เหลยเฟิง?
เสี่ยวหลัวมองสำรวจชายคนนี้ขึ้นลง เนื้อบนใบหน้าของเขามีมากกว่า จาง ซูซาน และผิวของเขามันก็มีรอยเหี่ยวย่นที่เห็นได้อย่างชัดเจนบนผิวหนังของเขา โดยเฉพาะกับริ้วรอยสามเส้นบนหน้าผากของเขา เมื่อมองดูโดยประมาณแล้วเขาน่าจะมีอายุประมาณ 45 ปี เสี่ยวหลัวรีบพูดแสดงความขอบคุณในทันที“พี่ใหญ่ ขอบคุณมากที่ช่วยผมไว้!”
การพูดกับชายคนนี้ว่า ‘พี่ใหญ่’ มันถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่เสี่ยวหลัว เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าชายคนนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ เมื่อเขาได้ยินเสี่ยวหลัว เรียกว่าพี่ใหญ่ ชายคนนั้นก็รู้สึกไม่พอใจในทันทีและพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “พี่ใหญ่อะไร? ใครคือพี่ใหญ่ของคุณกัน! ทั้งครอบครัวของคุณมีแต่พี่ใหญ่หรือไง! ฉันขอถามคุณหน่อย ว่าคุณอายุเท่าไหร่?”
เสี่ยวหลัว รู้สึกสับสน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบว่า“ยี่สิบหก”
“คุณอายุยี่สิบหกงั้นเหรอ? ส่วนฉันอายุแค่ยี่สิบสองปี!”
“คุณอายุยี่สิบสองปีจริงๆ?”
เสี่ยวหลัว เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้ชายที่ดูเหมือนกับคนอายุมากกว่า 40 ปีคนนี้ จะยังเด็กขนาดนี้
“ไม่เชื่อ?”
ชายคนนั้นหยิบบัตรประจำตัวประชาชนออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยืนมันออกมาตรงหน้าของเสี่ยวหลัว “มองดูด้วยตาของตัวเองสิ ว่าฉันอายุ 22 ปีจริงหรือเปล่า”
เสี่ยวหลัว มองดูบัตรประจำตัวประชาชนของชายคนนี้อย่างระมัดระวัง ปรากฏว่าเขาอายุยี่สิบสองปีจริงๆ! และนอกจากนี้เขายังมีชื่อว่า เหลยเฟิง จริงๆอีกด้วย
“เห็นชัดแล้วนะ แล้วในอนาคตก็อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ใหญ่อีก คุณอายุมากกว่าฉันตั้งสี่ปี มันต้องเป็นฉันต่างหากที่จะเรียกคุณว่าพี่ใหญ่!” เหลยเฟิง เก็บบัตรประจำตัวประชาชนไปและพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน
เสี่ยวหลัว ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี เมื่อเขามองดูรูปร่างหน้าตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มากเกินไปของ เหลยเฟิง แล้วเขาก็ได้แต่สงสัยว่าเมื่อ เหลยเฟิง ไปทำบัตรประชาชน เขาได้แจ้งวันเกิดย้อนหลังไป 20 ปี หรือไม่
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก …”
ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ จากนั้นนางพยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจสองคน
“ชายที่อยู่บนเตียง คือเจ้าของรถที่ถูกนำตัวส่งมาที่โรงพยาบาลของเราหลังจากที่รถชนเมื่อคืนนี้” นางพยาบาลพูดกับตำรวจ
ตำรวจพยักหน้าแล้วเดินไปที่เตียง ตำรวจชายพูดทักทายเสี่ยวหลัว“สวัสดีครับ คุณเป็นเจ้าของรถป้ายทะเบียน C0019, คุณ จาง ซูซาน ใช่ไหมครับ?”
“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนของเขา” เสี่ยวหลัว ตอบไปตามความจริง
ตำรวจหญิงอีกคนรีบบันทึกข้อมูล
ตำรวจชายถามอีกว่า“แล้วคุณชื่ออะไร”
“เสี่ยวหลัว”
“แล้วคุณยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้ไหม?”
