอง เขาเองก็อดที่จะมองดูแต่ละชิ้นไม่ได้

” นายตามฉันมา ” หญิงสาวผมสั้นพูด ในช่วงเวลานี้เธอดูสงบลงมากแล้ว

หยางโปไม่ได้สนใจ จึงเดินตามหญิงสาวผมสั้นเข้าไปด้านข้าง เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าตู้เล็กๆใบหนึ่ง หญิงสาวผมสั้นก็ชี้ออกไปแล้วพูดขึ้นว่า ” ทุกอย่างอยู่ในนี้ ! “

 

หยางโปมองไปทางตู้นั้น แล้วก็เห็นว่าภายนอกของตู้นี้ปกคลุมไปด้วยกระจก อีกทั้งยังวางอยู่บนแท่นฐานที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย เมื่อมองจากด้านหน้าก็ทำให้สามารถมองเห็นระดับความสำคัญของเถ้าแก่ได้

ตู้ทั้งใบนี้มีของวางอยู่หลายสิบชิ้น และแต่ละชิ้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งของที่พิเศษมากอีกด้วย

” นี่คือกระดูกขลุ่ย อยู่ในช่วงสาธารณรัฐจีน ” หญิงสาวผมสั้นชี้ออกไปทางหัวกระดูก

หยางโปมองตามไป ก็เห็นหัวกระดูกที่ดูยืดยาว ด้านบนมีรูเล็กๆอยู่หลายแห่ง หัวกระดูกถูกตัดออกเป็นสองท่อน ขุดเอาส่วนในของกระดูกออกมา จนกลายเป็นรูปร่างของขลุ่ยกระดูก เขามองดูอยู่สักพัก ก็มั่นใจว่าเป็น

ขลุ่ยกระดูกในยุคสมัยสาธารณะรัฐจีน เพียงแต่ดูเป็นงานที่หยาบไม่เรียบร้อยเท่านั้น

 

เมื่อเห็นหยางโปส่ายหน้า หญิงสาวผมสั้นก็ไม่ได้ถอดใจ เธอได้อธิบายต่อว่า ” นี่เป็นเครื่องเขียนเก่าแก่เซียงซานที่สร้างขึ้นจากกระดูกเก่าในช่วงสมัยราชวงศ์ชิงที่แกะสลักวาดเขียนโดยใช้ทองเป็นรูปสิ่งมีชีวิต แกะสลักได้สวยสดงดงามมาก ราวกับมีจิตวิญญาณ คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง ? “

หยางโปมองออกไป แล้วก็เห็นว่าเครื่องเขียนแกะสลักกระดูกนั้นละเอียดมาก เรียบง่าย หนึ่งใน 9 ผู้เฒ่าที่รังสรรค์วรรณกรรมขึ้นมาอย่าง ไป๋ จวีอี้นักกวีในราชวงศ์ถังที่เคยอาศัยอยู่ในเซียงซาน มีการรวมตัวของ

” 9 ผู้เฒ่า ” กับท่านผู้เฒ่าอีก 8 คน นั้นคือหัวข้อสำคัญของงานนี้

เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็มองไปทางอีกฝ่าย ” นี่คือกระดูกอะไรเหรอ ? “

 

” กระดูกช้าง ” หญิงสาวผมสั้นพูดขึ้น

หยางโปมองไปทางเครื่องเขียน แล้วก็เห็นว่าด้านล่างของเครื่องเขียนนั้นมีราคาติดเอาไว้สูงถึง 200,000 หยวน ” นี่มันราคาอะไรเหรอ ? “

หญิงสาวผมสั้นชี้ไปที่ป้ายสินค้า โดยไม่พูดอะไร

หยางโปถึงได้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ” ราคานี้มันสูงเกินไปหน่อยนะครับ ลดให้สัก 8 เจ๋อได้ไหม ? “

หญิงสาวผมสั้นส่ายหน้า ” ฉันไม่ใช่เจ้าของ “

เมื่อพูดจบ หญิงสาวผมสั้นก็บุ้ยปากไปทางหญิงสาวร่างอ้วนคนนั้น ” นายไปถามเธอดูละกัน “

 

หยางโปมองไปทางหญิงสาวร่างอ้วนที่ประจำอยู่ ณ เคาร์เตอร์คิดเงิน แล้วก็เห็นว่าหญิงสาวร่างอ้วนกำลังถือจอยเกมส์อยู่ในมือของเธอ คาดไม่ถึงว่าคอมพิวเตอร์คิดเงินจะสามารถเล่นเกมส์ได้ด้วย ! เขาจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าหญิงสาวร่างอ้วนนั้นมีสถานะ มีประวัติภูมิหลัง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเถ้าแก่น้อย !

หยางโปพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อบ่งบอกว่าเข้าใจ แต่เขาก็ยังไม่ได้รีบเคลื่อนไหวอะไร นอกจากจะมองไปทางสินค้าที่อยู่ด้านล่างเหล่านั้น

” นี่เป็นชุดเล็บมือที่สร้างขึ้นจากกระดูก “

” นี่คือบ้องยาสูบที่สร้างขึ้นจากกระดูก “

….

 

สินค้าที่เห็นล้วนแล้วแต่ถูกหยางโปส่ายหน้าปฏิเสธทั้งสิ้น เขาไม่ได้สนใจคำอธิบายของหญิงสาวผมสั้นเลยสักนิด จนเขาเห็นแผ่นไม้ไผ่ที่สร้างขึ้นจากกระดูกชิ้นหนึ่ง จึงได้ชี้ไปทางแผ่นไม้ไผ่ที่สร้างขึ้นกระดูกนั้น ” นั้นคืออะไร ? “

” นั้นคือแผ่นไม้ไผ่นะสิ ” หญิงสาวผมสั้นตอบกลับมา

หยางโปมองอีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าหัวกระดูกนั้นถูกผ่าเป็นลักษณะของไม้ไผ่ ใช้ลวดเงินมัดเข้าหากัน ส่วนด้านบนมีการเขียนด้วยตัวอักษรเล็กๆเบียดเสียดกันอยู่ เพราะแผ่นไม้ไผ่กระดูกถูกวางเอาไว้ในตำแหน่งที่ต่ำมากเกินไป หยางโปจึงต้องคุกเข่าลง แล้วมองทะลุกระจกเข้าไป

 

เมื่อมองดูไปสักพัก หยางโปก็หมุนตัวกลับมาด้วยความตื่นตกใจ เพราะเขาเห็นอักษรอี๋เขียนอยู่บนแผ่นไม้ไผ่กระดูกนั้น !

หยางโปเองก็เคยเรียนอักษรอี๋ด้วยตัวเองมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งมาก่อน จึงพอจะแปลเป็นตัวอักษรจีนได้

” คัมภีร์บวงสรวงบรรพบุรุษ ” ! นี่เป็นพระคัมภีร์ศักดิสิทธิ์ของชาวอี๋ที่มีชื่อว่า คัมภีร์ปี่โม๋ !

ชาวอี๋เชื่อในศาสตร์พ่อมด พระคัมภีร์จึงถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก มันไม่เพียงแต่จะสามารถติดต่อสื่อสารกับเหล่าภูมิผีเทพเจ้า พูดคุยกับเหล่าดวงวิญญาณได้แล้วเท่านั้น มันยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มีอภินิหารในการเรียกลมเรียกฝนได้อีกด้วย พระคัมภีร์ของปี่โม๋ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นเป็นหนังสือสมัยโบราณที่เป็นม้วนเล่มไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก อีกทั้งใช้ผ้าห่อหุ้มมัดรวมกันอีกด้วย และวางในตำแหน่งที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ที่สุด

 

หลังจากคัมภีร์ถูกมัดรวมกันในแต่ละม้วนแล้ว บ้างก็จะนำไปแขวนไว้บนคานของบ้าน บ้างก็ถูกเก็บเอาไว้ในตู้ไม้หรือไม่ก็กล่องไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ไม่สามารถให้บุคลลภายนอกอ่านได้ และก็ไม่อนุญาตให้คนในครอบครัวเคลื่อนย้ายตามอำเภอใจด้วยเหมือนกัน คัมภีร์บางเล่มก็ยังถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำที่มีหน้าผาสูงชันในส่วนที่ลึกที่สุด ด้วยเหตุที่ว่าคัมภีร์ของชาวอี๋เป็นสิ่งสำคัญและสิ่งเล้นลับที่พิเศษมาก

ปี่โม๋ไร้ผู้สืบทอดมานานแล้ว หยางโปนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาเจอที่นี่ !