ตอนที่ 1916 เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ (1) / ตอนที่ 1917 เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ (2)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1916 เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ (1)

จวนองค์ชายรอง

อวี้เซียนเซียนยืนพิงกรอบประตูอยู่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กและบอบบางของนาง เทียบกับก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่านางมีสีหน้าดีขึ้นมาก

“วันนี้จะเป็นการฝังเข็มครั้งสุดท้าย หลังจากนี้พิษของเจ้าก็จะโดนขับออกจนหมด” อวิ๋นลั่วเฟิงหยิบเข็มออกมาแล้วเหลือบมองหญิงสาวก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ

อวี้เซียนเซียนยิ้ม “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ถ้าไม่ได้ท่าน ข้าก็คงอยู่ต่อได้อีกแค่ไม่กี่เดือน”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ นี่เป็นข้อแลกเปลี่ยนระหว่างข้ากับองค์ชายรองอยู่แล้ว”

อวิ๋นลั่วเฟิงดูแลนางและช่วยให้องค์ชายรองได้บัลลังก์ขณะที่เขาจะทำงานให้นาง!

“เซียนเซียน ในที่สุดเจ้าก็หายดีเสียที” นายท่านรองฉีผ่อนคลายตามนางที่อาการดีขึ้น “อย่างน้อยพอเป็นแบบนี้ข้าก็จะได้ทำให้พี่สาวที่จากไปของเจ้าไม่ผิดหวัง”

สีหน้าของอวี้เซียนเซียนมืดครึ้มขึ้นแต่เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของนายท่านรองฉี ไม่นานรอยยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง

“พี่เขย ข้าสัญญากับพี่สาวของข้าไว้แล้วว่าข้าจะดูแลเยว่เอ๋อร์ไปตลอดชีวิต ตอนนี้ข้าก็จะได้ทำตามสัญญาแล้วปกป้องนางเสียที”

สายตาของนายท่านรองฉีปรากฏอารมณ์หวั่นไหวและหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “แม่นางอวิ๋น ข้ารู้ว่าท่านช่วยชีวิตเซียนเซียนไว้เพราะข้อตกลงแต่ข้าก็ยังอยากขอบคุณอยู่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้า…”

ตอนนี้บุรุษที่อายุสามสิบปีแล้วผู้นี้ก็พูดต่อไม่ได้ เสียงของเขาเหมือนกำลังสำลักเพราะอารมณ์ สำหรับบุญคุณครั้งนี้ เขาก็ยินดีเป็นผู้ติดตามของอวิ๋นลั่วเฟิง

“ฉีหลิง [1] ข้ามีร้านโอสถผสานฌานที่มีน้ำยาผสานฌานไว้ให้เจ้าใช้อย่างเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังมีหุ่นเชิดที่เจ้าเลือกได้ตามใจชอบ เจ้ามั่นใจว่าจะได้ตำแหน่งชนะเลิศในการประลองระหว่างสี่อาณาจักรหรือไม่”

อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วน้ำเสียงทรงอำนาจของนางก็ดังขึ้นอย่างชัดเจนภายในห้องที่เงียบสนิทห้องนี้

หัวใจของฉีหลิงเต้นแรง ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงสามารถเตรียมน้ำยาสมุนไพรให้เขาได้ไม่มีที่สิ้นสุดก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเอาชนะในการประลองระหว่างสี่อาณาจักรได้

“ให้เวลาข้าสักหน่อย ถ้ามีเวลาเพียงพอข้าจะฝึกกองทัพที่ไร้เทียมทานได้!”

“ดี!” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “นอกจากน้ำยาผสานฌานแล้ว ข้ายังมีน้ำยาก่อฐานพลังที่เหมาะกับคนที่เริ่มฝึกพลังฌานอีกด้วย พร้อมๆ กันนั้นเจ้าก็ไปเลือกเด็กๆ ที่มีพรสวรรค์มาฝึกด้วย ในอนาคตเหล่าเด็กที่มีความสามารถเหล่านี้ก็จะกลายเป็นผู้มีอำนาจของแคว้นเฟิงอวิ๋น!”

