บทที่ 142 ผมคือเย่เทียน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เมื่อเห็นทักษะการแสดงที่เกินจริงของจ้าวฝางกับหลี่ซาน เย่เทียนได้แต่รู้สึกขบขัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ด้วยทักษะการแสดงของพวกเขา ถ้าหากได้เข้าวงการบันเทิงจริงๆ ไม่กล้าบอกว่าจะไปถึงซุปตาร์ได้ แต่อย่างน้อยก็จะกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนได้อย่างแน่นอน

หลังจากที่เปลี่ยนแปลงความสนใจ ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนฉายแสงเป็นประกาย และเขาก็มองไปที่กงหย่วนด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

เมื่อถูกสายตาที่เฉียบคมของเย่เทียนจ้องมอง กงหย่วนก็รู้สึกใจสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก

แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ตั้งสติได้ เขาเป็นถึงกัปตันทีมสืบสวนคดีอาญา และยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่จุดสูงสุดของระดับเหลืองขั้นสุดยอด แล้วทำไมเขาต้องกลัวเด็กกระจอกคนนี้ด้วย?!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กงหย่วนไม่เพียงแต่ไม่กลัว แต่ยังรู้สึกโกรธมากขึ้น!

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ช่างกล้าดีนะ วันนี้ข้าจะจับพวกแกกลับไปให้ได้!”

หลังจากที่พูดจบ กงหย่วนก็ไม่ได้รีรออะไรอีก เขากระทืบเท้าเบาๆ แล้วพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ได้ไกลมากนัก ประมาณในช่วงพริบตาเดียวเท่านั้น และในขณะนี้ หมัดเหล็กของกงหย่วนก็ชกตรงไปที่เย่เทียนอย่างไม่ลังเล!

กำปั้นที่ใหญ่เท่าหม้อนั้นดูเหมือนจะตัดผ่านอากาศได้ และเสียงลมที่เสียดสีกับกำปั้นดังขึ้นซึ่งทำให้ฟังแล้วต้องตกใจกลัว เพียงแค่ดูจากขบวนท่าของเขานั้น ถ้าหมัดนี้โดนใครรับรองว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ เพราะนั่นเป็นพลังของระดับเหลืองขั้นสุดยอด เชียวนะ!

แต่ว่า เย่เทียนจะกลัวได้อย่างไร?

รอยยิ้มอันมีเลศนัยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน และเขาก็พูดอย่างไม่แยแสว่า “ฝีมือเท่านี้ยังกล้ามาต่อกรงั้นเหรอ รนหาที่ตายชัดๆ!”

ในขณะที่พูดอยู่ เย่เทียนไม่ได้หลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรู แต่เขากลับก้าวออกไปข้างหน้าแล้วสวนหมัดขวาที่เร็วเท่ากับสายฟ้าออกไป

กงหย่วนแอบได้ใจมาก เขาเป็นถึงระดับเหลืองขั้นสุดยอด แต่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้กลับพยายามรับหมัดของเขาโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!

“ใครจะเป็นคนที่รนหาที่ตายยังไม่แน่นอนหรอก!”

กงหย่วนเปล่งเสียงดูถูกเหยียดหยามและเพิ่มความแรงของหมัด

ในฐานะของการเป็นตำรวจที่มีประสบการณ์มาสิบกว่าปี เขาเคยเจอกับคนเลวมากมายนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว และการโจมตีแบบนี้ของเขามันก็ได้ผลมานัดต่อนัด ซึ่งที่ผ่านมามันจะทำให้คู่ต่อสู้สำนึกผิดด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวได้

ที่ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ากงหย่วนได้จินตนาการไปถึงภาพที่เย่เทียนล้มลงและกรีดร้องเพื่อขอความเมตตาแล้ว

บู๊ม!

วินาทีถัดมา หมัดของทั้งสองก็กระแทกเข้าหากันทำให้เกิดเสียงทื่อดังขึ้น

ซี๊ด!

