ตอนที่ 560 วุ่นวายโกลาหล โดย ProjectZyphon
ธิดาเทพหลินหลางโกรธแทบคลั่งจริงดังว่า นางบำเพ็ญเพียรถึงทุกวันนี้ สมกับเป็นผู้กล้าอันดับหนึ่งแห่งเผ่าสิงห์โลหิตมาตลอด ไปหนใดล้วนได้รับการเคารพนับถือจากผู้คน แม้แต่คนใหญ่คนโตในเผ่าต่างมีมารยาทต่อนางถึงสามส่วน
ใครเล่าจะคิดว่าวันนี้กลับถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งขุดหลุมดักซะได้ ไม่เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งของพวกเขาเผ่าสิงห์โลหิตถูกสังหาร แม้แต่คัมภีร์สีทองลึกลับเล่มนั้นยังถูกช่วงชิงไปหนึ่งในสาม
นี่จะไม่ให้นางเคียดแค้นได้อย่างไร
ที่ทำให้นางอัปยศอดสูที่สุดคือ เด็กหนุ่มนั่นฝึกปราณถึงแค่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ!
ครืน!
กระแสคลื่นอันน่าพรั่นพรึงแผ่ขยายออกจากร่างธิดาเทพหลินหลาง ใบหน้างดงามพริ้งเพราของนางแผ่ไอสังหารเย็นเยือกถึงขีดสุด นัยน์ตาคู่งามฉายแววอาฆาต ผมสีโลหิตพลิ้วไสว ดุจดั่งมารปีศาจตนหนึ่ง
เพียงแต่เมื่อนางหมายบดขยี้หลินสวินเต็มกำลัง พลันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันฉากหนึ่งขึ้น…
ก็เห็นบนแท่นมรรคโบราณในส่วนลึกของตำหนักนั่น โซ่งามตระการที่ไขว้พันกันต่างสั่นไหวครืนๆ ขึ้นมา
และภายในหินหยกซึ่งถูกปกคลุมไว้ข้างใต้ กลับมีเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นหาใดเปรียบดังออกมา “ถึงกับกล้าชิงคัมภีร์มรดกของข้า พวกเจ้าสองคนล้วนสมควรตาย!”
น้ำเสียงนั้นดูอ่อนเยาว์ราวเด็กทารก เสียงเล็กแหลมผิดธรรมดา เจือความเคียดแค้นชิงชังเหลือคณานับ
ทันทีที่ดังออกมา ตำหนักทั้งหลังพลันเกิดแรงสะเทือนรุนแรง โซ่งามตระการนับหมื่นพันส่งเสียงกัมปนาท พุ่งทะยานสู่นภากาศมุ่งตรงมาทางนี้อย่างมืดฟ้ามัวดิน
พริบตานี้ธิดาเทพหลินหลางและหลินสวินต่างสูดหายใจเย็นเยียบ รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ไป!”
หลินสวินไหนเลยจะกล้าชักช้า ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งขั้นสูงสุด หลบลี้หนีจากตำหนักแห่งนี้ว่องไวราวหมอกควัน
“บ้าเอ๊ย…!”
ธิดาเทพหลินหลางโกรธจนจมูกเบี้ยวไปหมด เดิมทีคิดจู่โจมสังหารหลินสวินซะ ไหนเลยจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ครืน!
โซ่สายหนึ่งกระพือสะบัดมาถึง อุดมไปด้วยลำแสงอันน่าหวาดกลัวราวโซ่ตรวนแห่งเทพเซียน
ธิดาเทพหลินหลางเรียกระฆังสำริดสีเลือดออกมาต้านทาน แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังถูกกระเทือนจนใบหน้างดงามซีดเผือดแทบกระอักเลือด
นางตื่นจากห้วงโทสะชั่วขณะ มิกล้าลังเลอีก หลบหนีอย่างสุดความสามารถ
ภายในตำหนักเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด น่าประหวั่นเกินไป เสมือนสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัวตนหนึ่งตื่นขึ้นจากการหลับใหล หากอยู่นานกว่านี้เพียงครู่ อาจประสบภัยพิบัติที่มิอาจคาดเดา!
