กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 615
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ข้าประกาศพระราชโองการพระราชทานงานแต่งไปทั่วทั้งรัฐแล้ว ถ้าให้ถอนพระราชโองการ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ก็เอาไว้บนเศียรของพระองค์เช่นเดิมสิเพคะ หรือพระองค์มิอยากฟังเรื่องแต่งแล้ว”
อยากสิ จะไม่อยากได้อย่างไร
พระองค์ทรงเฝ้าภาวนาให้กู้ชูหน่วนมาเล่าเรื่องให้ฟังทุกวัน
แต่…
“อย่างไรก็ไม่ได้ ข้าสัญญากับใครบางคนไว้ ถึงอย่างไรก็เรียกคืนพระราชโองการไม่ได้”
“อ้อ…สัญญากับใครหรือเพคะ”
“เจ้ามาหาข้ากลางดึกกลางดื่นเพียงเพื่อเรื่องนี้งั้นหรือ”
“ไม่อย่างนั้นพระองค์คิดว่าหม่อมฉันมาหาพระองค์ด้วยเรื่องใดล่ะเพคะ”
“เจ้าก็เป็นสตรีคนหนึ่ง เจ้าคงไม่ได้ชอบเซี่ยวอวี่เซวียนหรอกนะ เจ้าก็รู้มิใช่หรือว่าตอนนี้เจ้าเป็น…”
“เป็นพระชายาหานที่พระองค์พระราชทานให้”
จักรพรรดิเยี่ยสำลัก
เหตุใดพระองค์จึงรู้สึกไม่รื่นหูเลยเมื่อได้ฟังประโยคนี้
จักรพรรดิเยี่ยพระพักตร์แดงก่ำ ตรัสอย่างอึกอักว่า “ถ้า… ถ้าเจ้าไม่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับเทพแห่งสงคราม บางทีข้าอาจ… อาจจะหาวิธีทำให้พวกเจ้าหย่ากันได้”
“ช่างเถิดเพคะ ถ้าพระองค์อยากช่วยหม่อมฉัน พระองค์ช่วยถอนพระราชโองการพระราชทานงานแต่งดีกว่า ถ้าทรงทำไม่ได้ก็โปรดให้เหตุผลกับหม่อมฉัน ทรงอย่าใช้คำพูดที่เป็นทางการมาอ้างเพื่อบอกปัดเลย หม่อมฉันไม่ใช่เด็กสามขวบ”
คนที่อยู่ใกล้ๆ แข้งขาสั่นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น
แม้ว่าพระชายาหานจะมีเทพแห่งสงครามคอยหนุนหลัง แต่นางก็ไม่ควรจะพูดเช่นนี้กับฝ่าบาท
นางยังเห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่
“นั่น… อัครเสนาบดีกู้มาขอร้องข้าหลายครั้ง และข้าก็ตอบตกลงไปแล้ว”
“นี่ไม่ใช่เหตุผลเพคะ อย่าคิดว่าหม่อมฉันไม่รู้ว่าพระองค์เป็นคนแบบไหน”
“สามหาว กู้ชูหน่วน เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงพูดกับข้าเช่นนี้”
กู้ชูหน่วนกินผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน กะพริบดวงตากลมโตแวววาวจ้องมองพระองค์
แววตานั้นปราศจากความหวาดกลัว มีเพียงการเย้ยหยันและความรื่นรมย์
จักรพรรดิเยี่ยทั้งกริ้วทั้งพิโรธ
ที่กริ้วคือทั้งที่มีข้าราชบริพารมากมายกำลังมองอยู่ แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่คิดจะไว้หน้าพระองค์เลย
ที่พิโรธคือรัฐเยี่ยเพิ่งผ่านการสู้รบ ถ้าเยี่ยจิ่งหานคิดจะรวบรวมกำลังทหารก่อกบฏจริงๆ พระองค์คงต้านทานไว้ไม่ได้ และก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทน
จักรพรรดิเยี่ยตรัสว่า “พวกเจ้าทุกคนถอยออกไปก่อน หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ไม่ว่าใครก็ข้ามเข้าใกล้ คืนนี้ข้าอยากจะฟังเรื่องเล่าจากพระชายาหาน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนรู้ว่านี่เป็นข้ออ้าง แม้แต่ฝ่าบาทยังมิกล้าทำอะไรพระชายาหาน แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ ดูเหมือนต่อจากนี้พวกเขาต้องคอยหลีกเลี่ยงหากเจอพระชายาหาน
“วันนั้น… วันนั้นข้าบังเอิญเห็นกู้ชูอวิ๋นอะ… อะ… อาบ…”
“อาบน้ำ? ทอดพระเนตรหญิงงามอาบน้ำ ทำให้นางด่างพร้อย?”
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าเพียงบังเอิญไปเห็น นางเป็นบุตรีผู้มีอันจะกิน แต่ดันอาบน้ำกลางวันแสกๆ ทั้งยังไม่ปิดหน้าต่างสักบาน”
“ที่จวนอัครเสนาบดี?”
