บทที่ 135 อาหารรสชาติแย

รักหวานอมเปรี้ยว

เธอหิวจนทนไม่ไหวแล้ว

เมื่อได้กลิ่นอาหารแล้ว ทำให้เธอหิวมากขึ้นไปอีก

เมื่อเปปเปอร์เห็นท่าทางทรมานของส้มเปรี้ยว สุดท้ายจึงยอมตกลง “ไปเถอะ”

“ค่ะ” ส้มเปรี้ยวยิ้มพร้อมพยักหน้า

เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ เธอก็ชะงักลง แล้วหันกลับไปมองปีโป้ที่นั่งอยู่บนโซฟา “ปีโป้ ไปด้วยกันมั้ย”

“ผมไม่ไปกับคุณหรอก” ปีโป้ตอกกลับอย่างเย็นชา

ส้มเปรี้ยวก้มหน้าลงด้วยสายตาหม่นๆ

เปปเปอร์เม้มริมฝีมาก “ถ้านายไม่มาช่วย ก็อย่าหวังเลยว่าคืนนี้จะได้กินข้าว”

พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในครัวพร้อมกับส้มเปรี้ยว

ปีโป้ที่นั่งอยู่บนโซฟาปัดผมเล็กน้อยด้วยความโมโห อยากจะตะโกนออกมาว่าไม่กินแล้ว

แต่ท้องที่กำลังร้องจ๊อกๆ ทำให้เขาเงียบลง

ในที่สุดปีโป้ก็ต้องยอมเดินตามไปห้องครัวอย่างอดไม่ได้

ห้องครัวมีความกว้างขวางโอ่อ่าราวกับสามารถรองรับแขกนับสิบคนได้ อีกทั้งยังเดินเหินขยับซ้ายขวาได้สะดวกจนไม่ต้องกังวลเรื่องชนคนนู้นคนนี้เลย

ตอนที่พวกเปปเปอร์ทั้งสามคนเดินเข้ามา เป็นจังหวะที่เห็นอาหารในหม้อของมายมิ้นท์พอดี

อาหารในหม้อลอยขึ้นมา ก่อนพลิกกลับอีกด้านแล้วตกลงไปในหม้อตามเดิมอย่างพร้อมเพรียงกัน

ลาเต้ ทามทอยและชาหวานที่ยืนอยู่ด้านข้าง ต่างมองอย่างตะลึง

“เก่งจัง” ชาหวานอุทานออกมา

ทามทอยพยักหน้าตามแล้วเสริมว่า “ระดับเชฟเลยนะเนี่ย”

“ที่รัก…” ลาเต้ขมวดคิ้ว ในใจทั้งดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน

เขาดีใจที่อีกสักพักก็จะได้กินอาหารฝีมือคนรักของตัวเอง

แต่ในขณะเดียวกัน เขารูสึกเจ็บปวดใจที่ที่รักที่เขาคอยทะนุถนอม โดนคนในตระกูลนวบดินทร์กลั่นแกล้ง จนถึงขั้นที่สามารถทำอาหารด้วยเทคนิคยากๆ อย่างการสะบัดกระทะมือเดียว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ที่รักไม่เคยทำอะไรพวกนี้มาก่อนเลย

เขาคิดและหันไปหน้าไปมองทั้งสามคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยสายตาโหดเหี้ยม

เดิมทีทั้งสามคนรวมทั้งเปปเปอร์ต่างพากันมองอาหารในหม้อของมายมิ้นท์ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงแววตาของลาเต้ จึงดึงสติกลับมา

พวกเขาโดนอาหารในหม้อของมายมิ้นท์ดึงดูดเข้าอย่างจัง

“ไปเถอะ ไปทางนั้นกันเถอะ” เปปเปอร์กระแอมเบาๆ พร้อมดึงสายตากลับมา และชี้ไปยังเตาอีกทาง

ส้มเปรี้ยวคล้องแขนเขาแล้วเดินไปพร้อมกัน

ปีโป้หันไปมองทางมายมิ้นท์ แล้วหันกลับไปมองหน้าพี่ชายตัวเอง ก่อนเดินตามไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ทั้งสามคนเดินมาแล้วหยุดตรงหน้าเตา เห็นอุปกรณ์ทำครัวที่อยู่ตรงหน้า แล้วรู้สึกถึงความลำบากยากเข็ญขึ้นมาทันที

เพราะพวกเขาไม่เคยเข้าครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคือวัตถุดิบตรงหน้าพวกเขาก็ยิ่งไม่รู้จักเลยสักอย่าง เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน

“เปปเปอร์ ทำยังไงเหรอ?” ส้มเปรี้ยวหยิบหม้อขึ้นมาสำรวจ ก่อนเอ่ยปากถามชายหนุ่มข้างๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก

ชายหนุ่มครุ่นคิดชั่วครู่ “จัดการล้างวัตถุดิบก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าอยากกินเมนูอะไร?”