นอกตำหนักเขียวชอุ่ม ทันทีที่หลินสวินหลบหนีออกมาก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น ตำหนักใหญ่สั่นคลอน ภูเขาเทพม่วงอำพันนี้สั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปทั้งลูก
แย่แล้ว!
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่น้อย เงาร่างดุจอสนีบาตพุ่งทะยานไปยังเชิงเขา
ข้างหลังเขา ธิดาเทพหลินหลางก็พุ่งออกมาเช่นกัน ผมสีโลหิตพลิ้วไหว ใบหน้างดงามเย็นเยือก เพียงแต่นางตระหนักชัดแจ้งถึงอันตราย จึงแทบไม่สนใจจะลงมือกับหลินสวินอีก เริ่มหนีอย่างเต็มกำลังเช่นกัน
ครืน ครืน
ในเสียงสั่นคลอนอันน่าพรั่นพรึง ตำหนักโบราณเขียวขจีบนยอดเขานั่นถึงกับเริ่มถล่มทรุดตัวลง เกิดแสงอสนีบาตสีเขียววับวามน่าหวาดกลัว ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
กระทั่งต่อมาภูเขาเทพม่วงอำพันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรู ภูเขาทั้งลูกถึงขั้นเริ่มทรุดตัวจมลง
หลังจากนั้นทะเลสาบหินหนืดผืนนี้พลันเดือดพล่าน ปะทุคลื่นอัคคีน่าหวาดหวั่น เกาะกลางทะเลสาบนั่นก็เริ่มปริออกจากกัน กลายเป็นก้อนหินที่แตกหักเป็นเสี่ยงๆ ก่อนเริ่มจมดิ่งลง
น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
เกาะอริยะปัญจธาตุทั้งเกาะเกิดภัยพิบัติน่าตะลึง จมดิ่งลงสู่ทะเลสาบหินหนืด ก่อเกิดคลื่นผนึกต้องห้ามน่าหวาดหวั่นราวกับจะพังทลาย
“บัดซบ! นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“หรือว่าหลินหลางหญิงผู้คนนั้นไปสัมผัสพลังต้องห้ามอะไรเข้า ถึงทำให้ที่แห่งนี้เกิดอุบัติภัยอันน่าตกใจจนถูกทำลาย”
ริมทะเลสาบ ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรทั้งกลุ่มตกใจจนถอยร่นห่างออกไป สีหน้าปรวนแปร เกรงแต่จะถูกพลังทำลายล้างต้องห้ามอันน่าหวาดกลัวนั่นกระเทือนมาถึง
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย เวลานี้หากราชันคนหนึ่งติดอยู่ในนั้นก็หนีความตายไม่พ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!
พลังทำลายล้างนั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว อยู่เหนือจินตนาการ ทำให้ฟ้าดินแห่งนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายใหญ่หลวง เสมือนวันสิ้นโลกเยื้องกรายมาถึง ไม่ต่างจากมหามรรคดับสลาย
อวี่เซียวเซิงเองก็ประหลาดใจระคนสงสัย แต่ในไม่ช้านัยน์ตาเขาพลันฉายแววยะเยือกทันที ก่อนตวาดลั่น “เตรียมพร้อมต่อสู้!”
สวบ!
เพิ่งสิ้นเสียง เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเกาะอริยะปัญจธาตุ เสมือนสายฟ้าแลบผ่านรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น อวี่เซียวเซิงยังคงแยกออก เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นนั่นเอง!
“ธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตอยู่ข้างหลัง เป็นนางที่ช่วงชิงมหาศุภโชคในที่แห่งนี้ไป ก่อให้เกิดภัยพิบัติเช่นนี้!”