……
ตำรวจทั้งสองถามคำถามไปมากกว่า 10 คำถามติดต่อกัน จุดเกิดเหตุรถชนเมื่อคืนที่ผ่านมานี้มันอยู่ที่จุดบอดของกล้องวงจรปิด พวกเขาไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านภาพจากกล้องวงจรปิดได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ตั้งคำถามกับคนที่รู้เห็นเท่านั้น และนอกจากนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้นของพวกเขา การชนกันของรถในครั้งนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด รถบรรทุกที่ชนจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ มันได้รับรายงานว่ามันเป็นเศษเหล็กเมื่อหนึ่งปีก่อน และมันก็คงจะมีคนจงใจซ่อมมัน เพื่อมาใช้ก่อเหตุดังกล่าว
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ” ตำรวจทั้งสองกล่าวขอบคุณ เสี่ยวหลัว อีกครั้ง
“สหาย ฉันได้ยินที่คุณพูดเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อคืน มันจะได้รับการไตร่ตรองไว้ก่อน มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” เหลยเฟิง ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ต้องเป็นกังวล พวกเราจะตรวจสอบอย่างละเอียด” ตำรวจชายกล่าว
ตำรวจหญิงยิ้มและพูดว่า“มั่นใจได้เลย เราจะนำอาชญากรมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน และคุณก็น่าจะเป็นลุงของเขา หลานชายของคุณอายุมากกว่า 20 ปีแล้ว คุณยังดูเด็กมากอยู่เลย”
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเธอมักจะพูดปลอบได้ดีกว่าผู้ชาย เธอยิ้มและพูดคำปลอบโยนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่นี่มันไม่ใช่คำปลอบโยนสำหรับ เหลยเฟิง เลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นความอัปยศอดสูของเขาซะมากกว่า
เหลยเฟิง ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง“ลุงเลิงอะไร! ฉันมีหลานชายอายุเท่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? บางทีคุณอาจจะสร้างหลานชายให้ฉันก็ได้!” ในขณะที่พูด เขาก็หยิบบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองออกมาอีกครั้ง เพื่อแสดงให้ตำรวจหญิงดู“ดูให้ชัดๆ ฉันอายุแค่ 22 ปี อย่าคิดว่าจะเรียกคนอื่นว่าลุงได้ง่ายๆ เพียงเพราะว่าคุณเป็นตำรวจ! คุณกำลังทำให้ฉันอับอายในฐานะคนๆหนึ่งรู้บ้างไหม!”
เมื่อเห็นวันเกิดของ เหลยเฟิง อย่างชัดเจนตำรวจหญิง ก็รู้สึกอายในทันที ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึง เธอพูดขอโทษออกมาในทันที:“ขอโทษค่ะ … ที่ฉันเข้าใจผิด…”
“ฮึ่ม!”
เหลยเฟิง เก็บบัตรประชาชนของเขาลงไปด้วยความโกรธ
เสี่ยวหลัวรู้สึกขบขัน จนเขาลืมไปแล้วว่า เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหลานชายของคนอื่น
ในขณะนั้นตำรวจชายก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า“คุณเหลย แล้วคุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณเสี่ยว?”
“พวกเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่เดินผ่านมา และเห็นเขานอนหมดสติอยู่ที่พื้น ดังนั้นฉันจึงได้นำตัวของเขามาส่งที่โรงพยาบาล”
เหลยเฟิง พูดฮึมฮัมออกมา “โอ้ใช่แล้ว เนื่องจากคุ๊ลุงตำรวจและคุณป้าตำรวจอยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” จากนั้นเขาก็หันไปมองเสี่ยวหลัว“พี่ใหญ่ เกี้ยวที่ฉันซื้อให้คุณวางอยู่บนโต๊ะ กินมันในขณะที่มันยังร้อนอยู่ ถ้าคุณไม่ถนัดที่จะทำเอง ก็ขอให้คุณลุงตำรวจและคุณตำรวจป้อนคุณก็แล้วกัน ตำรวจนั้นเป็นผู้รับใช้ของประชาชน พวกเขาน่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ฉันจะไปแล้ว ลาก่อน!”
เหลยเฟิง ตั้งใจเน้นคำว่าลุงและป้า เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังพูดประชดประชัน จากนั้นเขาก็หันหลังจากไป โดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง เขาตกอยู่ในอารมณ์ที่เศร้าโศก ที่เขาถูกเรียกว่า “พี่ใหญ่” เพราะใบหน้าของเขาที่ดูเหมือนกับคนที่อายุมาก และที่แย่ที่สุดเลยก็คือ เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นลุงของชายอายุ 26 ปี ชีวิตของเขามันเกิดอะไรขึ้นกัน?
