เจี๋ยนจุน?!

ผู้คนจำนวนมากต่างก็แตกตื่นขึ้นมา เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้ปกครองเมืองคริสตัลเท่านั้น ทว่าเป็นจ้าวแห่งเมืองคริสตัลก็ว่าได้ มีอำนาจและอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัว มีพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์

ในช่วงเวลาปกตินั้น ฝ่ายตรงข้ามจะหมกตัวอยู่กับการบ่มเพาะ เป็นเหมือนกับมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนไม่เคยพบเห็น มีผู้คนจำนวนน้อยมากที่จะเคยเห็นรูปลักษณ์ของเขา

เมื่อผู้พิทักษ์เหล่านี้กำลังจะถูกสังหารไปจนหมดสิ้นนั้น ในที่สุดเจี๋ยนจุนก็ปรากฏตัวขึ้นมา

“ท่านเจี๋ยน!”

ซูเหลียงอิงและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งอย่างมาก พวกเขาได้เฝ้ารอมานาน ในที่สุดเจี๋ยนจุนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา หากไม่ปรากฏตัวขึ้นมานั้น บางทีพวกเขาทั้งหมดอาจจะถูกเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่สังหารไปจริงๆ

โชคดีที่ตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาได้ทันเวลาพอดี ทำให้พวกเขามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อ

ยอดฝีมือในระดับเปลวไฟที่แท้จริง?!

เซี่ยปิงหรี่ตามอง จ้องมองไปที่เจี๋ยนจุนผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ ระดับเปลวไฟที่แท้จริงและระดับหล่อหลอมสมบัตินั้นแตกต่างกันถึงหนึ่งระดับ พลังอำนาจก็มากกว่าระดับหล่อหลอมสมบัติอย่างมหาศาลเช่นกัน

เมื่อใดที่เลื่อนขั้นไปในระดับเปลวไฟที่แท้จริงนั้น จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์จะเปลี่ยนแปลงไปราวกับฟ้ากับเหว แปรเปลี่ยนกลายเป็นเปลวไฟวิญญาณ พลังอำนาจทางจิตวิญญาณก็จะทรงอำนาจมากกว่าระดับหล่อหลอมสมบัติกว่าสิบเท่า

การที่ควบแน่นเปลวไฟวิญญาณขึ้นมาได้นั้น สามารถที่จะแผดเผาวัตถุดิบและหล่อหลอมสมบัติได้ง่ายดายมากขึ้น หากเป็นผู้บ่มเพาะในระดับหล่อหลอมสมบัตินั้นจะสามารถหล่อหลอมสิ่งประดิษฐ์สมบัติได้เพียงเท่านั้น ทว่าผู้บ่มเพาะในระดับเปลวไฟที่แท้จริงนั้นจะสามารถหล่อหลอมสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขึ้นมาได้ สามารถที่จะปลูกฝังวิญญาณสิ่งประดิษฐ์ภายในสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ได้

หากปราศจากเปลวไฟวิญญาณนั้น จะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ให้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณได้

ในขณะเดียวกันพลังวิญญาณก็จะมีพลังการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นเช่นกัน สามารถที่จะแผดเผาจิตวิญญาณของศัตรูได้ ทำอันตรายต่อแก่นแท้ของจิตวิญญาณ

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่สามารถสัมผัสถึงพลังอำนาจของโลกได้ง่ายดายยิ่งขึ้น สามารถที่จะควบคุมพลังอำนาจของค่ายกลโลกได้ดีกว่าระดับหล่อหลอมสมบัติกว่าสิบเท่า

เรียกได้ว่านี่คือการพัฒนารอบด้าน แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับนี้ที่อยู่ในระดับนิกายขนาดเล็กนั้น ก็ยังคงถือว่าเป็นตัวตนในตำแหน่งแกนนำก็ว่าได้

หากเป็นภายในกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง นี่คือยอดฝีมือในระดับผู้อาวุโส มีอำนาจในระดับสูง อยู่ภายใต้เพียงแค่คนๆเดียว มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่เป็นรองเพียงแค่ผู้นำของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงซึ่งเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับแกนทอง

เขาก็คือผู้อารักขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงที่ประจำการอยู่ที่ดาวคริสตัลเช่นกัน

“ท้ายที่สุดแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”

เจี๋ยนจุนชายชราชุดขาวมองด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม เหมือนกับกำลังโมโหอย่างมาก

เขาได้กวาดสายตามองออกไปรอบๆ เห็นทั่วทั้งเมืองคริสตัล ทุกๆที่มีแต่ร่องรอยของการพังพินาศ ที่พื้นก็มีผู้พิทักษ์ในระดับหล่อหลอมสมบัติที่ตายไป ทหารจำนวนกว่าหมื่นคนก็กลายเป็นชิ้นเนื้อนับไม่ถ้วน

