ตอนที่ 514

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันรีบลงมือ ทหารซากศพระดับทองคำกำลังไล่ตามเขาอยู่ ถ้าเขาปล่อยให้พวกมันโจมตี บางทีแม้แต่เกราะอัสนีก็ไม่อาจช่วยเขาได้ นั่นเป็นเพราะตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณจะดูแคลนได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสตระกูลอ้าวเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา มันยังไม่อยากตายและไม่อยากตายมากยิ่งขึ้นไปอีกถ้าต้องตายด้วยน้ำมือของหลิงฮัน

หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง นั่นจะไม่เพียงพอที่เจ้าจะไปพูดโอ้อวดอีกรึ?” ดาบของหลิงฮันเริ่มกวัดแกว่งและหัวของผู้อาวุโสตระกูลอ้าวก็ถูกตัดกระเด็นออกไป

เขาทำแบบนี้ไปมาจนพรากชีวิตของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งห้าคนไปจนหมด แล้วค่อยไปสังหารจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณอีกสองคนที่มาจากนิกายพันศพทีหลัง

ภายใต้แรงกดดันของซากศพตัวตนระดับพระเจ้า คนเหล่านั้นไม่มีแม้แต่พลังที่จะเรียกร้องขอความเมตตาและทำได้แค่นอนรอความตายอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น

จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ ตัวตนเหล่านั้นควรจะเป็นตัวตนไร้พ่ายในภูมิภาคเหนือ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะศัตรูของพวกเขาได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณต้องการฆ่าจอมยุมธระดับตัวอ่อนวิญญาณ? มันเป็นเรื่องยากที่จะทำแบบนั้น!

ท่วา ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนข้าวสาลีที่รอให้คนอื่นเก็บเกี่ยวได้อย่างง่ายดาย

เมื่อผู้อาวุโสเทียนเฉื่อและชายชราผิวคล้ำตาย ทหารซากศพระดับทองคำทั้งสี่ร่างก็จะหลุดพ้นจากการควบคุมทันที พวกมันจะไม่สนใจหลิงฮันอีกต่อไปและจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้เพียงแค่การฆ่าฟันและกระหายเลือดเท่านั้น

นี่คือสัญชาตญาณของทหารซากศพ

หลิงฮันถอนหายใจออกมา เมื่อนำซากศพตัวตนระดับพระเจ้าออกมา เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับไม่มีผลต่อทหารซากศพทั้งสี่ร่าง แต่เดิมเขาไม่สามารถใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬได้ แต่ด้วยพลังเพียงแค่ระดับบุปผาผลิบาน เขาจะหยุดยั้งทหารซากศพทั้งสี่ร่างนี่ได้อย่างไร?

ทหารซากศพพวกนี้คือร่างของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณจะฆ่ามันได้ต้องใช้จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณหลายคน ถ้าพวกมันถูกปลดปล่อยในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว ผู้คนจำนวนมากจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน

“ข้าไม่สามารถแบกรับภาระกรรมนี่ได้!” หลิงฮันพูดเสียงแผ่วเบา “หอคอยน้อย!”

พรึบ หอคอยน้อยถ่ายเท่พลังงานมหาศาลให้กับหลิงฮันโดยตรงและทำให้ระดับพลังของเขาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นแรก!

อึก ดวงตาของสุนัขเฒ่าที่เหลืออยู่สามคนจากนิกายจันทราเหมันตร์แทบหลุดออกจากเบ้าตา ตอนแรกพวกมันคิดว่าระดับพลังของหลิงฮันนั้นอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบานนั้นเป็นผลมาจากเม็ดยา และเขาไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม ระดับพลังของหลิงฮันทยานไปอยู่ที่ระดับตัวอ่อนวิญญาณอย่างกะทันหัน ในที่สุดพวกมันก็รู้แล้วว่าแท้จริงแล้วหลิงฮันทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานแล้ว!

ชายหนุ่มคนนี้…น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!

