ตอนที่ 39 ข้าไม่ต้องจ่ายสินสอด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

จริงๆ กู้จิ้งไม่ได้สนใจปิ่นอะไรสักเท่าไหร่ จะแมวดำหรือแมวขาวหากจับหนูได้ก็เป็นแมวที่ดีทั้งนั้น

“ได้! ซื้อปิ่นเหล็กก็ได้!”

เซียวเถี่ยเฟิงไม่รู้ว่าปิ่นเหล็กคืออะไร แต่เขามองท่าทีไม่ค่อยใส่ใจนักของเธอออก

“เจ้าชอบเงินชอบทองไหม?”

เขากล่าวคำพูดประโยคนี้ช้าๆ ด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก หวังให้เธอฟังเข้าใจ

กู้จิ้งเอียงคอมองเขา เธอย่อมเข้าใจความหมายของคำพูดประโยคนี้

เมื่อวานตอนที่ออกจากถ้ำเขาชี้ก้อนเงินให้เธอดูแล้วบอกว่านี่คือ ‘เงิน’ เธอจึงเข้าใจ

“ชอบ!” เธอพยักหน้าแรงๆ มีใครไม่ชอบเงินชอบทองบ้าง ของที่ส่องประกายวาววับบาดตาแบบนั้น ไม่ว่าอยู่ในยุคสมัยใดก็ถือว่าเป็นของดี

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอพยักหน้าด้วยท่าทางขี้งกเต็มที่ แต่สีหน้ากลับดูไร้เดียงสาแกมงุนงง เขาก็อดยิ้มไม่ได้

“ทำไมข้าถึงเก็บปีศาจโง่ๆ อย่างเจ้ามานะ” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววรักถนอม ปากกล่าวเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่ต้องจ่ายสินสอดก็ได้เมียมาคนหนึ่ง”

กู้จิ้งเอนกายซบอกของเขา

ได้ยินเขาพูดคำว่า ‘เมีย’ เธอก็นึกในใจว่า เขาคงบอกให้เธอเป็นเมียของเขาสินะ

แต่ปัญหาคือเธอมีลูกไม่ได้ และเธอก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้น ช้าเร็วเขาก็ต้องมีลูกกับคนอื่น

“นายชอบเด็กเล็กๆ ไหม?” เธอเงยหน้าขึ้นถามอย่างอดไม่ได้

“ชอบสิ” เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า ลูกของเธอกับเขาจะมีหน้าตาอย่างไรนะ?

กู้จิ้งฟังแล้ว ในใจก็ทั้งผิดหวังทั้งปลาบปลื้ม

ผิดหวังที่ตัวเองไม่อาจมีลูกให้เขา ถึงศึกเมื่อครู่จะดุเดือดแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

ปลาบปลื้มที่เขายังมีทางเยียวยา ไม่ถึงกับถูกจ้าวจิ้งเทียนชักนำเข้าสู่หนทางที่ผิด

“แต่ว่าฉัน…” เธอชี้ตัวเองพลางส่ายหน้า “ฉันมีลูกไม่ได้”

คำพูดของกู้จิ้งทำให้สีหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ตระหนักถึงปัญหา

กู้จิ้งเป็นปีศาจ ปีศาจกับมนุษย์จะมีลูกด้วยกันได้อย่างไร?

ดังนั้น…กู้จิ้งจึงมีลูกให้เขาไม่ได้

กู้จิ้งไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมมองความผิดปกติในสีหน้าของเขาออก ดังนั้นจึงรีบเกลี้ยกล่อมต่อว่า “ผู้ชายกับผู้ชายก็มีลูกด้วยกันไม่ได้เหมือนกัน”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็จ้องหน้าเธอนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นตบแก้มเธอเบาๆ “ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายกับผู้ชายมีลูกด้วยกันไม่ได้ แต่ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าปีศาจกับมนุษย์มีลูกด้วยกันไม่ได้”