สิ่งที่ทำให้เขาโมโหที่สุดก็คือการที่รากฐานค่ายกลของเมืองคริสตัลได้ถูกทำลายไป การที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่นั้น ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ทรัพยากรมากแค่ไหนกว่าที่จะประสบความสำเร็จได้

เพียงแค่ความสูญเสียเช่นนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปถึงหัวใจ ไม่สามารถที่จะยับยั้งอารมณ์โมโหของตนเองได้อีกต่อไป เหมือนกับสูญเสียความมั่งคั่งนับร้อยปีไปก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าที่จะชดเชยได้ทั้งหมด

“ท่านผู้ปกครองเมือง นี่เป็นความผิดของเจ้าเด็กนี่”

ซูเหลียงอิงเดินเข้าไปและร้องเรียนทันที ปัดความรับผิดชอบทั้งหมด “เจ้าอู๋ไท่โต่วบุคคลที่เสียสตินี่ได้มาเข้ามาสร้างปัญหาในเมืองคริสตัลของพวกเรา อันดับแรกเขาได้สังหารผู้คนธรรมดาของเมืองคริสตัลไปเป็นจำนวนมาก ต้องการที่จะฆาตกรรมผู้อื่นเพื่อเงิน หลังจากนั้นพวกเราจึงได้เคลื่อนไหวออกมาเพื่อจับตัวเจ้าฆาตกรนี่ รักษาความปลอดภัยของเมืองไว้”

“อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ แม้แต่พวกเราผู้พิทักษ์ก็กล้าที่จะสังหาร พวกเราขอให้ท่านผู้ปกครองเมืองจัดการเรื่องนี้ด้วยเถอะ จับตัวเจ้าคนเสียสตินี่ ฉีกแขนฉีกขาของเขาออกมา ล้างแค้นให้กับพี่น้องของพวกเราที่ได้ตายไป อ๊าก!”

เขาได้พูดเสียงสะอื้นออกมาอย่างเสียงดัง มีท่าทางเหมือนกับเป็นเหยื่อที่น่าสงสาร

“ใช่ ท่านผู้ปกครองเมือง เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ไม่ได้เห็นใครอยู่ในสายตาแม้แต่คนเดียว”

“เมื่อเทียบเรื่องความชั่วร้ายและโหดเหี้ยมกับเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ พวกเรากลายเป็นบุคคลที่ใจดีและอ่อนโยนไปเลย”

“บุคคลเช่นนี้หากไม่ตาย ความยุติธรรมก็คงจะไม่บังเกิด”

“ไม่สามารถปล่อยให้เขาหลบหนีออกไปได้ ไม่อย่างนั้นจะต้องก่อภัยพิบัติให้กับคนอื่นๆอีกในอนาคต”

“ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นโจรสลัดจักรวาล ทว่าเทียบกับความชั่วร้ายของเจ้าเด็กนี่แล้ว ไม่มีทางที่จะเทียบกันได้เลย”

ผู้พิทักษ์แต่ละคนต่างก็เข้าไปร้องเรียน โยนความผิดทั้งหมดให้กับเซี่ยปิง

“ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตยิ่งนัก!”

เจี๋ยนจุนชายชราชุดขาวตะโกนออกมา “ไม่คาดคิดว่าจะกล้าสร้างปัญหาในเมืองคริสตัล อีกทั้งยังได้สังหารผู้พิทักษ์ของเมืองคริสตัลของข้า ฆาตกรรมผู้อื่นอย่างสิ้นคิด เห็นที่นี่เป็นที่ไหนกัน ไม่เกรงกลัวกฎหมายและสวรรค์ นี่เจ้าเบื่อหน่ายกับชีวิตอย่างนั้นหรือ?!”

“ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกกับเจ้าสองทาง อย่างแรกเจ้าปลิดชีวิตของตนเองซะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้รักษาสภาพศพของตนเอง”

“อย่างที่สองคือการให้เจ้าดิ้นรนไปอย่างเปล่าประโยชน์ ข้าจะสังหารเจ้าภายในฝ่ามือเดียว เจ้าเลือกความตายของตนเองมาซะ!”

เขาได้ให้ทางเลือกสองทางกับเซี่ยปิง มีจิตสังหารที่เดือดดาลออกมา

ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ส่ายหัว นี่มีที่ไหนที่เป็นการให้ทางเลือก เห็นได้ชัดว่ามีเพียงแค่ชะตากรรมเดียวเท่านั้น นั่นก็คือความตาย แตกต่างแค่เพียงสภาพศพเท่านั้น

ทว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก การที่เข้ามาสร้างปัญหาภายในเมืองคริสตัล ทำลายเมืองจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ อีกทั้งยังได้สังหารผู้พิทักษ์ของเมืองไปอีกนั้น นี่มีที่ไหนที่จะเป็นความผิดที่จะสามารถประนีประนอมได้

หากไม่สังหารเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ในวันนี้ ในอนาคตกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงของพวกเขาจะมีหน้าไปพบใครอีก? ชื่อเสียงคงจะป่นปี้ไปทั้งหมด ในอนาคตจะสามารถจัดการดูแลเมืองคริสตัลที่เป็นพื้นที่ไร้กฎหมายเช่นนี้ได้อีกหรือ?!