หลิงฮันในตอนนี้ไม่ได้ให้ความสนใจพวกมันสามคนเลยแม้แต่น้อย ทหารซากศพสี่ร่างจะต้องถูกทำลาย หากปล่อยไว้มันจะเกิดหายนะครั้งใหญ่

ในขณะที่ดาบกำเนิดมารถูกยกขึ้นมา หลิงฮันเริ่มปลดปล่อยดาบลึกลับสามพ้นเล่ม คลื่นดาบแสงสี่พันเล่มปรากฏ ภายในตันเถียนของหลิงฮัน บุปผาศักดิ์สิทธิ์ห้าดอกกระเพื่อมเล็กน้อย ชักนำพลังปราณของสวรรค์และโลกมาเพื่อเสริมอำนาจพลังให้กับดาบแสง

ปัง พลังของทักษะดาบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าร้อยเท่า!

นี่มันน่าสะพรึงกลัวเกินไป ชิ่ว ชิ่ว ชิ่ว ชิ่ว ขณะที่ดาบแสงถูกปล่อยออกมา ทหารซากศพระดับทองคำถูกสะบั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

…อาวุธวิญญาณระดับสิบรวมกับทักษะลึกลับสามพันเล่มและบุปผาศักดิสิทธิ์สิบดอกที่เพิ่มพลังให้ พลังทำลายล้างของมันน่าตกตะลึงมาก แม้แต่ทหารซากศพระดับทองคำยังถูกฆ่าทันที!

สุนัขเฒ่าสามคนของนิกายจันทราเหมันตร์จ้องมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยพวกมันกำลังรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งถึงขั้นพวกมันไม่มีความกล้าพอที่จะต่อสู้กับเขาอีก

มันจะดีกว่าถ้ากลับไปที่นิกายที่มีรูปแบบอาคมป้องกันอยู่ ซึ่งเป็นรูปแบบอาคมระดับก้าวสู่เทวา แล้วค่อยรอคอยอีกหนึ่งร้อยปีหรืออาจมากกว่านั้น นิกายจันทราเหมันตร์ก็จะฝังรากลึกและกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง

หลิงฮันไม่ได้ไล่ตามพวกมันไป เขาเพียงแค่อยากฆ่าผู้อาวุโสตระกูลอ้าวและจือเฮอชุน และเมื่อพวกมันทั้งสองคนตายไปแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนอื่นอีก

หลังจากที่เขาฟื้นคืนพลังมาได้เล็กน้อย เขาก็ปลดปล่อยดาบลึกลับสามพันเล่มออกไปอีกครั้งเพื่อสังหารทหารซากศพที่เหลือ

ถ้าพวกมันเป็นจอมยุทธ พวกมันจะต้องวิ่งหนีไปอย่างแน่นอนเมื่อพวกมันเห็นเพื่อนของมันสองคนถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่พวกมันนั้นเป็นทหารซากศพที่ไม่เกรงกลัวต่อความตาย พวกมันมีเพียงแค่สัญชาตญาณฆ่าฟันและกระหายเลือดเท่านั้น

ในอีกสิบนาทีต่อมา ทหารซากศพระดับทองคำทั้งสี่ร่างก็ถูกหลิงฮันกำจัดจนหมดสิ้น

หลังจากที่หลิงฮันหายใจได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น เขาก็เก็บซากศพตัวตนระดับพระเจ้าสองร่างเข้าไปในหอคอยทมิฬ แรงกดดันของตัวตนระดับพระเจ้าจะลดลงเล็กน้อยทุกครั้งที่ใช้ และมันจะสามารถสยบจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณครั้งต่อไปได้หรือไม่นั้นไม่อาจมั่นใจได้

เขาเรียกทุกคนออกมาจากคอยทมิฬและบอกทุกคนว่าจะเดินทางไปที่หุบเขาจันทราล่วงหล่น

เย่วฮงฉางอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ย้อนกลับไป เมื่อนางและหลิงตงซิงมาที่นี่ พวกเขาก็ถูกอ้าวเฟิงจับตัว จากนั้น นางก็ถูกแยกทางกับสามีและลูกของตัวเอง แต่ในพริบตาเวลาสิบแปดปีก็ผ่านไปแล้ว

หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางรีบปลอบนาง พวกนางปฏิบัติกับเย่วฮงฉางราวกับหญิงชราอายุเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี เมื่อเห็นแบบนั้นหลิงฮันถึงกับส่ายหัว

หลิงฮันกวาดสายตามองสนามรบและเก็บแหวนมิติของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งเจ็ดคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ ภายในแหวนมิติส่วนใหญ่จะเป็นผลึกก่อเกิด และผลึกก่อเกิดระดับสี่ดาวก็มีอยู่บ้าง นอกจากนี้มันยังมีทักษะและเทคนิคอยู่เล็กน้อย แต่พวกมันไม่อาจทำให้หลิงฮันสนใจแม้แต่น้อย