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่แผ่นดินหลงเซียว ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ภายใต้การจับตาดูของราชวงศ์ นางก็เก็บกลุ่มคนที่ทุกคนคิดว่าเป็นขยะมา ถึงอย่างนั้นหลังจากที่ผ่านการฝึกของนาง พวกเขาทั้งหมดก็กลายไปอัจฉริยะในเวลาสั้นๆ

ตลอดระยะเวลาการเปลี่ยนแปลง น้ำยาก่อฐานพลังเป็นตัวการสำคัญ

ที่สำคัญถ้าเกิดคนเหล่านี้เป็นอัจฉริยะอยู่แล้วผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้คุยโม้ จะต้องมีวันที่อัจฉริยะพวกนั้นกลายเป็นผู้อำนาจในแคว้นเฟิงอวิ๋นแน่นอน!

หัวใจของฉีหลิงกระตุกขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกาย

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาก็รู้ว่าผลของน้ำยาก่อฐานพลังต้องยิ่งทรงพลังมากแน่นอน!

“แม่นางอวิ๋นได้โปรดมอบหมายให้ข้าได้รวบรวมอัจฉริยะพวกนี้เถอะ ส่วนเรื่องชื่อของเด็กมีพรสวรรค์กลุ่มนี้ ข้าคงต้องรบกวนให้ท่านคิดแล้ว”

อวิ๋นลั่วเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วยกยิ้มบาง “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะตั้งชื่อว่า กองทัพเฟิงเซียว!”

กองทัพเฟิงเซียวงั้นหรือ

ฉีหลิงงุนงงเรื่องชื่อนี้แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปแล้วหัวเราะแทน “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะเรียกกลุ่มนี้ว่ากองทัพเฟิงเซียว!”

“พี่สาว” อวี้เซียนเซียนลุกขึ้นจากเตียงขณะที่รอยยิ้มใสซื่อไร้เดียงสาปรากฏบนใบหน้าของนาง “ตอนนี้ยังมีเวลาก่อนที่จะถึงการประลองระหว่างสี่อาณาจักรและข้าก็หายดีแล้ว เหตุใดระหว่างนี้ไม่ให้ข้าสร้างความบันเทิงให้พวกท่านสักหน่อยล่ะเจ้าคะ”

ตอนที่ 1917 เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ (2)

อวิ๋นลั่วเฟิงมองอวี้เซียนเซียนแล้วพยักหน้า “ได้สิ”

ไม่แน่ข้าอาจจะได้ข้อมูลของอวิ๋นเยว่ชิงจากนาง

อวี้เซียนเซียนยิ้ม รอยยิ้มของนางบริสุทธิ์มากในขณะที่ดวงตาโตสดใสของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

“พี่สาว” อวี้เซียวเซียนลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง นางใช้มือคล้องแขนอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ว่า “ข้ารู้จักโรงเตี๊ยมที่มีอาหารดีๆ ครั้งนี้ข้าจะเลี้ยงท่านเองแล้วพาพี่สาวไปลองชิมดู ท่านว่าอย่างไร”

“เซียนเซียน สุขภาพเจ้า…” ฉีหลิงดูกังวลเกี่ยวกับอวี้เซียนเซียน ตั้งแต่ที่นางเริ่มหายดี อวี้เซียนเซียนก็ไม่ได้เป็นสาวงามขี้โรคที่ได้แต่นอนป่วยอยู่เตียงอีกแล้ว รอยยิ้มของนางมีทั้งชีวิตชีวา อ่อนโยนและมีเสน่ห์

“พี่เขยเจ้าคะ ข้านอนอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้วดังนั้นข้าควรจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”

ฉีหลิงไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองฉีหลิง เมื่อนางเห็นความกังวลบริเวณหว่างคิ้วของเขา นางก็ยกยิ้มบาง “นางพูดถูกแล้ว คนที่พึ่งฟื้นจากอาการเจ็บป่วยควรออกไปรับอากาศบริสุทธิ์บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นนางก็มีแพทย์อยู่ข้างกาย เจ้ายังต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของนางอีกหรือ”