กู้จิ้งมองผู้ชายตรงหน้านิ่ง จู่ๆ หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นจังหวะหนึ่ง เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยากได้ยินคำตอบแบบไหน

“ถ้าอย่างนั้นนายคิดบ้างไหมว่าถ้านายอยากมีลูก นายต้อง…”

ใครจะรู้ว่ากู้จิ้งยังพูดไม่ทันจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็รวบเธอไปกอดไว้กับอกแน่น

“ไม่ ข้าไม่ต้องการ”

เขากอดเธอแน่นมาก ราวกับอยากจะกักเธอไว้ในอ้อมอกชั่วนิรันดร์

กู้จิ้งถอนใจเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงซึมซับสัมผัสของแผงอกกว้างซึ่งกำลังเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ

สายลมบนเขาเหมือนจะหยุดนิ่ง แม้กระทั่งกองไฟก็เหมือนจะไม่ลุกโชนอีกต่อไป

พวกเขาต่างก็ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

“ข้ารู้…” เสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของเขาสั่นน้อยๆ “ข้ารู้ว่าเจ้ามีลูกให้ข้าไม่ได้…”

เขาถูไถแก้มหยาบกับหน้าผากเรียบลื่นของเธอเบาๆ พลางกล่าวช้าๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่ไม่เป็นไร ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีลูกได้หรือไม่ ข้าไม่มีลูกก็ได้ อนาคต…ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน เราจะอยู่ด้วยกันสองคนไปตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีลูก”

เสียแหบพร่าของเขาแทรกซึมเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจของกู้จิ้ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดเช่นนี้

พอได้ยินคำพูดนี้ เธอถึงได้รู้ว่าที่แท้นี่ก็คือสิ่งที่เธอคาดหวัง

ชั่ววินาทีนี้ ในถ้ำแห่งนี้ เธอคิดแค่อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา อยู่ได้นานเท่าไหร่ก็เท่านั้น แม้ว่าสุดท้ายเขาจะไปมีลูกกับคนอื่นก็ตาม

เธอนั่งลงบนตักของเขาพลางยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาแน่นด้วยความซาบซึ้งใจ

“พี่ล่ำ ฉันซาบซึ้งใจเหลือเกิน… คิดไม่ถึงเลยว่าคนซื่อๆ แบบนายจะพูดเหลวไหลได้ราวกับเป็นเรื่องจริงแบบนี้”

แต่เธอรักคำพูดเหลวไหลนี่เหลือเกิน

บรรพบุรุษของยายรอไปสักหลายๆ ปีก่อนก็แล้วกัน~~~ ขอลูกหลานอกตัญญูเช่นเธอเสพสุขก่อนนะ!

 

หลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง

โดยเฉพาะตอนกลางคืน แม้กระทั่งแขนก็ยังรู้สึกเย็นวาบๆ โชคดีที่เสื้อผ้าที่เซียวเถี่ยเฟิงเลือกให้ก่อนหน้านี้ตัดเย็บเสร็จแล้ว พอรับกลับมาลองสวมดู กู้จิ้งก็รู้สึกว่าทั้งสบายทั้งพอดีตัว ที่สำคัญคือยังเคลื่อนไหวได้สะดวก ไม่เหมือนกับกระโปรงของผู้หญิงสมัยนี้ที่ยาวเกะกะรุ่มร่าม

เซียวเถี่ยเฟิงมองเธอสวมเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้ด้วยตัวเอง มันขับเน้นเส้นผมยาวดกดำเป็นเงางามของเธอ ทำให้เธอดูสูงส่งเย็นชาราวกับแสงจันทร์ ผิวขาวกระจ่างราวกับหิมะในภูเขาลึก

เธอดูเหมือนเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ซึ่งลงมาเยือนโลกมนุษย์ แม้จะดูเย็นชาแต่ก็เปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวนใจ

“เสื้อชุดนี้ ชอบ!” กู้จิ้งอดชมเซียวเถี่ยเฟิงไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายแบบเขาจะมีรสนิยมไม่เลว

แต่พอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นเซียวเถี่ยเฟิงกำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ

“นาย ไม่ชอบ?” กู้จิ้งเอียงคอถาม “ไม่สวย?”