“แต่ว่าวัตถุดิบอยู่ที่ไหนล่ะ?” ส้มเปรี้ยวถามด้วยความงงงวย

ปีโป้หัวเราะเยาะ “ถึงผมจะทำอาหารไม่เป็น แต่ผมก็รู้ว่าพวกวัตถุดิบอยู่ในตู้เย็น”

พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินไปทางตู้เย็น

ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาเริ่มมีสีแดง “เปปเปอร์ ฉันไร้ประโยชน์มากเลยใช่ไหมคะ ไม่รู้แม้กระทั่งวัตถุดิบอยู่ตรงไหน”

“ไม่หรอก เป็นปกติที่คนไม่เคยเข้าครัวจะไม่รู้เรื่องนี้” เปปเปอร์พูดพลางลูบเส้นผมของเธอ

เมื่อลาเต้ได้ยินดังนั้น จึงกลอกตาแล้วพูดว่า “ปกติที่ไหนกัน นี่เป็นความรู้ทั่วไปเลยนะ? ถ้าไม่มีแม้กระทั่งความรู้พื้นฐานแบบนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าคู่หมั้นของคุณเปปเปอร์เป็นคนไร้ค่าแค่ไหน ยิ่งกว่านั้นคือคุณเปปเปอร์โกหกหน้าตายว่ามันเป็นเรื่องปกติ และดูเหมือนว่าเธอก็ยังเชื่อคำโกหกเหล่านี้ นั่นทำให้เห็นชัดแล้วว่าเธอไม่มีสมอง ที่แยกไม่ออกว่าทั้งหมดเป็นแค่คำปลอบใจ”

“ฮะ ฮะ” ชาหวานและทามทอยอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา

มายมิ้นท์เผยอมุมปากขึ้น

เปปเปอร์มองหน้าลาเต้ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ อีกทั้งแววตายังเยือกเย็น

ฝ่ายส้มเปรี้ยวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ลาเต้ มากเกินไปแล้วนะ”

คาดไม่ถึงว่าจะกล้าด่าทอว่าเธอไร้ค่า ไร้สมอง!

“มากเกินไปตรงไหนเหรอ ผมแค่พูดความจริง แค่คุณรับไม่ได้ก็เท่ากับว่าผมทำเกินไปเหรอ?” ลาเต้ผายมือออกและหัวเราะอย่างสะใจ

หน้าอกของส้มเปรี้ยวกระเพื่อมอย่างแรง

ลาเต้ต้องการจะถากถางเธอต่อ แต่แล้วมายมิ้นท์ดึงเขาไว้พอดี “พอเถอะค่ะลาเต้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ เดี๋ยวไปยั่วโมโหแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”

“โอเคครับ ที่รักพูดขนาดนี้แล้ว ผมจะหุบปากก็แล้วกัน” ลาเต้พูดด้วยใบหน้ายิ้มหน้าระรื่น

ส้มเปรี้ยวจับมือของเปปเปอร์แน่น แล้วถามว่า “เปปเปอร์ คุณก็คิดว่าฉันโง่ใช่ไหม ความรู้ทั่วไปพวกนี้ฉันยังไม่รู้เลย”

“เปล่า” เปปเปอร์ตอบ

“ไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ?” ส้มเปรี้ยวแสดงออกว่าไม่เชื่ออย่างชัดเจน

เปปเปอร์แค่รู้สึกเหนื่อยใจ แต่ก็ยังฝืนพยักหน้าตอบด้วยความอดทน “จริงครับ”

ส้มเปรี้ยวเห็นถึงความจริงจังของเขา อารมณ์จึงค่อยๆ ดีขึ้น

เวลาเดียวกัน ปีโป้เดินกลับมาพร้อมอาหารทั้งหมดที่อยากกินมากมาย

“พี่ครับ พวกเราทำอาหารพวกนี้กันเถอะ” เขามองไปที่เปปเปอร์อย่างตื่นเต้น

เปปเปอร์ขมวดคิ้วพร้อมมองไปทางวัตถุดิบทุกอย่างที่เขาถือมา “หยิบมาเยอะขนาดนี้ นายรู้เหรอว่าต้องทำอย่างไร?”