“ชะชะ… ใช่…”
พระองค์ไม่เจอกู้ชูหน่วนเลย ดังนั้นจึงอยากจะไปทอดพระเนตรว่าสถานที่ที่นางเติบโตมาตั้งแต่เด็กเป็นอย่างไร แต่ไม่คิดว่าจะไปเห็นฉากนั้นเข้า
“พระองค์เป็นจักรพรรดิมิใช่หรือเพคะ จะอภิเษกกับนางทันทีเลยก็ยังได้”
กู้ชูหน่วนกำลังยิ้ม แต่แววตาเหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่าง
กู้ชูอวิ๋นแบบคนแบบไหนกัน อย่างนางน่ะหรือจะอาบน้ำตอนกลางวันแสกๆ
จักรพรรดิเยี่ยเสด็จไปจวนอัครเสนาบดีทั้งที ทุกคนในจวนอัครเสนาบดีควรจะรู้อยู่แล้ว แค่กู้ชูอวิ๋นไม่ไปรับเสด็จก็ว่าแปลกแล้ว แต่นี่ยังเปิดหน้าต่างอาบน้ำด้วย? เกรงว่าหน้าต่างนั่นคงมีคนจงใจเปิดไว้เป็นแน่
“ข้ามิใช่กษัตริย์มักมากในกาม ที่วังหลังของข้ามีสนมมากพอแล้ว จะรับนางเข้ามาอีกได้อย่างไร”
ที่สำคัญที่สุดคือพวกนางสองพี่น้องเข้ากันไม่ได้ ถ้าพระองค์รับกู้ชูอวิ๋นมาเป็นสนม ในอนาคตกู้ชูหน่วนจะยอมเข้ามาในวังอีกหรือ
“กู้ชูอวิ๋นผู้น่าสงสารคงน้ำตาคลอ ถ้าต้องบอกว่าเสียบริสุทธิ์แล้ว ยอมตายเสียยังจะดีกว่า พระองค์บอกว่าถึงอย่างไรพระองค์ก็เป็นจักรพรรดิ ไม่ได้ต้องการผู้หญิงแบบไหนทั้งนั้น แล้วเหตุใดจึงไปแอบดูนางอาบน้ำได้เพคะ”
จักรพรรดิเยี่ยทรงเกาพระเศียรอย่างอึดอัดเล็กน้อย “แต่ว่านะ ข้าเป็นเจ้าผู้ครองรัฐ หากเรื่องที่ไม่สมควรนี้เผยแพร่ออกไป ประชาชนชาวเมืองคงจะเอาไปพูดคุยกันเป็นเรื่องตลก”
“ดังนั้นเมื่อกู้ชูอวิ๋นขอร้องพระองค์ ให้พระองค์พระราชทานงานแต่งกับเซี่ยวอวี่เซวียน พระองค์จึงตกลงทันทีและผลักปัญหาออกไปอย่างง่ายดาย”
“ก็… ก็นะ”
ขณะที่พระองค์กำลังคิดหาวิธีสลัดกู้ชูอวิ๋นออกไป กู้ชูอวิ๋นกลับเป็นฝ่ายร้องขอการแต่งงานเสียเอง แน่นอนว่าพระองค์ยินดีเป็นอย่างยิ่งและออกพระราชโองการพระราชทานงานแต่งทันที
กู้ชูหน่วนยืนขึ้นและจัดจีบชายกระโปรงให้เรียบร้อย “หม่อมฉันเข้าใจละ”
จักรพรรดิเยี่ยทรงดีพระทัยมากและย้ายม้านั่งไปข้างๆ กู้ชูหน่วน “ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว เจ้าก็น่าจะเข้าใจความลำบากใจของข้า การแต่งงานครั้งนี้ข้าจึงไม่มีทางเรียกคำสั่งคืนได้”
“หม่อมฉันเข้าใจ ถ้าอยากให้พระองค์เรียกคืนพระราชโองการ หม่อมฉันต้องกระจายข่าวให้ทั้งใต้หล้ารู้ โดยบอกว่าจักรพรรดิเจ้าแห่งรัฐผู้ทรงสง่าแอบทอดพระเนตรกู้ชูอวิ๋นคุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีอาบน้ำ ทำให้นางมีมลทิน หลังจากนั้นเมื่อรู้สึกว่านางไม่เพียบพร้อมพอ จึงพระราชทานกู้ชูอวิ๋นที่ไม่เพียบพร้อมให้เซี่ยวอวี่เซวียน เพราะเซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นชื่อว่าเป็นคุณชายเจ้าสำราญแห่งนครหลวง แต่ไหนแต่ไรรูปสมบัติก็มีค่ากว่าศีลธรรมอยู่แล้ว”
กู้ชูหน่วนว่าแล้วจึงเดินออกไปจากอุทยานอวี้ฮวาอย่างสง่า
จักรพรรดิเยี่ยเสียการทรงตัวจนเกือบจะตกจากม้านั่ง
พระองค์ตกพระทัยจนพระพักตร์ซีดเผือด รีบเข้าไปขวางกู้ชูหน่วนไว้ “ไม่ใช่ เมื่อครู่เจ้าฟังที่ข้าพูดไม่เข้าใจรึ”
“เข้าใจชัดแล้วเพคะ”