หากไม่แสดงพลังอำนาจออกมาให้เห็น จะมีใครกันที่จะเกรงกลัวพวกเขาภายในโลกใต้ดินอีก!

“หูเบาจริงๆ!”

เซี่ยปิงชำเลืองมองด้วยหางตา “เจ้าแก่หงำเหงือก การที่เจ้าเชื่อในคำพูดของพวกเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้ หากพวกเขาบอกว่าตนเองชอบกินอุจจาระเจ้าก็จะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”

“ข้าก็รู้ว่าการที่อยากจะลงโทษเล่นงานใครก็ย่อมมีข้ออ้างเสมอ ข้าก็เกียจคร้านที่จะอธิบายอะไรกับเจ้า หากต้องการที่จะต่อสู้ก็เข้ามา ทว่าอย่าโทษข้าว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้าก่อน การที่ต่อต้านข้านั้น มีแต่จะนำพาหายนะไปสู่ตนเอง!”

เขาไม่ได้อธิบายอะไรออกมา หนำซ้ำยังเผชิญหน้าอย่างตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ทว่าที่นี่คืออาณาเขตของพวกเขา การที่สังหารผู้พิทักษ์ของพวกเขาและทำลายค่ายกลไปนั้น สถานการณ์เช่นนี้ มันได้กลายเป็นความอาฆาตแค้นที่ไม่ที่สิ้นสุดแล้ว ไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

“ยโสโอหังยิ่งนัก!”

ได้ยินเช่นนี้ เจี๋ยนจุนชายชราชุดขาวก็เดือดระอุขึ้นมาทันทีและตะโกนเสียงดังออกมา “ต่อต้านเจ้าจะนำพาหายนะไปสู่ตนเองหรือ? ชายชราผู้นี้อยากจะรู้เหมือนกับว่าท้ายที่สุดแล้วใครกันที่จะเผชิญกับหายนะ!”

ปัง!

ทันใดนั้น เขาก็ได้ชักดาบยาวสีครามออกมาจากร่างกาย แสงดาบได้ปะทุออกไปทั้งสี่ทิศทาง ดาบได้ฟันลงมาจากอากาศ

เพลงดาบความสามารถศักดิ์สิทธิ์—ดาบมังกรบินเก้าเล่ม!

นี่คือทักษะเพลงดาบที่ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาได้ ด้วยทักษะเพลงดาบนี้ ไม่รู้ว่าเขาได้สังหารศัตรูไปมากแค่ไหน ดาบที่ตัดออกไป แม้แต่ยานอวกาศก็สามารถที่จะผ่าออกเป็นสองท่อนได้

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!!

ภายในพริบตา แสงดาบก็ได้พุ่งออกไป เริ่มจากหนึ่งเล่ม จากนั้นก็แยกออกเป็นสอง แยกเป็นสาม สี่ ห้า……..จนกระทั่งแสงดาบทั้งเก้าพุ่งออกไปพร้อมกัน

แสงดาบทั้งเก้านี่ได้บรรจบเข้าด้วยกัน แปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพของไวเวิร์นทันที มีพลังอำนาจของมังกรอยู่ ลึกลับอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ส่วนลึกของความว่างเปล่าก็เหมือนว่าจะมีเสียงไวเวิร์นคำรามออกมา

“หืมม?!”

เซี่ยปิงเผยสายตาที่หนาวเหน็บออกมา เขารู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของดาบนี้ พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัวได้ถ่ายทอดออกมาจากแสงดาบของชายชราคนนี้เช่นกัน ส่งผลกระทบต่อความว่างเปล่า ถ่ายทอดมาสู่ส่วนลึกของจิตวิญญาณเขา

ในขณะที่แสงดาบนี้ยังไม่มาถึง ทว่าเจตจำนงที่น่าสะพรึงกลัวของมันก็เหมือนกับเปลวไฟ ต้องการแผดเผาจิตวิญญาณของเขา จะต้องแผดเผาร่างกายของเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

วิซ!

เขารู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลังดาบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะในระดับหล่อหลอมสมบัติจะสามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน ต่อให้เขาจะมีวิชาการป้องกันนรกกลืนกินอยู่ คาดการณ์ได้ว่าก็คงจะบาดเจ็บสาหัส

เซี่ยปิงได้แสดงย่างก้าวหยานเป่ยออกมาทันที ร่างกายของเขาได้กระพริบหายไป ท้ายที่สุดก็หลบหลีกดาบนี้ออกไปได้อย่างฉิวเฉียด

ตึบ!

แสงดาบนี้ได้ตัดผ่านไป ตัดตึกขนาดใหญ่5-6ตึกที่อยู่ห่างออกไปกลายเป็นสองซีกทันที ปูนซีเมนต์เปราะบางเหมือนกับเต้าหู้ก็ว่าได้ เศษหินแตกกระจายออกมาจากตึกเหล่านี้