ตอนที่ 341 เงินหนึ่งหมื่นหยวน
ตอนที่ 341 เงินหนึ่งหมื่นหยวน

“แน่นอนว่ายิ่งน้อยยิ่งดี” พี่สามจ้าวกล่าว

“ถึงยังไงก็ต้องมีตัวเลขระดับหนึ่งนะ เงินหนึ่งหยวนคงทำไม่ได้หรอก”

พี่สามจ้าวพูด “เงินพวกนี้ฉันค้างจ่ายทั้งนั้นแหละ เจ้าหก ฉันเทียบนายไม่ได้หรอก นายมันหน้าใหญ่ใจโต โรงเต้าหู้นี้เปิดได้เพราะฉันรัดเข็มขัดไว้แน่นหนา!”

 

จ้าวเหวินเทาไม่ได้โกรธ พูดเคล้ารอยยิ้มว่า “ผมรู้ ดังนั้น ผมถึงได้มาถามพี่สามไงว่าพี่อยากไปซื้อขายข้าวสารที่ผานจิ่นกับผมหรือเปล่า”

พี่สามจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวชะงัก “ซื้อขายข้าวสาร?!”

จ้าวเหวินเทาพูดถึงราคาตลาดข้าวสาร และแผนการของตัวเอง “จะได้เงินหรือเปล่าผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่อยากไปลองดู ถ้าพี่สามสนใจก็ไปด้วยกัน หลังจากเสร็จเรื่องแล้วผมได้เงินขึ้นมา พี่สามคงบ่นผมอีกว่ามีเรื่องดี ๆ แล้วไม่ยอมบอก!”

  

พี่สามจ้าวรีบถามถึงปัญหาสำคัญทันที “แล้วต้องใช้เงินทุนเท่าไร?”

“พวกเรารวมกันหนึ่งหมื่น ถึงเวลานั้นก็แบ่งเงินตามจำนวนว่าใครจ่ายมากจ่ายน้อย แน่นอน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างการเดินทาง ก็ต้องหักลบออกไปด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมไม่ได้สนิทกับพวกเขาเหล่านั้น ที่ไปด้วยกันก็เพราะหาเพื่อนร่วมทางนี่แหละ”

 

“รวมกันหนึ่งหมื่น!” พี่สามจ้าวถึงกับสูดลมเย็นเข้าปาก

พี่สะใภ้สามจ้าวก็เบิกตาโตเช่นกัน

ครัวเรือนหมื่นหยวนเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ณ ที่นี่ แต่เงินทุนในการวิ่งไปซื้อขายข้าวสารเที่ยวเดียวกลับใช้ถึงหนึ่งหมื่นหยวน สิ่งนี้โจมตีพวกเขารุนแรงเกินไปแล้ว!

 

จ้าวเหวินเทากล่าว “ยังต้องเตรียมตัวอีกสองวัน พี่สามกับพี่สะใภ้ลองปรึกษาดูนะ แล้วก็ฝากไปบอกพี่รองกับพี่สี่ด้วยว่าพวกเขาสนใจหรือเปล่า ถ้าสนใจก็ไปด้วยกัน แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าต้องเอาเงินออกมาก่อน ผมไปก่อนนะ”

  

พี่สะใภ้สามจ้าวรีบเดินไปส่งจ้าวเหวินเทา พี่สามจ้าวก็เดินตามออกมาถึงประตูใหญ่ด้วย

“เจ้าหก เอ่อ…นายอยากสร้างโรงเต้าหู้แบบไหนล่ะ ใช้เงินเท่าไร นายต้องบอกตัวเลขมาด้วยนะ ถ้าฉันไม่รู้ราคาก็คงสร้างบ้านไม่ได้” พี่สามจ้าวกล่าว

  

จ้าวเหวินเทาแอบยิ้มอยู่ในใจ เงินสามารถทำให้ทัศนคติของคนเราเปลี่ยนได้จริง ๆ สินะ คนขี้งกแบบพี่สามจ้าว ก็ถูกเงินหนึ่งหมื่นหยวนกระตุ้นจนเปลี่ยนไปเช่นกัน

“ได้สิ รอตอนค่ำหม่าต้านมาเอาปลาเดี๋ยวผมฝากเขามาบอกพี่” จ้าวเหวินเทากล่าว

 

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปหานายเอง พวกเด็ก ๆ จะทำอะไรได้!” พี่สามจ้าวกล่าว

“ได้ งั้นตอนค่ำพี่ไปหาผมที่บ้านแล้วกัน ถ้าพี่รองกับพี่สี่ว่างก็ไปด้วยกันเลย ไปนั่งดื่มกันสักหน่อย ระหว่างนั้นก็คุยปรึกษากันไปด้วยเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ได้!” พี่สามจ้าวตอบ

หลังจากส่งจ้าวเหวินเทาแล้ว พี่สะใภ้สามจ้าวก็รีบพูดกับพี่สามจ้าวว่า “น้องหกหมายความว่ายังไง?”