กงหย่วนอดไม่ได้ที่จะสูดปากแรงๆ ร่องรอยความเจ็บปวดจาง ๆ สื่อผ่านไประหว่างคิ้วของเขา เขาถอยหลังไปสามก้าวกว่าจะหยุดลง แต่มือขวาที่สั่นเท่านั้นมันแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ชัดเจน

ในทางกลับกัน เย่เทียนกลับนิ่งสงบ

และความแตกต่างเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือ มุมปากของเย่เทียนกลับมีรอยยิ้มที่เข้มข้นมากขึ้น

“นี่ นี่มันอะไรกัน?”

“รับง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”

ผู้คนในห้องขังต่างตกตะลึงกันหมด

ให้ตายสิ ไอ้คนที่ชื่อเย่เทียนคนนี้มันคือใครกันแน่? ล้มไอ้กล้ามใหญ่คนนี้ก็เกินพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับสู้กับกงหย่วนได้อย่างสบาย?

ซึ่งชายร่างกำยำคนนี้เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ฉะนั้นชีวิตความเป็นความตายของเขาไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คนมากนัก

แต่สำหรับกงหย่วนแล้วมันต่างกัน เพราะอายุยังไม่ถึงสี่สิบเขาก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมสอบสวนคดีอาญาแล้ว นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร. ของสถานีตำรวจภูธรก็เริ่มอายุมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะได้นั่งในตำแหน่งสูงสุดก็คือเขา!

แต่ว่า เย่เทียนกลับกล้าต่อกรกับเขา!

นี่มันต้องเป็นคดีใหญ่แน่!

ถ้าจะโดนจับจริงๆ การทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่มันต้องเป็นโทษที่สาหัสอยู่แล้ว บางทีอาจจะมีโทษจำคุกหลายปีเลยด้วยซ้ำ

“ให้ตายสิ! เย่เทียนคนนี้คือใครกันแน่? ทำไมถึงโหดขนาดนี้?”

“จะโหดแค่ไหนก็เท่านั้น ใครๆ ก็รู้ว่าหัวหน้ากงมีอีกชื่อว่าหมาบ้า แล้วคนที่ตกเป็นเป้าหมายของเขาจะหนีรอดไปได้อย่างไร?”

“นั่นสิ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เราจะนอนอยู่ในคุกถึงสามปีได้ไงล่ะ”

ผู้คนในห้องขังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเย่เทียนมากนัก

ในความเป็นจริงนั้น กงหย่วนก็พูดยากเหมือนกัน เพราะเขาเป็นถึงนักบู๊ระดับเหลืองขั้นสูงสุด แต่ยังพ่ายแพ้ให้กับเย่เทียนด้วยการโจมตีครั้งเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเย่เทียนนั้นเหนือกว่าเขามาก!

เขารับมือกับเย่เทียนไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะลงโทษเย่เทียนในทางกฎหมายได้อย่างไร?!

แต่ถึงอย่างนั้นกงหย่วนก็ไม่แสดงสีหน้าตกใจ เขาได้แต่จับจ้องไปที่เย่เทียนแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณเป็นใครกันแน่?”

“รู้แล้วยังแกล้งถามอีก!”

เย่เทียนแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังแกล้งโง่อีกเหรอ คุณคิดว่าผมเป็นคนโง่? หรือว่าคุณเองที่โง่?”

“จังเวยส่งคุณมาหาผม แล้วคุณจะไม่รู้ได้ยังไงว่าผมคือใคร?”

“คุณ……”

กงหย่วนที่ได้ยินคำนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที

ในฐานะที่เขาเป็นตำรวจผู้มีประสบการณ์ เขาจึงรู้ดีถึงความผิดปกติในคำพูดของเย่เทียน และเขาก็พยายามจะพูดแทรกขึ้น

“คุณอะไรของคุณ? ในเมื่อคุณกล้ามาหาผม แสดงว่าคุณพร้อมจะเจ็บตัวแล้วสินะ!”

และเย่เทียนก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาเลย ร่างกายของเขาเคลื่อนย้ายออกไปอีกครั้ง จากนั้นเท้าอันหนักแน่นก็เตะออกไปด้วยความแรง

กงหย่วนตกใจและพยายามจะหลบการโจมตีนั้น แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถตอบสนองต่อปฏิกิริยาทางประสาทได้ทันเวลา ได้แต่เบิกตากว้างและเงาสะท้อนของลูกตาก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ผ๊วะ!