จากนั้นพวกเขาได้เข้าสู่หุบเขาจันทราร่วงหล่นและมาถึงตำหนักดาราเจิดจรัส

เมื่อได้รับแจ้งว่ามีนักปรุงยาระดับสวรรค์เดินทางมาถึง นักปรุงยาถึงคนต่างคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ แม้แต่หลงหย่งฉางและนักปรุงยาระดับปฐพีอีกสองคนก็ไม่เว้น พวกเขาเชิดชูหลิงฮันเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นหมอบกราบอยู่บนพื้น

หลิงฮันพยุงชายชราทั้งสามคนขึ้นมาทีละคนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าปรุงเม็ดยาโอสถฟื้นคืนวิญญาณไปแล้ว แต่ข้าจะปรุงเม็ดยาระดับปฐพีอย่างอื่นอีกทีหลัง พวกเจ้าทุกคนจะเข้ามาเฝ้าดูก็ย่อมได้”

“ขอบคุณปรมาจารย์หลิง!” ชายชราทั้งสามคนรู้สึกประทับใจมาก เมื่อได้เป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ หลิงฮันไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขาก็ได้ แต่เขากลับเรื่องที่จะสนใจ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจและอบอุ่นภายในหัวใจ

หลิงฮันพักที่ตำหนักดาราเจิดจรัสเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น หลังจากที่เขาปรุงเม็ดยาเสร็จ เขาก็เดินทางไปยังแคว้นพิรุณต่อ เขากำลังเร่งรีบที่จะพาให้พ่อแม่ของเขากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง และอยากรู้ว่าตอนนี้หลิงตงซิงเป็นเช่นไรบ้าง

เพื่อเดินทางให้รวดเร็วขึ้น หลิงฮันพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬและใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจมุ่งหน้าไปที่เมืองต้าหยวน

หลังจากนั้นสามวัน เขาก็มาถึงเมืองต้าหยวน

เขาเรียกทุกคนออกมาจากหอคอยทมิฬอีกครั้ง อย่างแรกเขาต้องไปหาราชาต้าหยวนเสียก่อน

“ปรมาจารย์หลิง!” เมื่อเห็นหลิงฮัน ราชาต้าหยวนรีบผสานมือทำความเคารพ นี่คือนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง ซึ่งสถานะสูงส่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก…เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้นกลายเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์แล้ว ทั้งยังก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานแล้วด้วย

หลิงฮันไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับราชาต้าหยวน ในความเป็นจริง สถานะนักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูงก็เพียงพอที่จะใหญ่สุดในที่แห่งนี้แล้ว ถ้าเขาเปิดเผยตัวตนนักปรุงยาระดับสวรรค์และจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน บางทีราชาต้าหยวนอาจมอบคลานอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว

หลิงฮันเพียงแค่หัวเราะและพูดว่า “ราชาต้าหยวน พวกเราไม่ได้พบเจอกันมาหนึ่งปี ทุกอย่างเป็นเช่นไรบ้าง?”

“ทุกอย่างราบรื่นดีทั้งหมดเป็นเพราะปรมาจารย์หลิง!” ราชาต้าหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้พูดเล่น จักรพรรดิพิรุณคนใหม่ดูแลตระกูลหลิงเป็นอย่างดี แม้แต่สถานะของราชาต้าหยวนยังเพิ่มขึ้นด้วย

หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “แล้วท่านพ่อของข้าล่ะ?”

“ไม่กี่วันก่อน คนต่างถิ่นจำนวนหนึ่งหลายคนมาที่นี่เพื่อตรวจสอบที่อยู่ของท่านพ่อของท่าน ดังนั้นข้าจึงลงมือด้วยตัวเองและพาท่านพ่อของท่านและตระกูลหลิงไปยังที่พักแห่งใหม่” ราชาต้าหยวนกล่าว

“ยอดเยี่ยมเลย!” หลิงฮันตบไหล่เขา จากนั้นเขาเดินไปที่โต๊ะและสบัดมือผ่านโต๊ะ ทันใดนั้นขวดเม็ดยาจำนวนมากได้ปรากฏออกมาในพริบตา “ราชาต้าหยวน ข้ากำลังรีบที่จะไปพบพ่อของข้า รับของพวกนี้ไว้ ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน”