ตอนที่ 182 ใช่เพียงแค่เพื่อน

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

หลังจากใช้เวลาเนิ่นนานกับความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วน ซูเมิ่งอี้พูดด้วยเสียงแข็งทื่อว่า “ช-เช่นนั้นเป็นว่าคู่ของเจ้าก็ชื่อซูหยางเช่นกันรึ…ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ..”

 

เห็นชัดว่าซูเมิ่งอี้ต้องการปฏิเสธไม่อยากเชื่อว่าเธอร่วมเรียงกับชายคนเดียวที่ทำให้วูจินจิงเพื่อนสนิทเธอตั้งท้อง

 

อย่างไรก็ตาม วูจินจิงส่ายหน้าและกล่าวว่า “อย่าทำเป็นเหลวไหล ข้าสามารถบอกได้ว่ากระทั่งเจ้าเองก็ยังมิเชื่อคำพูดของตนเอง”

 

แม้ว่าวูจินจิงก็ไม่ต้องการที่จะยอมรับเช่นกันว่าเธอได้ร่วมเรียงกับชายคนเดียวกับที่ร่วมเรียงกับซูเมิ่งอี้ แต่ก็มีบางสิ่งในโลกที่ยอมรับดีกว่าเพิกเฉย

 

“ร-เราควรทำอย่างไรดีตอนนี้” ซูเมิ่งอี้ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ร-เรากำลังอุ้มท้องลูกของชายคนเดียวกัน เจ้าก็รู้”

 

สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอจะต้องสิ้นสุดหลังจากเหตุการณ์นี้

 

“เราควรจะทำอย่างไรต่อไปตอนนี้ อืม..” วูจินจิงพึมพัม

 

“ปกติแล้ว เมื่อหญิงสองคนอุ้มท้องจากชายคนเดียวกันโดยไม่รู้ตัว ชายจะเป็นคนเลือกคนหนึ่งให้เป็นภรรยาหลวงในขณะที่อีกคนจะกลายเป็นสนม อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ในเมื่อผู้ชายไม่อยู่ เราต้องตัดสินใจด้วยตนเองว่าเราจะต้องทำอะไร”

 

วูจินจิงมองดูซูเมิ่งอี้ด้วยใบหน้าท่าทางจริงจังและถามว่า “เจ้าต้องการเป็นอะไร เมิ่งอี้”

 

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ซูเมิ่งอี้ก็กล่าวขึ้นว่า “ข-ข้าต้องการให้เรายังคงเป็นเหมือนเช่นที่เคยเป็น…เพื่อนสนิท แล้วเจ้าละเพื่อนจินจิง”

 

วูจินจิงส่ายหน้าและตอบว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้ ข้ามิคิดว่าข้าจักสามารถมองดูเจ้าเป็นเช่นเดิมได้อีกต่อไป”

 

“ว-ว่ากระไร…” ซูเมิ่งอี้เบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย

 

วูจินจิงกล่าวต่อก่อนที่น้ำตาซูเมิ่งอี้จะไหลออกมา “เราทั้งคู่ล้วนรักชายคนเดียวกัน และมอบความบริสุทธิ์ให้กับเขา และเรายังจักอุ้มท้องลูกของชายคนนั้นในอนาคต ถ้าเจ้าถามข้า พวกเราผ่านเลยจุดที่ถือว่าเป็นเพื่อนไปแล้ว…”

 

“เจ้าคงมิได้หมายความว่า…” ซูเมิ่งอี้ยังคงตื่นตระหนกแต่ว่าด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป

 

“ใช่แล้ว… เราทั้งคู่ตอนนี้เป็นครอบครัว “พี่น้อง” อย่างแท้จริง”

 

“พี่จินจิง” ซูเมิ่งอี้เริ่มร้องไห้โดยไม่อดรั้งได้อีกต่อไปและตรงเข้าไปกอดวูจินจิง

 

“ฮ่าาา…” วูจินจิงถอนใจหลังจากนั้นเมื่อซูเมิ่งอี้กอดเธอแน่น “ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนที่ข้ามิอาจเก็บเขาไว้ข้างกาย แต่เมื่อคิดว่ากระทั่งเพื่อนสนิทของข้าก็ได้รับรู้รสชาติของเขา ช่างโชคร้ายนัก…”

 

“จ-เจ้าหมายความว่าอย่างไรจึงพูดเช่นนั้น” ซูเมิ่งอี้หยุดกอดอีกฝ่ายและมองดูด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

วูจินจิงหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า “หมายความว่าข้ามิอาจที่จะอวดเจ้าในเรื่องประสบการณ์อันเหนือโลกที่ข้าได้รับขณะที่อยู่กับเขาในเมื่อเจ้าเองก็ได้ลิ้มรสนั้นเช่นกัน”

 

ซูเมิ่งอี้เริ่มหน้าแดงเมื่ออีกฝ่ายนำเรื่องเช่นนี้มาพูด และเธอแน่นอนว่ามียิ่งกว่าแค่ได้ลิ้มลอง

 

“เจ้ามีประสบการณ์อย่างไร เจ้ารู้สึกเหมือนกับว่าถูกครอบงำด้วยปิศาจบ้ากามระหว่างที่เจ้าร่วมเรียงกับเขาหรือไม่” วูจินจิงเริ่มหยอกล้ออีกฝ่าย

 

ซูเมิ่งอี้พยายามปิดบังความอายบนใบหน้าของเธอเมื่อนึกถึงเวลาที่เธอใช้กับเขาภายในห้องปรุงยา คิดกลับไปยังเวลานั้น เธอยิ่งกว่าถูกสิงอย่างแน่นอน ถ้าจะเปรียบเธอก็คงกลายไปเป็นสัตว์ป่า