สีหน้าของปีโป้ชะงักไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน

“งั้นทำอย่างไรล่ะ?” เขาตอบพลางส่ายหน้าไปมา

เปปเปอร์เงียบไป

ส้มเปรี้ยวก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรตอบอะไร

อีกฝ่าย มายมิ้นท์ให้พวกลาเต้ช่วยกันหยิบจานและเครื่องปรุง บรรยากาศดูยุ่ง แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน

แต่อีกสามคน มองที่ครัวด้วยความเงียบสงัด และไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด

ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เปปเปอร์ถอนหายใจ ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาค้นหาวิธีการทำอาหารออนไลน์ แล้วเริ่มลงมือทำ

แต่อาหารที่ทำเสร็จแล้ว ไม่มีความเจริญอาหารใดๆ

“พี่ครับ สีดำๆ นี่คือมะเขือยาวเหรอครับ?” ปีโป้ชี้จานอาหารตรงหน้าที่ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเดิมหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วถามอย่างนุ่มนวล

เปปเปอร์เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง แล้วตอบเสียงแข็งว่าอืม

ปีโป้กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปอีกจานแล้วถามว่า “จานนี้คือมันฝรั่งเหรอ”

เปปเปอร์เหลือบตามองเขาด้วยสายตาเย็นชา

เขาหดคอลงและไม่กล้าถามต่ออีก

ส้มเปรี้ยวเห็นบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด จึงแสยะยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “เอาล่ะปีโป้ ถึงแม้อาหารจะดูไม่น่าสวยงาม แต่รสชาติคงไม่เลว เพราะพวกเราเป็นคนทำเองกับมือ ลองชิมดูสิ”

เธอยื่นตะเกียบคู่หนึ่งให้ปีโป้

ปีโป้ทำเป็นมองไม่เห็น ก่อนหยิบตะเกียบอีกคู่ แล้วยื่นไปคีบมะเขือยาว

ตะเกียบในมือของส้มเปรี้ยวค้างอยู่อย่างนั้น

เปปเปอร์จับมือเธอไว้ ก่อนพูดว่า “ไม่เป็นไร กินเองเถอะ”

“ค่ะ” ส้มเปรี้ยวยกมุมปากฝืนยิ้ม แต่ในใจกลับคิดแค้นกับสิ่งที่ปีโป้ทำให้ตัวเองอับอายขายหน้า

คอยดูเถอะ หลังจากเธอแต่งงานกับเปปเปอร์ เธอจะไล่ปีโป้ออกจากคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์

“แหวะ” ในขณะที่เปปเปอร์และส้มเปรี้ยวเตรียมจะกินข้าว จู่ๆ ปีโป้มีอาการคลื่นไส้ และอาเจียนอาหารในปากออกมา

“อะไรกันเนี่ย รสชาติแย่มาก กัดไปคำหนึ่งเค็มปี๋ กัดไปอีกคำก็หวานเลี่ยน ฝีมือพี่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ปีโป้กระดกน้ำดื่มตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว พลางยกนิ้วโป้งให้กับเปปเปอร์

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “แย่มากเลยเหรอ?”

“แย่มากๆ ต่างหาก” ปีโป้ตะโกนเสียงดัง

เปปเปอร์มองไปทางอาหารที่ตัวเองทำ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากตัวเอง และแล้วคิ้วก็ขมวดหากันมากกว่าเดิม แต่ก็ฝืนใจกลืนลงไป

“เป็นอย่างไรล่ะ ไม่อร่อยเลยใช่ไหม?” ปีโป้ขยับเข้าไปใกล้ แล้วถามพลางหัวเราะไปด้วย

เปปเปอร์ไม่ได้โต้ตอบ เพียงแต่ดื่มน้ำตามด้วยสีหน้าเรียบเฉย นับว่ายอมรับแล้ว

ส้มเปรี้ยวเห็นดังนั้น จึงรีบดึงมือที่ตั้งใจใช้ตะเกียบคีบอาหารตรงหน้าในตอนแรกกลับมา

ช่างเถอะ เธอไม่กินแล้วดีกว่า

ท่าทางของส้มเปรี้ยว ถูกมายมิ้นท์ที่กำลังดื่มด่ำกับการรับประทานอาหารแสนอร่อยเห็นเข้าพอดี

มายมิ้นท์เองไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วย จึงทานมื้อค่ำของตัวเองต่ออย่างเงียบๆ

ทามทอยและชาหวานก็ไม่อยากมีเรื่อง เพราะอาหารรสเลิศวางอยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องอื่นหรอกนะ

ต้องบอกว่า อาหารที่มายมิ้นท์ทำรสชาติดีมากจริงๆ

โดยเฉพาะเมนูปลานี้ อร่อยจนอยากจะกลืนกินไปทั้งตัว

ทว่ามีเพียงแค่ลาเต้ที่กลอกตาไปมา และเริ่มมีความคิดที่ไม่ดี

เขาวางตะเกียบลง หันไปมองโต๊ะข้างๆ “คุณส้มเปรี้ยว นี่คือมื้อค่ำที่คุณเปปเปอร์ลงมือทำด้วยตัวเองเลยนะ ทำไมคุณไม่กินล่ะ?”