เซียวเถี่ยเฟิงยิ้มพลางดึงสติกลับมา

หากเธอไม่อ้าปากพูด ยังพอจะข่มขวัญผู้คนได้ เหมือนอย่างครั้งแรกที่เขาเห็นเธอมุดออกมาจากหนังงูใต้แสงจันทร์ ตอนนั้นเขาเองก็คิดว่าเธอเป็นปีศาจที่ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อล่อลวงผู้คนไม่ใช่หรือ?

แต่พออยู่ด้วยกันนานเข้า เขาก็ค่อยๆ ค้นพบว่าปีศาจก็มีตนที่โง่เช่นกัน เธอมีรูปโฉมภายนอกที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลง แต่ภายในกลับเป็นแค่สาวน้อยซื่อบื้อเท่านั้น

เขาก้าวเข้าไปรวบชายเสื้อของเธอขึ้นมาผูกไว้ตรงเอว จากนั้นก็หยิบปิ่นไม้ที่เพิ่งทำเสร็จออกมาม้วนผมให้เธอแล้วปักไว้บนศีรษะ

“แบบนี้ผมก็ไม่เกะกะแล้ว”

กู้จิ้งวิ่งไปส่องดูที่ลำธารด้วยความพึงพอใจ

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอวิ่งไปที่ริมน้ำอย่างอารมณ์ดี หัวใจก็อ่อนยวบ ใจนึกอยากจะนำสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้มากองไว้ตรงหน้าเธอ

“เจ้าชอบกินผลไม้ป่าไม่ใช่หรือ? มากินดูสิ”

พูดจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็หยิบตะกร้าที่สานขึ้นจากเถาวัลย์มาวางไว้ตรงหน้า ในนั้นมีผลไม้สดอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งผลหรูหรูที่เธอชอบมากที่สุด, ผลไม้ลูกเล็กๆ สีม่วงเหมือนลูกหม่อน ยังมีลูกพลับ, องุ่นป่า แค่ดูก็รู้ว่าเพิ่งเด็ดมา เพราะใบยังเป็นสีเขียวสดอยู่

นอกจากนี้ยังมีผลไม้แห้งอย่างเกาลัดป่า, วอลนัทป่า, ลูกสนป่าอีกด้วย

กู้จิ้งรีบช่วยเซียวเถี่ยเฟิงยกไปล้างที่ลำธาร

ในภูเขามีผลไม้มากมายหลายชนิดที่หากินข้างนอกไม่ได้ ยิ่งอยู่ในภูเขายุคโบราณเช่นนี้ ผลไม้ยิ่งมีมากชนิด ทั้งยังมีรสชาติอร่อยยิ่งกว่าในยุคปัจจุบันเสียอีก ตอนนี้กู้จิ้งได้ใหม่แล้วลืมเก่า เธอไม่ชอบกินผลหรูหรูที่เคยเฝ้าคะนึงหาอีกแล้ว แต่เปลี่ยนมาชอบกินผลไม้สีม่วงที่เรียกว่าผลเถาเอ๋อแทน นอกจากนี้ก็ยังชอบองุ่นป่า รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ น้ำชุ่มฉ่ำที่ไม่อาจต้านทานได้ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่าพอ

ระหว่างที่กิน ทั้งสองก็อดนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกันไม่ได้ เธอได้กลิ่นผลหรูหรูแล้วอยากจะกินมาก แต่เขาฟังไม่เข้าใจ ต้องลำบากอยู่นานกว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่อง สุดท้ายเขาก็เด็ดผลหรูหรูมาให้เธอกองใหญ่ ทำให้เธอกินจนเข็ดฟัน

เซียวเถี่ยเฟิงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ยิ้มพลางใช้นิ้วลูบแก้มเธอเบาๆ “อาอาอาอา คำพูดของเจ้าใครๆ ก็ฟังไม่เข้าใจ แต่เจ้ากลับรู้จักผลหรูหรู หรือคนในโลกของเจ้าก็กินผลหรูหรูกันบ่อยๆ?”