 

พี่สามจ้าวอดทนต่อความปั่นป่วนภายในใจ ทว่าฝีเท้ากลับไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไรนัก หลังจากได้ยินคำพูดจึงเปิดเผยอารมณ์ออกมา “หมายความว่ายังไง เลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำยังไงล่ะ! อย่ามองว่าทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่มีเรื่องอะไรก็ต้องบอกพี่น้อง!”

นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่จะทำให้ร่ำรวย จ้าวเหวินเทามาบอกเขา นี่มันคืออะไร ก็เป็นเพราะพี่น้องต้องร่วมมือกัน ความสามัคคีเท่านั้นที่อยู่ยงคงกระพันยังไงล่ะ!

พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นเขาทำท่าทางโอ้อวดก็แอบหมดคำพูด หล่อนหมายความแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ! มีเหรอที่หล่อนจะไม่รู้ถึงเหตุผลที่ว่ามีเรื่องอะไรก็ต้องบอกพี่น้อง? สิ่งที่หล่อนถามก็คือ ทำมาค้าขายใหญ่โตขนาดนี้เขาจะไหวเหรอ?

พี่สามจ้าวกลับมาที่ห้องก็เดินวนอยู่หนึ่งรอบ ก่อนจะออกมาอีกครั้ง “ผมจะไปคุยกับพี่รองกับเจ้าสี่หน่อย!” พูดจบก็รีบเดินออกไป

 

พี่สะใภ้สามจ้าวไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน เมื่อนึกถึงเงินหนึ่งหมื่นหยวนนั้น พวกเขาควรจะออกเท่าไรล่ะ กี่พัน? แต่ก็มีไม่เยอะขนาดนั้น หรือว่าจะกลับไปยืมเงินที่บ้าน? แล้วถ้ายืมไม่ได้จะทำอย่างไร? จริงสิ นี่ก็ใกล้จะขายธัญพืชแล้ว สามียังต้องไปซื้อขายข้าวสาร ใครจะเอาธัญพืชไปขายเนี่ย!

พี่สะใภ้สามจ้าวถึงกับคิดมากไปชั่วขณะหนึ่ง

 

พี่สามจ้าวมาที่บ้านของพี่รองจ้าวก่อน พี่รองจ้าวกำลังเลือกถั่ว เขาร่อนก่อนหนึ่งรอบ แล้วเลือกด้วยตัวเองหนึ่งรอบ จากนั้นค่อยนำไปล้าง แล้วนำไปแช่น้ำ มีหลายขั้นตอนเลย

เต้าหู้อร่อย แต่วิธีทำก็ยุ่งยากเหมือนกัน!

“พี่รอง!” พี่สามจ้าวทักทาย จากนั้นก็หยิบเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งข้าง ๆ พี่รองจ้าว

 

“น้องสาม ขนาดเลือกถั่วยังมานั่งจ้อง ว่างแล้วเหรอ? เห็นบอกว่าจะสร้างโรงเต้าหู้ไม่ใช่หรือไง?” พี่สะใภ้รองจ้าวเดินกลับมาจากห้องด้านหลังหลังจากให้อาหารกระต่ายเสร็จก็เห็นพี่สามจ้าวพอดี จึงพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก

พี่สามจ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้รองพูดอะไรครับเนี่ย ผมจะไม่เชื่อใจพี่รองเหรอ ที่ผมมาเพราะมีเรื่องอื่นต่างหากล่ะ!”

“มีเรื่องอะไรเหรอ?” พี่รองจ้าวเงยหน้าถาม

พี่สะใภ้รองจ้าวก็หยิบเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งเช่นกัน “นั่นสิ มีเรื่องอะไร?”

พี่สามจ้าวจึงพูดเรื่องที่จ้าวเหวินเทาจะซื้อขายข้าวสาร ตอนที่พูดว่าต้องรวมเงินทุนหนึ่งหมื่นหยวน พี่สะใภ้รองจ้าวถึงกับประหลาดใจ “หนึ่งหมื่นหยวน!”

พี่รองจ้าวก็อ้าปากค้างเช่นกัน “ทำไมเยอะขนาดนี้!”

“เจ้าหกบอกว่าจะพาคนอื่นในหมู่บ้านไปด้วย แต่จะไปกี่คนเขายังไม่ได้บอก ผมว่านะ เงินมากขนาดนี้คงต้องมีคนไปไม่น้อยเลยแหละ ถ้าจ่ายกันสิบคน ก็คนละหนึ่งพัน…”

“แต่นั่นก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ!” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ตอนนี้ในบ้านมีเงินกี่ร้อยหยวนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!”