เท้าไซซ์สี่สิบสองเย่เทียนเตะไปที่กลางหน้าอกของกงหย่วนโดยไร้ความปรานี

“เอื้อก!”

กงหย่วนผู้น่าสงสารทำได้เพียงส่งเสียงคร่ำครวญและกระเด็นออกไปหลายเมตร ในขณะนี้เขารู้สึกแค่แน่นหน้าอกและหายใจถี่จนแทบจะเป็นลมไป

แม้ว่ายังมีสติอยู่ แต่กงหย่วนยอมที่จะสลบไปดีกว่า เพราะตอนนี้เขารู้สึกเจ็บแสบปวดร้าวไปทั้งตัวและทรมานมาก

โชคดีที่เย่เทียนไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ในการซ้ำเติมเขา จึงทำให้กงหย่วนมีเวลาในการตั้งตัวได้

“ผบ.ตร. กองบังคับการตำรวจภูธรภาค?”

ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนมองไปที่เอกสารที่หล่นร่วงออกมาจากตัวของกงหย่วนด้วยความแปลกใจ

“คุณเป็นตำรวจจริงเหรอ?”

กงหย่วนไอเบาๆ และรู้สึกว่าหน้าอกที่อัดแน่นนั้นก็เริ่มสบายขึ้นมาก เขาค่อยๆ พยุงที่กำแพงเพื่อลุกขึ้นและจากนั้นก็ตวาดอย่างเสียงดังว่า “ไม่เห็นเอกสารนั้นเหรอ! ถ้าผมไม่ใช่ตำรวจ แล้วคุณเป็นตำรวจเหรอ!”

เนื่องจากถูกถีบเข้าที่หน้าอก แม้กงหย่วนที่ใจเย็นก็ยังต้องโกรธจนลุกเป็นไฟแน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับเขาที่กำลังโกรธอยู่แล้ว!

“ตำรวจจริงเหรอ?”

เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจน เย่เทียนก็โกรธเช่นกัน “ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณดูถูกกฎหมายด้วยการฝ่าฝืนทั้ง ๆ ที่รู้กฎหมาย! โทษของคุณต้องหนักแน่!”

ในขณะที่พูดอยู่ ขาของเย่เทียนก็เริ่มขยับและพุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าอีกครั้ง

กงหย่วนที่เห็นเช่นนี้ ด้วยสีหน้าที่หม่นหมองอยู่แล้วก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น

และด้วยพลังหมัดของเย่เทียนก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเขากับเย่เทียนนั้นต่างกันมาก แล้วเขาจะกล้าต่อกรอีกได้อย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้น ไหวพริบของกงหย่วนก็ยังดีมาก มือขวาของเขาแตะไปที่เอวเพื่อชักปืนสีดำของตำรวจออกมาและหันปลายกระบอกปืนอันเย็นเฉียบไปที่เย่เทียน

“อย่าเข้ามานะ! กล้าเดินเข้ามาอีกก้าวผมฆ่าคุณแน่!”

เย่เทียนที่วิ่งเข้ามาอยู่นั้นก็หยุดลงทันที ในขณะนี้ดวงตาอันเย็นชาของเขามองไปที่กงหย่วนที่ยืนห่างออกไปหนึ่งเมตรและพูดกับเขาอย่างไม่แยแส

“กล้าจริงก็ยิงเลยสิ! เย่เทียนคนนี้ขอรับประกันว่าคุณจะเสียใจไปตลอดชีวิต!”

“เย่เทียน?”

หัวใจของกงหย่วนถึงกับสั่นสะท้าน เขาได้แต่มองไปที่เย่เทียนด้วยความรู้ซึ้งและพูดด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด “คุณบอกว่า คุณคือเย่เทียนงั้นเหรอ?”

เย่เทียนไร้ซึ่งความกลัวและเงยหน้าขึ้นมองอย่างมั่นใจว่า “ใช่! ลูกผู้ชายย่อมไม่ปิดบังตัวเองอยู่แล้ว ผมนี่แหละ เย่เทียน!”