“แน่นอน! ฉัน…”

เดิมเธอคิดจะพูดว่าคุณยายเด็ดให้กินบ่อยๆ แต่คิดดูอีกที ยายของเธอเป็นทายาทรุ่นหลังของเซียวเถี่ยเฟิง อย่าพูดถึงให้มากจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นหากเซียวเถี่ยเฟิงรู้อะไรมากเกินไปจนทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงจะทำอย่างไรกัน? ถ้าประวัติศาสตร์เปลี่ยน ยายก็อาจจะไม่มีตัวตนอยู่ ถ้ายายไม่มีตัวตนอยู่ ท่านจะเก็บเธอมาเลี้ยงจนโตได้อย่างไร

เธอคิดแล้วก็กล่าวอย่างมีความหมายว่า “ที่บ้านของฉันมีผลหรูหรูเหมือนกัน ที่นั่นก็เรียกว่าเขาเว่ยอวิ๋น แต่ไม่เหมือนกับเขาเว่ยอวิ๋นที่นายรู้จักหรอกนะ”

“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”

คงเป็นเพราะเขาเว่ยอวิ๋นแบ่งเป็นโลกของมนุษย์กับโลกของปีศาจสินะ ปกติปีศาจจะไม่ข้ามเขตมายังโลกมนุษย์ มนุษย์เองก็ไม่สามารถข้ามไปยังเขตแดนที่ปีศาจอาศัยอยู่

“ที่นั่นยังมีของอร่อยอีกเยอะแยะ เหมือนกับที่นี่ มีเห็ดสดเห็ดหัวลิงเห็ดหูหนู ยังมีผักเบี้ยเอย ผักคาวตองเอย ผักกาดเอย ถั่วลันเตาเอย ล้วนเป็นของที่ฉันชอบกินทั้งนั้น!”

“ชื่อที่เจ้าพูดมาอาจไม่ตรงกับชื่อที่ข้ารู้จัก แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเด็ดเอง”

“ยังมีเห็ดจีจงเอย เห็ดหนิวกาน[1]เอย เห็ดต้าไป๋เอย!”

พูดถึงชื่อเหล่านี้ขึ้นมากู้จิ้งก็ถึงกับน้ำลายไหล เห็ดหนิวกานอร่อยแต่ในเมืองขายแพงมาก หลังจากไปจากเขาเว่ยอวิ๋น กู้จิ้งก็ไม่อาจตัดใจไปกินที่ร้านอาหารได้เลยสักครั้ง

“ที่นี่มีเห็ดเยอะแยะ เจ้าเด็ดได้ตามใจชอบเลย”

ดวงตาของกู้จิ้งเปล่งประกายเจิดจ้า เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ก็รีบพาเธอไปเก็บผักป่ากับเห็ดทันที

เซียวเถี่ยเฟิงซึ่งสะพายตะกร้าสานจากเถาวัลย์พากู้จิ้งไปยังป่าแห่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีคนมาน้อยมาก เพราะบนพื้นมีใบไม้ปกคลุมอยู่เต็มไปหมด บางครั้งกระต่ายกับนกที่บังเอิญผ่านมายังหันมาเบิกตามองพวกเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นอีกด้วย

 

————————————————-

[1] หมายถึงเห็ดพอร์ชินี (porcini) ซึ่งชาวอิตาลีนิยมนำไปปรุงกับรีซอตโตและพาสต้า