 

พี่สะใภ้รองจ้าวพูดถูก แม้ว่าจะแบ่งที่นากันแล้ว และแต่ละบ้านเลี้ยงกระต่ายไว้ แต่เงินก็ยังมีไม่มากอยู่ดี ขายธัญพืชให้กับรัฐบาล ราคาก็ไม่ได้สูง หักค่าภาษีต่าง ๆ ในหนึ่งปีก็เหลือเงินไม่เท่าไร เลี้ยงกระต่ายไว้หนึ่งปีก็ได้เงินแค่ไม่กี่สิบหยวน มากสุดก็ร้อยกว่าหยวน โดยปกติกินและดื่มนิดหน่อย ไหนจะเจ็บไข้ได้ป่วย คบค้าสมาคมอะไรพวกนั้น ก็เหลือเงินอีกไม่มากแล้ว พูดได้ว่าในบ้านมีเสบียง มีของให้กินและดื่มจนอิ่มท้อง ปีหนึ่งมีชุดใหม่ไว้ใส่ก็พอแล้ว แต่การจ่ายเงินออกไปหนึ่งพันหยวนในครั้งเดียว มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะนำออกมาได้

“เจ้าสาม นายทำได้อยู่แล้ว แต่พวกเราทำไม่ได้หรอก!” พี่รองจ้าวกล่าว

พี่สามจ้าวรีบพูด “พี่รองอย่าพูดแบบนี้สิ ผมทำได้อะไรกันล่ะ ผมเองก็เก็บเงินไว้นิด ๆ หน่อย ๆ แต่สร้างโรงเต้าหู้ครั้งนี้ก็จ่ายเงินไปกับเรื่องนั้นจนหมดแล้ว แถมยังมีหนี้ก้อนโตอีก!”

“เจ้าสาม นายอย่ามาร้องไห้เพราะความจนเลย ในครอบครัวเรามีน้องหกใช้ชีวิตดีที่สุด ถัดจากน้องหกก็คือนายนี่แหละ!” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “เงินหนึ่งพันหยวน พวกเราไม่มีปัญญาจ่ายจริง ๆ!”

  

พี่สามจ้าวกล่าว “พี่สะใภ้รอง ดูพี่พูดเข้าสิ เงินหนึ่งพันหยวนเป็นจำนวนที่ผมพูด เจ้าหกไม่ได้บอกว่าต้องจ่ายเท่านั้น ผมก็แค่คำนวณออกมาเอง เขาบอกว่าคืนนี้ให้ไปรวมตัวกันที่บ้านเขา พวกเราก็ไปรวมตัวกันที่นั่นเถอะ ถึงเวลานั้นค่อยถามว่าเท่าไร”

  

พี่สะใภ้รองจ้าวพูดอย่างไม่คิด “จะไปรวมตัวที่บ้านเขาทำไมล่ะ มาที่นี่ทั้งหมดนั่นแหละ เดี๋ยวฉันจะทำกับข้าวไว้ให้ พวกเธอสี่พี่น้องจะได้ดื่มไปด้วยคุยไปด้วย”

พี่รองจ้าวมองพี่สะใภ้รองจ้าวพลางกล่าว “อืม มาที่นี่เถอะ หลังจากแยกบ้านพวกเราก็ไม่เคยได้รวมตัวกันดี ๆ สักครั้ง”

 

ภายในใจของพี่สามจ้าวกลับอยากไปกินที่บ้านจ้าวเหวินเทามากกว่า ถึงอย่างไรชีวิตของจ้าวเหวินเทาก็ดี จะกินอะไรก็ถึงไหนถึงกัน พี่สะใภ้รองจ้าวมีอะไรล่ะ แต่พี่ชายกับพี่สะใภ้พูดขนาดนี้ก็รู้สึกไม่ดีที่จะปฏิเสธ จึงตกปากรับคำไป จากนั้นก็บอกว่าจะไปหาพี่สี่จ้าวต่อ

  

“ทำไมต้องกินที่บ้านพวกเราด้วย?” พี่รองจ้าวถามพี่สะใภ้รองจ้าว

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ไม่ว่าจะพูดยังไงคุณก็เป็นพี่ชาย ยังไงก็ต้องเป็นผู้นำสิ”

พี่รองจ้าวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของพี่สะใภ้รองจ้าว เป็นผู้นำดีตรงไหนกัน เขาก็พอจะมองออก ถ้าไม่มีเงินก็ต้องไปยืนด้านข้าง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีใครสนใจ

เพียงแต่ คำพูดนี้เขาไม่อยากจะพูดกับพี่สะใภ้รอง

ภายในใจของพี่สะใภ้รองจ้าวมีความซับซ้อนอย่างมาก เงินหนึ่งหมื่นทำให้หล่อนกดดันจริง ๆ วิ่งออกไปค้าขายใช้เงินถึงหนึ่งหมื่น หากเสียเงินหนึ่งหมื่นนี้ไปจะทำอย่างไร?

แต่น้องหกกลับลงมือทำ!

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สะใภ้รองมีแผนอะไรหรือเปล่าเนี่ยถึงนัดมากินข้าวที่บ้าน

อย่าว่าแต่หลักหมื่นเลยค่ะ แค่หลักร้อยหลักพันบางคนก็คิดหนักแล้ว

ไหหม่า(海馬)