 

“หยุดหยอกข้าได้แล้วพี่จินจิง” ซูเมิ่งอี้ทำแก้มป่อง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า จากที่รู้จักเจ้ามา เมิ่งอี้ เจ้าคงจะทนได้ไม่กี่นาที” วูจินจิงระเบิดเสียงหัวเราะ

 

อย่างไรก็ตามคำพูดต่อไปที่ออกมาจากซูเมิ่งอี้สร้างความตระหนกให้กับวูจินจิงจนหัวเราะไม่ออก

 

“ฮึ่ม แม้ว่าข้าจะมิคุ้นเคยกับความรู้สึกนั้นในตอนแรก แต่หลังจากที่ใช้เวลาหลายวันร่วมกับเขา ข้าสามารถพูดด้วยความมั่นใจว่าข้าสามารถอยู่ได้ครึ่งวันโดยไม่หยุดพัก”

 

เพื่อให้ดูว่าถึกทน ซูเมิ่งอี้ตัดส่วนที่ต้องใช้ยาทนทานออกไปโดยเจตนา

 

วูจินจิงจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างและกรามที่อ้าคลาย “จ-เจ้าว่ากระไร เจ้าใช้เวลาหลายวันอยู่กับเขารึ”

 

ซูเมิ่งอี้พยักหน้าและอธิบายให้อีกฝ่ายฟังถึงสาเหตุที่ซูหยางอาศัยอยู่ที่สถาบันสี่ฤดูหลายวันเนื่องมาจากกิจธุระบางอย่างที่เขามีที่นั่น

 

“ช-ใช้เวลามากเท่าไหร่ที่เจ้าได้..ร่วมเรียง…กับเขา” วูจินจิงถามอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ก้มลงและเสียงสั่นสะท้าน

 

ซูเมิ่งอี้ยักไหล่และกล่าวว่า “ข้ามัวแต่มุ่งมั่นเกินไปจนลืมเวลา แต่ถ้าให้ข้าเดา อย่างน้อยก็ยี่สิบสี่ชั่วโมง ข้าคิดว่าเช่นนั้น…”

 

“ฮาา..ข้าหวังว่าจักได้นานกว่านั้น…” เธอถอนหายใจหลังจากนั้นชั่วขณะ

 

ได้ยินที่ซูเมิ่งอี้ทำให้ซูหยางอยู่กับตัวเองนานเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงในขณะที่เธอเองมีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวหรือกว่านั้น วูจินจิงจับแขนซูเมิ่งอี้และจ้องมองเธอด้วยสายตาอิจฉา

 

“พ-พี่จินจิง” ซูเมิ่งอี้กลับกลายเป็นหวาดกลัวกับการจ้องเขม็งของอีกฝ่าย

 

“เจ้าเด็กตัวเหม็น ข้าได้ร่วมเรียงกับเขาเกินชั่วโมงไปแค่นิดเดียวก่อนที่เขาจะจากไป” กลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ที่วูจินจิงเปล่งออกมาไม่อาจพบได้ในเวลานั้น ในเมื่อเธอรู้สึกอิจฉามากเกินไปต่อซูเมิ่งอี้

 

“เอ๋…” ซูเมิ่งอี้งงงันไปกับคำกล่าวของอีกฝ่าย

 

“เจ้ารู้ไหมว่าช่างโชคดีแค่ไหนที่เจ้าได้ใช้เวลามากมายอยู่กับเขา และเจ้ายังบ่นเรื่องนั้น ข้าควรเป็นคนบ่นถึงจะถูกต้อง”

 

“ป-เป็นเช่นนั้นหรือ..” ซูเมิ่งอี้ไม่รู้สึกเลวร้ายเกี่ยวกับเวลาที่เธอได้ใช้กับเขาอีกต่อไป อีกทั้งยังสงสารวูจินจิง ว่าไปแล้วใครจะพึงพอใจได้หากได้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง

 

 

 

 

ชั่วขณะหลังจากนั้น ซูเมิ่งอี้พลันถามวูจินจิง “พี่จินจิง แม้ว่านี่อาจจะรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ในเมื่อซูหยางไม่อยู่แล้ว ข้าจักทำให้ตัวเองพึงพอใจได้อย่างไร ข้ามิอาจคิดไปหาชายอื่นนอกจากซูหยาง แต่เมื่อไม่มีเขา ความปรารถนาความสุขที่เขาปลุกมันขึ้นมาภายในใจข้าก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น…”

 

วูจินจิงครุ่นคิดกับคำถามนั้นชั่วขณะ ในเมื่อเธอเองก็พยายามครุ่นคิดปัญหาเดียวกันนั้นมาเป็นเวลาหลายวัน

 

“ข-ข้าเคยได้ยินว่าในครอบครัวที่มีสนมมากมายและชายไม่สามารถตอบสนองกับทุกคนได้ ปกติสนมเหล่านั้นจักใช้อีกฝ่ายเพื่อทำให้สมความปรารถนาของตนเอง…” วูจินจิงกล่าวด้วยเสียงประหลาด

 

“จ-เจ้าคงมิได้หมายความว่า…” ซูเมิ่งอี้จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความแตกตื่น

 

วูจินจิงมองดูเธอและหน้าแดง “ถ-ถ้าเจ้ามิถือ เราสามารถลองดู…”

 

ซูเมิ่งอี้กรามร่วงลงไปถึงพื้นจากคำตอบที่ไม่คาดคิดต่อปัญหาของตัวเอง