หลินสวินตัวยังมาไม่ถึงก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้นต่างส่งเสียงอื้ออึง พวกเขาเดาไว้แต่แรก อุบัติภัยอันน่าตกใจทั้งหมดนี้เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับธิดาเทพหลินหลาง
มาตอนนี้คำพูดประโยคเดียวของหลินสวินยืนยันข้อสันนิษฐานของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เบื้องหลังนั้น ธิดาเทพหลินหลางซึ่งหลบหนีออกมาเช่นกันเพิ่งคิดอยากพักหายใจสักครู่ แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหลินสวินก็โกรธจนควันออกหูทันที รู้สึกแย่ไปทั้งตัว
โยนความผิดให้คนอื่น ใส่ร้ายป้ายสี?
เจ้าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นี่ช่างต่ำช้าไร้ยางอายซะจริง!
“สหาย ไม่ว่าศุภโชคถูกใครช่วงชิงไป เจ้าก็หยุดอยู่ตรงนี้ชั่วคราวเถอะ!”
อวี่เซียวเซิงกล่าวเย็นชา ขณะที่พูดก็โบกมือส่งสัญญาณให้คนในเผ่าที่อยู่ใกล้เคียง ออกคำสั่งให้พวกเขาลงมือพร้อมกัน โจมตีหลินสวิน
ในขณะเดียวกันเขาก็บุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ จู่โจมสังหารธิดาเทพหลินหลาง
วู้ม!
ทวนสามง่ามขาวดุจหิมะซึ่งหล่อจากกระดูกมังกรเล่มหนึ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ปรากฏสัญลักษณ์รอยสลักลึกลับนับหมื่นนับพัน กวาดทำลายออกไป
นี่คือสมบัติลับหายากชิ้นหนึ่ง นามว่า ‘ทวนกระดูกมังกร’ เป็นอาวุธตกทอดของเผ่าวาฬมังกร อานุภาพไม่ด้อยไปกว่าระฆังสำริดสีเลือดในมือธิดาเทพหลินหลาง
เห็นชัดว่าอวี่เซียวเซิงรู้ตัวว่าสถานการณ์ตึงเครียด ทันทีที่ลงมือก็ทุ่มสุดกำลัง
อีกด้านหนึ่งหลินสวินก็ถูกผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรกลุ่มหนึ่งล้อมกรอบ คนพวกนี้เตรียมตัวไว้นานแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้หลินสวินฉวยโอกาสหลบหนี
ทันใดนั้นฟ้าดินแถบนี้ก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด
ธิดาเทพหลินหลางควบคุมระฆังสำริดสีเลือดต่อสู้กับอวี่เซียวเซิง ต่อสู้ฆ่าฟันจนฟ้าดินไร้สี ดุเดือดรุนแรงหาใดเปรียบ สภาพอากาศแปรปรวนถาโถมชวนประหวั่น ภาพเหตุการณ์น่าอกสั่นขวัญแขวน
พวกเขาคนหนึ่งคือธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิต อีกคนคือบุตรเทพเผ่าวาฬมังกร ต่างคนต่างควบคุมสมบัติลับ การต่อสู้นี้ถือเป็นการต่อสู้ชั้นยอดของคนรุ่นเยาว์เลยทีเดียว พาให้คนใจสั่นระรัว
หลินสวินที่อยู่อีกฟากหนึ่งกลับได้รับแรงกดดันเป็นเท่าตัว ด้วยในบรรดาผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงรุ่นอาวุโสอยู่มากมาย ตอนนี้ทั้งหมดต่างกลุ้มรุมบุกเข้ามาตีล้อม แค่คิดก็รู้แล้วว่าน่ากลัวขนาดไหน
หลินสวินได้แต่อาศัยความอัศจรรย์ของก้าวย่างชือน้ำแข็ง ฝืนอ้อมหลบเร้น หมายฝ่าวงล้อมออกไป แต่ในชั่วขณะหนึ่งกลับยังไม่สามารถทำได้
“ผู้หญิงหน้าเหม็น ดูท่าคนพวกนี้ไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ มิสู้พวกเราร่วมมือกันชั่วคราว ตีฝ่าวงล้อมออกไปก่อน หลังจากนั้นค่อยจัดการบุญคุณความแค้นระหว่างเราเป็นอย่างไร”
ทันใดนั้นหลินสวินตะโกนก้อง ทั่วร่างเขาเปล่งแสง ดาบหักวาดกวาดฟาดผ่าทวนอสรพิษส่วนหนึ่งแตกละเอียด แม้ไม่อาจตีฝ่าวงล้อม แต่พลานุภาพกลับแข็งแกร่งผงาดผยองถึงขีดสุด ไม่อาจถูกกำราบลงได้
“ก็ดี เจ้ามานี่ พวกเรามาจัดการเจ้าอวี่เซียวเซิงนี่ก่อน!”