ตำรวจทั้งสองมีสีหน้าที่อึดอัด แต่พวกเขาก็คิดอยู่ในใจว่า“ก็คุณดูแก่ซะขนาดนั้น แล้วคุณจะมาโทษพวกเราได้อย่างไร”
……
จาง ซูซาน รีบบึ่งตรงมาที่โรงพยาบาลในทันทีที่ได้รับข่าว เสียงอันดังของเขามันดังเข้ามาก่อนที่ตัวของเขาจะโผล่มาซะอีก
“เสี่ยวหลัววววว เสี่ยวหลัวววว!!!…”
จาง ซูซาน ผลักประตูเปิดออกอย่างแรงในทันที เมื่อเขาเห็นเสี่ยวหลัวซึ่งกำลังนอนห่อตัวเหมือนกับมัมมี่อยู่บนเตียง เขาก็รีบวิ่งเข้ามาและถามในทันทีว่า“แกคือเสี่ยวหลัวใช่ไหม?”
“ฉันจะเป็นใครไปได้อีก” เสี่ยวหลัว ตอบออกมาอย่างโกรธๆ
“ไอหมอต้มตุ๋นคนไหนกัน ที่พันแกไว้ซะเป็นมันมี่แบบนี้? นอกเหนือจากปากจมูกและตาแล้ว ทั้งตัวของแกก็ … ถูกพันซะหมด! แล้วแบบนี้แกจะฉี่กับอึได้ยังไง” จาง ซูซาน วางกระเป๋าเอกสารลง พร้อมกับตะโกนคำว่า ‘หมอต้มตุ๋น’ ออกมาในโรงพยาบาลอย่างกล้าหาญ
“หยุดแหกปากได้แล้ว ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลของฉันได้แล้วไป” เสี่ยวหลัว พูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ
“แก๊งมังกร มันคือคนที่ทำแกใช่ไหม?” จาง ซูซาน ถาม
เสี่ยวหลัว พยักหน้า
“ไอพวกเวรตะไลเอ้ย! ฉันอยากจะไปฆ่าไอพวกเวรนั่นให้ตายจริงๆ!” จาง ซูซาน พูดออกมาพร้อมกับกัดฟัน
“แกแค่ดูแล บริษัทหลัวฝาง ให้ดีๆก็พอแล้ว ไม่ต้องไปกังวลเรื่องอื่นๆ”
ขณะที่เสี่ยวหลัวกำลังพูดปลอบ จาง ซูซาน จากนั้นเขาก็นึกถึง เฟิง อู๋ฮั่น ขึ้นมาได้ “พวก เฟิง อู๋ฮั่น ตอนนี้พวกเขากำลังทำงานให้ฉันอยู่ แกก็ปฏิบัติต่อพวกเขาให้ดีๆหละ เมื่อฉันทำลายแก๊งมังกรเสร็จแล้ว แกจะต้องเรียกพวกเขากลับมาที่ บริษัท อีกครั้ง เพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้ฝึกฝนและพัฒนาความสามารถของพวกเขา จากนั้นเมื่อ หลัวฟาง ขยับขยายไปยังเมืองอื่น พวกเขาก็จะสามารถทำภารกิจที่สำคัญๆเหล่านั้นได้”
“เสี่ยวหลัว แกค่อยไปจัดการสิ่งต่างๆหลังจากที่ดีแกอาการดีขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การดูแลรักษาอาการบาดเจ็บของแกให้หายดีก่อน” จากนั้น จาง ซูซาน ก็หยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมา และเดินออกไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล
จู่ๆเสี่ยวหลัวก็นึกถึง เหลยเฟิง ที่นำตัวของเขามาส่งที่โรงพยาบาล
ถ้า จาง ซูซาน ได้รู้ว่ามีใครบางคนที่มีใบหน้าใหญ่และอ้วนกว่าเขา เขาก็คงจะรู้สึกสบายใจอย่างมากแน่นอน
เมื่อเสี่ยวหลัว หวนนึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
มันก็มีแววตาที่เย็นชาปรากฏขึ้นมานัยน์ดวงตาของเขา ต้าหยวนตายไปแล้ว และเล้งเปาที่หนีรอดไปได้ ในตอนนี้มันก็ได้เข้าไปสู่รายชื่อที่เขาจะต้องฆ่าแล้ว!