“แล้วเหตุใดเจ้ายังต้องกระจายข่าวให้ทั้งใต้หล้ารู้ ไม่ใช่ว่าคิดจะทำลายชื่อเสียงของข้าหรอกหรือ”
“น่าแปลกนัก หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าพระองค์เพราะอยากให้พระองค์เรียกคืนพระราชโองการ ตราบใดที่พระองค์ทรงยอมเรียกคืนพระราชโองการ หม่อมฉันจะกระจายข่าวให้ทั้งใต้หล้ารู้ไปทำไม ว่าพระองค์ผู้เป็นจักรพรรดิแอบดูคนอื่นอาบน้ำ ทำไปแล้วหม่อมฉันจะได้ประโยชน์อะไร”
กู้ชูหน่วนจงใจพูดเสียงดังตรงคำว่า พระองค์ผู้เป็นจักรพรรดิแอบดูคนอื่นอาบน้ำ
เสียงนั้นดังจนได้ยินไปเกือบทั้งอุทยานอวี้ฮวา
จักรพรรดิเยี่ยอยากจะปิดปากของนางเสียเดี๋ยวนั้น
“ลดเสียงลงหน่อย หากทำเสียงดังลั่นเช่นนั้น มีหวังคนทั้งวังรู้เรื่องกันหมด”
“ก็ได้ แล้วพระองค์จะถอนพระราชโองการหรือไม่เพคะ”
จักรพรรดิเยี่ยทั้งกริ้วทั้งนึกเสียพระทัย
เหตุใดเขาต้องบอกความลับสำคัญให้กู้ชูหน่วนรู้ด้วย ยกหินขึ้นมาแต่ดันทำหล่นทับขาพระองค์เองแท้ๆ
ถ้าพระองค์ถอนพระราชโองการ ต่อไปคนอื่นจะมองพระองค์อย่างไร
“ไม่ถอน”
“ฝ่าบาทแอบทอดพระเนตรคุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีอาบน้ำ! ฝ่าบาททำให้คุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีมีมลทิน!”
“ชู่ว พับผ่าสิ เบาลงหน่อย ข้ายอมก็ได้”
จักรพรรดิเยี่ยกระทืบพระบาทอย่างทรงกริ้ว ก่อนหน้านี้เขาชื่นชมนางมาก แต่นางเป็นปีศาจชัดๆ
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างงดงาม “ฝ่าบาททรงถอนพระราชโองการกลับแต่แรกก็หมดปัญหาแล้ว ถึงอย่างไรพระราชโองการนั่นก็เป็นพระประสงค์ของพระองค์ จริงหรือไม่เพคะ? เสี่ยวหลี่จือ!”
กู้ชูหน่วนตะโกนเรียกเสี่ยวหลี่จืออย่างไม่เกรงใจ นางชายตามองเขาและเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “นายท่านของเจ้าให้เจ้าไปประกาศประราชโองการน่ะ”
นางบุ้ยปากไปทางจักรพรรดิเยี่ย
จักรพรรดิเยี่ยตรัสอย่างทรงโกรธว่า “ประกาศประราชโองการของข้า เพิกถอนการหมั้นหมายระหว่างคุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีกับเซี่ยวอวี่เซวียนแห่งจวนแม่ทัพ”
เสี่ยวหลี่จือเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “ฝ่าบาท หะ… เหตุผลล่ะพ่ะย่ะค่ะ…”
“ข้าจะเพิกถอนพระราชโองการ จำเป็นต้องมีเหตุผลใดด้วย ยังไม่รีบไปป่าวประกาศอีก นอกจากนี้บอกกู้ชูอวิ๋นไปด้วย ถ้านางกล้าเปิดเผยความลับ ข้าจะยึดทรัพย์จวนอัครเสนาบดีทั้งจวน”
“พ่ะย่ะค่ะๆๆ”
กู้ชูหน่วนยกนิ้วให้พระองค์และหาวไปหนึ่งฟอด กล่าวพลางเดินจากไปว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชา ฝ่าบาททรงองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง”
“นี่ เจ้าจะไปไหน”
“ดึกมากแล้ว หม่อมฉันก็ต้องกลับไปนอนสิเพคะ หรือว่าจะให้หม่อมฉันอยู่ชมจันทร์ยามค่ำกับพระองค์ที่นี่”
ว่าแล้วกู้ชูหน่วนก็หายตัวไปจากอุทยานอวี้ฮวา
จักรพรรดิเยี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก
อย่างนี้ก็ได้หรือ
นางเห็นพระราชวังเป็นอะไรกันแน่