ฉีหลิงชะงักไปชั่วขณะแล้วยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องรบกวนแม่นางอวิ๋นแล้ว เซียนเซียน ตอนที่อยู่ข้างนอกเจ้าต้องเชื่อฟังแม่นางอวิ๋นและอย่างสร้างปัญหาให้นาง เจ้าเข้าใจหรือไม่”

อวี้เซียนเซียนแลบลิ้น “พี่เขย ข้าเป็นคนที่รู้จักแต่สร้างปัญหาหรือเจ้าคะ ท่านสบายใจได้ ถ้าข้าเจอองค์ชายสามกับพรรคพวกของเขา ข้าจะเลี้ยวหนีไปแน่นอนเจ้าค่ะ”

ฉีหลิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาแล้วไม่ห้ามอวี้เซียนเซียนไม่ให้ออกไปอีก แต่ว่าทันทีที่พวกนางออกไป สีหน้าของฉีหลิงก็มืดครึ้มทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพบอะไรหรือไม่” ภายในห้องที่เงียบสนิทก็มีร่างสีดำค่อยๆ ปรากฏตัวแล้วพูดด้วยเคารพอย่างมากว่า “เรียนองค์ชาย กระหม่อมได้ค้นหาจนทั่วตำหนักหลังจวนแล้วแต่ก็ไม่สามารถหาตัวการได้พ่ะย่ะค่ะ”

“หรือว่า…คนที่วางแผนทำร้ายภรรยาของข้าและน้องสาวของนางจะไม่ใช่หนึ่งในสตรีจากตำหนักท้ายจวน” องค์ชายรองหรี่ตา “ถ้าอย่างนั้นก็ขยายการค้นหาออกไปอีก เจ้าไปสืบให้ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนฉี ถ้าข้ารู้ใครเป็นตัวการ ข้าจะไม่มีทางปล่อยมันไปแน่นอน!”

ฉีหลิงต่อยเข้าที่กำแพงอย่างแรง เขาทำสีหน้าดูไม่ได้ในขณะที่ความโกรธลุกโชนขึ้นในดวงตาของเขา

คนร้ายถึงกลับกล้าวางยาพิษครอบครัวของเขาภายในจวนนี้ ถ้าเขารู้ว่าใครเป็นคนทำความผิดนี้ล่ะก็ เขาไม่มีทางปล่อยพวกมันไปง่ายๆ แน่นอน!

ภายนอกโรงเตี๊ยมหรูหราที่อยู่ข้างถนนที่คึกคักก็มีกลุ่มคนกำลังกระซิบกระซาบกัน กลุ่มคนล้อมชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดซอมซ่อเอาไว้ เพราะว่าเขาหันหลังให้อวิ๋นลั่วเฟิงทำให้นางไม่เห็นหน้าตาของเขา แต่ว่าภายใต้สถานการณ์ที่ลำบากแบบนี้ร่างสูงผอมของเขาก็ดูเปราะบางมาก

“ไอ้ขอทานหน้าเหม็น เจ้ากล้าขโมยของจากโรงเตี๊ยมเทียนฉีของพวกเรางั้นหรือ!”

“หักขาไอ้ขอทานนี่ซะ แล้วทำให้เขาทรมานจนไม่สามารถจะอยู่หรือตายได้!”

“ใครไม่รู้บ้างว่าโรงเตี๊ยมเทียนฉีเป็นขององค์ชายสาม เขากล้าขโมยของในเขตขององค์ชายสามก็ไม่เท่ากับว่าหาเรื่องตายหรอกหรือ”

บทสนทนาของคนพวกนี้ลอยเข้าหูอวิ๋นลั่วเฟิงแต่นางก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรบนโลกใบนี้ก็มีคนน่าสงสารมากมายและก็ไม่ใช่ทุกคนที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ

แต่ว่า…ชั่วขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงเดินผ่านขอทานคนนั้น นางก็เผลอเหลือบไปมองชายหนุ่ม แล้วทันใดนั้นนางก็ขมวดคิ้วแน่น นัยน์ตาเกร็งค้างไป

——

[1] ฉีหลิง (齐翎 qílíng) ออกเสียงเหมือน ฉีหลิง (祁灵 qílíng) น้องสาวของฉีซูแต่ใช้อักษรจีนคนละตัว