ธิดาเทพหลินหลางตกปากรับคำอย่างยินดี ถึงแม้ในใจจะแค้นหลินสวินจนกัดฟันกรอด แต่ก็รู้ว่าการเลือกร่วมมือกับหลินสวินเวลานี้ จึงจะมีหวังเปิดทางรอดชีวิตหนึ่งบ้าง
พวกอวี่เซียวเซิงหน้าเปลี่ยนสีทันใด หากปล่อยให้สองคนนี้ร่วมมือกัน อาจถูกพวกเขาฝ่าวงล้อมออกไปพร้อมกันก็เป็นได้
“พวกเจ้าหยุดยั้งเจ้าเด็กนั่นเต็มกำลัง! อย่าปล่อยให้พวกมันรวมตัวกันได้เด็ดขาด!”
อวี่เซียวเซิงตวาดเสียงกร้าว ในใจเขาเองก็ร้อนรนอยู่บ้าง
“ฆ่า!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรเหล่านั้นไหนเลยจะกล้าชักช้า แต่ละคนไอสังหารแผ่ซ่าน ใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดดักโจมตีและปิดล้อมหลินสวิน
“เจ้ามานี่ ข้าไปไม่ได้ หากเจ้ายังไม่มา พวกเราใครก็อย่าคิดว่าจะหนีออกไปได้!”
หลินสวินร้องตะโกน
“น่าชังนัก!”
ธิดาเทพหลินหลางโกรธจนมุมปากกระตุก ในใจหลุดปากด่ายกใหญ่
แต่จนปัญญา นางได้แต่เข่นฆ่าโรมรันกับอวี่เซียวเซิงไปพลาง ขยับตัวเข้าใกล้หลินสวินไปพลาง
อวี่เซียวเซิงมีหรือจะยอมให้พวกเขาสองคนรวมตัวกัน พลันเดือดดาล โคจรพลังทั้งหมด ทวนกระดูกมังกรเปล่งแสงราวสุริยันเจิดจรัส พลานุภาพไร้ขอบเขต พุ่งโจมตีธิดาเทพหลินหลางอย่างหนักหน่วง
พรูด!
ท้ายที่สุดนางถูกทวนกวาดโดน ปากกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บ แต่กลับอาศัยโอกาสนี้ทำให้นางสามารถเข้าประชิดสมรภูมิรบของหลินสวินได้
“ฆ่า!”
นางแผดเสียง ผมสีโลหิตทั้งศีรษะพลิ้วไสว ชูมือขึ้นเรียกมุกอสนีโลหิตสวรรค์ออกมา ปลดปล่อยอสนีบาตนับหมื่นนับพัน พุ่งครืนครันผ่าสังหารไปยังผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้น
“ไสหัวไป!”
หลินสวินเองก็บุกโจมตี ตวาดเสียงดังลั่น แผ่นหลังโก่งโค้งขึ้นทันที สำแดง ‘ปะทะฟู่ซี่’ ออกมา!
พลันยินเสียงดังปึงๆๆ คุกรุ่น ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรส่วนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหลินสวิน ไหนเลยจะคิดว่าหลินสวินยังมีวิชาลับแปลกประหลาดน่าหวาดกลัวเช่นนี้อยู่อีก จึงถูกกระแทกลอยละล่องออกไปแถบใหญ่ทันที ปากกระอักเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วงล้อมที่เดิมทีแน่นหนาหาใดเปรียบ ชั่วขณะถูกทลายแยกแตกออกจากกัน
สวบ! สวบ!
หลินสวินและธิดาเทพหลินหลางมีหรือจะปล่อยโอกาสนี้หลุดมือ สำแดงท่าร่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนหลบหนีออกไปจากช่องโหว่นั่น
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์! ตามไปเร็ว!”
อวี่เซียวเซิงโกรธจนหน้าเขียว เดือดดาลจนผมตั้ง ถือทวนไล่ตามไปทันที
เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรเหล่านั้นต่างตะลึงงัน เพราะหลังจากที่หนีจากวงล้อมไปได้ หลินสวินและธิดาเทพหลินหลางราวกับรู้กันอยู่ในที ผละออกจากกันทันใด มุ่งหนีไปคนละทิศละทาง
นี่ควรตามใครกันแน่
“พวกไร้ประโยชน์! ยังตะลึงกันทำบ้าอะไร พวกเจ้าตามเจ้าเด็กนั่น นางผู้หญิงนี่ข้าจัดการเอง!”
อวี่เซียวเซิงแผดเสียงคำราม มุ่งไล่ล่าสังหารธิดาเทพหลินหลางอย่างบ้าคลั่ง ถาโถมโหมกระหน่ำราวฟ้าร้องกัมปนาท
เขาเองก็รู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอันมาก เดิมทีสถานการณ์ ‘ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง’ ทำให้พวกเขาเหนือกว่าเป็นมั่นเหมาะ
ใครจะคิดว่าเกาะอริยะปัญจธาตุนั่นกลับเกิดภัยพิบัติน่าตระหนก ทำเอาเขารับมือไม่ทัน
ถึงขั้นที่ยามคิดจะดักสังหารหลินสวินและธิดาเทพหลินหลาง กลับไม่คาดคิดว่าคู่แค้นทางคับแคบอย่าง ‘ตั๊กแตน’ และ ‘จักจั่น’ จะถึงกับร่วมมือกันเพื่อหนีเอาชีวิตรอดอย่างคาดไม่ถึง
ชั่วขณะเดียวก็ทำให้สถานการณ์วุ่นวายอุตลุดไปหมด!
ภายในใจอวี่เซียวเซิงแค่คิดก็รู้แล้วว่าอึดอัดมากเพียงใด
อีกฟากหนึ่ง หลินสวินสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลัง เงาร่างประดุจภาพฝันเบี่ยงหนีหลีกหลบ ด้านหลังเขามีผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรกลุ่มใหญ่ออกไล่ล่าสังหาร
หลินสวินเองก็กลัดกลุ้มอยู่บ้าง เพิ่งจัดการอันตรายที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตชักนำมา กลับยังถูกเผ่าวาฬมังกรจับจ้องอีก ทำเอาหลินสวินเกิดโทสะ
เห็นเขาหลินสวินเป็นมะพลับนิ่มที่บีบขยำได้ตามใจหรือไร
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้จักดีชั่ว งั้นข้าจะเล่นใหญ่กับพวกเจ้าเอง!”
หลินสวินเดี๋ยวหลบหลีก เดี๋ยวลอบกัดฟันกรอดอย่างโมโห
“สารเลว! สารเลวยิ่งนัก!”
ในขณะเดียวกัน ธิดาเทพหลินหลางที่ถูกอวี่เซียวเซิงไล่สังหารอย่างไม่ลดละก็โกรธแทบบ้า กัดฟันกรอดแทบแหลก
วันนี้พวกเขาเผ่าสิงห์โลหิตจ่ายค่าตอบแทนหนักเกินไปแล้ว แทบจะพินาศราบเป็นหน้ากลอง!
ที่ทำให้ธิดาเทพหลินหลางเคียดแค้นชิงชังที่สุดคือ แม้จนถึงตอนนี้ ข้างหลังก็ยังมีอวี่เซียวเซิงไล่สังหารราวกับวิญญาณตามติดก็มิปาน รังแกคนอื่นเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ต้นกล้ารุกขทรัพย์วิญญาณทองต้นนั้น ก็ถูกเจ้าหมอนี่ลอบโจมตีแย่งชิงไป!
………………….