เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 396 ความโชคร้ายของคนทั่วไป

เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมาทันที หรือเพราะว่าอาจจะตกใจที่ถูกมาร์คหยิกเบา ๆ

แอเรียนอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนด้วยสัญญาณ “โอ๋ เงียบนะลูกรัก ลูกของใครกันนะเก่งที่สุด…”

เด็กน้อยหยุดร้องไห้ทันที แต่ยังคงมีสีหน้าที่เศร้าหมองอยู่บนใบหน้า ดวงตาของเขาแดงก่ำ

มาร์กระซิบถามข้างหูแอเรียนเบา ๆ ว่า “ทำไมเราถึงไม่รับเด็กมาเลี้ยงล่ะ?”

แอเรียนชำเลืองมองเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ เธอแกล้งทําเป็นไม่ได้ยินเขา “ขอแค่ดูแลนางฟ้าตัวน้อย ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดีก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกค่ะ”

หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้ามาเป็นเวลานาน แอเรียนและมาร์คปฏิเสธคำเชิญร่วมทานอาหารกลางวันกับผู้อำนวยการอย่างสุภาพ

ระหว่างทางที่พวกเขากลับไปยังคฤหาสน์ เทรมอนต์ แอเรียนกําลังคิดถึงความรู้สึกของทารกเพศชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ เด็กคนนั้นดูอ่อนโยนและน่ารัก จนหัวใจของเธอเหมือนกําลังจะละลาย

มาร์คดูเหมือนจะรับรู้เรื่องที่เธอคิด เขาถามขึ้นมาว่า “เธอแน่ใจนะว่าไม่อยากจะรับเด็กมาเลี้ยง?” ฉันเห็นว่าเธอไม่ค่อยยอมปล่อยเด็กคนนี้เลย”

แอเรียนมองออกไปนอกรถอย่างดื้อรั้น “ฉันไม่ได้… ไม่อยากมีบุตรบุญธรรม ฉันยังดูแลตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

มาร์คยังล่อลวงเธออยู่ “ฉันดูแลทั้งเธอและลูกได้ไม่ยากเลย เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกเราก็ได้ ส่วนฉันก็สามารถหาเงินให้ครอบครัวเราได้”

นี่เป็นครั้งแรกที่ไบรอันได้ยินมาร์คพูดแบบนั้น เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้

มาร์คจ้องมองเขาเขม็ง “ไบรอัน นายกล้ามากเลยนะ นายกล้าดียังไงที่มาแอบฟังฉันแล้วหัวเราะ? พักหลังมานี้ไม่ได้ไปนัดบอดเหรอไง? ฉันได้ยินจากแมรี่ว่ามันประสบความสําเร็จ ในที่สุดนายมีแฟนแล้วหรือยังล่ะ?”

ไบรอันไม่ทันคาดคิดว่า บทสนทนานั้นจะย้ายไปหาเขา ไบรอันจึงระงับเสียงหัวเราะของเขาอย่างรวดเร็ว “ใช่ครับ”

มาร์คอยู่ในอารมณ์ที่อยากคุยมาก “เป็นอย่างไรบ้าง? นายวางแผนที่จะแต่งงานไหม?”

ไบรอันคิดสักครู่แล้วพูดว่า “เราแค่อยู่ด้วยกัน ผู้หญิงสมัยนี้มันไม่ง่ายเลย พวกเขาอยากได้บ้าน, รถ และสินสอด เธอไม่ชอบความจริงที่ผมเป็นแค่คนขับรถ เธอขอให้ผมเปลี่ยนงาน ผมไม่คิดว่าเราจะคบกันได้นาน”

“มีปัญหาอะไรกับการเป็นคนขับรถ? ฉันไม่ได้ทําร้ายนาย ถึงแม้ว่านายจะเป็นคนขับรถของฉันก็ตาม เงินเดือนนายสูงกว่าพนักงานออฟฟิศอีก ถ้านายชอบเธอจริง ๆ และถ้าเธอต้องการให้นายทํางาน ก็ไปทํางานที่บริษัท ฉันจะให้คนอื่นมาขับรถแทน วุฒิการศึกษาของนายก็ไม่ได้ต่ำ ฉันสามารถหาตำแหน่งในออฟฟิศให้นายได้” มาร์คมีน้ำใจกับลูกจ้างของเขา เพราะไบรอันนั้นทำงานให้เขามานานหลายปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไบรอันไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทําตามความต้องการของหญิงสาวแต่อย่างใด “ไม่เป็นไรครับ พวกเธอไม่เข้าใจงานของผม ผมชอบขับรถไปส่งคุณ ผมไม่อยากเปลี่ยนงาน ถูกของคุณ เงินเดือนของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงครึ่งของผมเลย และผมก็ได้ทั้งประกันและสวัสดิการอื่น ๆ ด้วย เธอไม่มีอะไรเลย ผมไม่พอใจสิ่งที่ครอบครัวเธอขอ บ้านและรถที่ผมซื้อจะต้องเป็นชื่อของเธอ เผื่อความมั่นคง นอกจากนี้สินสอดก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน แค่คิดผมก็รู้สึกปวดหัวแล้ว”

มาร์คไม่สามารถเข้าในมุมมองของคนทั่วไปได้ “งั้นก็เอาไปใส่ชื่อเธอเถอะ ถ้ามันสามารถเจรจากันได้”

ไบรอันรู้ว่านี่เป็นอาณาเขตของมาร์ค เขาอธิบายอย่างอดทนว่า “มันไม่ง่ายขนาดนั้นครับ สําหรับคนอย่างเจ้านาย ถ้านายหญิงต้องการให้ท่านเอาทรัพย์สินที่เจ้านายมีอยู่ ไปใส่ชื่อเธอ เจ้านายก็จะยินยอมโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย จริง ๆ แล้ว เจ้านายอาจจะยกทรัพย์สินบางอย่างให้เธอตามพอใจ แต่กับพวกเราสามัญชนนั้นแตกต่างกัน

เราซื้อบ้านและรถยนต์ด้วยเงินเก็บของพ่อแม่และเงินเก็บของเรา บางทีเราอาจจะต้องกู้เงินมาด้วยซ้ำ การแต่งงานในปัจจุบันจบลงด้วยการหย่าร้างตั้งมากมาย ถึงเวลานั้นผมจะต้องไม่ให้บ้านและรถของผมกับผู้หญิงคนนั้นหรอกเหรอครับ”

“ถ้าเธอแต่งงานกับผม ผมจะไม่ทําร้ายเธออย่างแน่นอน ผมไม่คิดแม้แต่จะใช่ในทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเราทั้งคู่ เราสามารถร่วมรับผิดชอบการผ่อนบ้านร่วมกันได้ แต่เอาทรัพย์สินทั้งหมดของผมไปให้เธอเหรอ? เป็นไปไม่ได้ จริง ๆ แล้วผมไม่สนเรื่องสินสอดหรอก พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้สิ่งตอบแทนด้วยซ้ำ มันคงจะดีถ้าชีวิตที่เหลือของเรา อยู่อย่างสงบกับทุกอย่างที่เป็นของเรา นี่เป็นเพียงความกังวลของคนทั่วไปเท่านั้น คุณคงไม่เข้าใจหรอกครับ”

จริงด้วย มาร์คไม่สามารถเห็นใจไบรอันได้ เพราะเขาไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน เนื่องจากเขาไม่มีอะไรจะพูด หรือช่วยเหลืออะไรได้ เขาเลยไม่ได้คุยกันต่อ

ขณะที่ไบรอันกำลังพูด เขาก็จ้องมองสีหน้าของมาร์ค เขากลัวว่าเขาจะพูดมากเกินไป ยังไงมาร์คก็ไม่ค่อยคุยกับเขาหรอก ตอนที่เขาเห็นมาร์คเงียบ เขาก็เงียบเหมือนกัน

เมื่อพวกเขากลับมาที่คฤหาสน์เทรมอนต์ มาร์คพูดก่อนที่จะเดินขึ้นไปข้างบนว่า “แอริมากับฉัน”

เมื่อแอเรียนได้ยินเขาเรียกเธอว่าแอริ ดูเหมือนว่าเขาเปลี่ยนวิธีพูดกับเธอตั้งแต่คืนนั้นที่ห้องทำงาน?

แอเรียนถูกแมรี่ปลุกออกจากภวังค์

“นายหญิง นายท่าน มาแล้ว คุณสองคนสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาเรียกคุณว่า แอริ…”

แอเรียนตอบอย่างเขินอายว่า “แมรี่ หยุดเถอะ ฉันจะไปดูว่าเขาต้องการอะไร เรายังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ฉันหิวนิดหน่อย บอกให้ในครัวทำอาหารให้หน่อยนะ แมรี่”

มองแอเรียนวิ่งขึ้นไปข้างบน แมรี่หน้าแดง เธอเหมือนเป็นแม่ที่ภาคภูมิใจ เธอรอคอยวันนี้และในที่สุดก็มาถึง

ภายในห้องนอน

มาร์คเปิดตู้ที่ล็อกไว้ใต้ตู้เสื้อผ้าตลอดเวลา ข้างในมีตู้เซฟขนาดเล็กอยู่ เธอไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร แอเรียนกำลังตกอยู่ในจิตสำนึกของตัวเอง เธอไม่ได้อยากรู้อยากเห็นหรอกว่าเขาเก็บสมบัติอะไรไว้ในตู้เซฟ