บทที่ 303 เขาติดเธอหนักมาก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 303 เขาติดเธอหนักมาก
“บัญชีวันนี้ ฉันจะจำไว้ให้ดีเลย”

“…”

เส้นหมี่กำลังเก็บของอยู่ในภายห้อง มีเพียงปอร์เช่เท่านั้นที่ยืนอยู่หน้าห้อง

เมื่อได้ยินคำขู่เช่นนี้ ปอร์เช่ก็เดินออกมา

“คุณพูดถูก เหตุการณ์วันนี้ผมก็จะจำไว้เหมือนกัน”

“นายพูดอะไร?”

“ผมบอกว่าผมจะจำคุณคนนี้ไว้ คุณควรจะขอบคุณ ที่เมื่อกี้กระสุนนัดนั้นไม่ทะลุหัวคุณ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนที่เอาเงินผมไปเป็นพันล้าน คงกลายเป็นตะแกรงไปนานแล้ว!”

ทันใดนั้นเขาก็เข้ามาประชิด เสียงราวปีศาจร้ายดังขึ้นข้างหูของชายผู้นี้ พร้อมกับดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวของเขาหลังจากถอดแว่นหนาเตอะออก

แค่มองดูก็ขนลุกขนพองแล้ว

อีริคเบิกตากว้างขึ้นมาทันที!

พันล้าน?

เขากำลังพูดว่าเงินพันล้านเป็นของเขาเหรอ?

อีริคหันไปมองใบหน้านี้อย่างจริงจังในทันที ผลคือ แค่มองแวบเดียว เมื่อเห็นใบหน้าหล่อหลังถอดแว่นอย่างชัดเจนว่าเป็นอย่างไร ในเสี้ยววินาที สีเลือดบนใบหน้าของเขาก็หายไป

ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่จริง ไม่จริง!

ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา จากนั้นไม่นานเขาก็ตัวแข็งทื่อล้มลงไป

“คุณอีริค ผู้จัดการอีริค…”

วุ่นวายไปหมด เมื่อลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นเข้า ก็เริ่มร้องเรียกส่งเสียงดังขึ้นมา

ภายในห้อง เส้นหมี่กับคณาธิปยังคงอยู่ในการดำเนินการเซ็นสัญญาในขั้นตอนสุดท้ายกับฮาชิโมโตะ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก ทั้งสองคนก็ออกมาในทันที

“เกิดอะไรขึ้น? ปอร์เช่ ทำไมนายถึงอยู่ด้านนอก?”

“เอ่อ ผมเห็นเขาเป็นลม ผมเลยออกมาดู”

เด็กหนุ่มสวมใส่แว่นตาอีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านนอกพลางตอบคำถามอย่างไม่รีบร้อน

เด็กคนนี้ ทำไมถึงใจกล้านัก?

เส้นหมี่เห็นเช่นนี้ เธอก็โกรธในทันที รีบดึงเขากลับมาพลางเอ่ยเตือนด้วยความตระหนก “อยู่ให้ห่างจากคนพวกนี้ เข้าใจไหม?”

ปอร์เช่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อืม เข้าใจครับ”

คณาธิป “….”

เห็นแบบนี้แล้วเขาไม่สบายใจที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง

นี่เป็นตอนจบที่ไม่มีใครคาดคิด

เดิมทีคณาธิปคิดว่าเขาจะเสนอความคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด สุดท้ายเขาจะช่วยเส้นหมี่ได้ หลังจากนั้นเขาก็จะอยู่เคียงข้างเธอได้ในอนาคตอย่างไม่มีข้อกังขา

แต่เขาไม่คิดเลยว่า สุดท้ายคนที่แก้ปัญหาทุกอย่างนี้ได้ จะเป็นปอร์เช่!

นึกไม่ถึงว่าเขาสามารถหามือปืนได้?

เขายังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบไม่ใช่เหรอ? เขารู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน?

เมื่อคณาธิปเข้ามา เขาเห็นเด็กหนุ่มกำลังช่วยพี่สาวเก็บของ ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ปอร์เช่ นายหามือปืนมาได้ยังไง?คนพวกนี้นายไปหามาจากที่ไหน?”

คำถามนี้จำเป็นต้องถามให้ชัดเจนจริงๆ

เส้นหมี่หันไปมองน้องชายคนนี้

เมื่อปอร์เช่เห็นเช่นนี้ เขาจึงเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย “ผม…ผมหาในตลาดมืด พี่ธิป เพื่อนคนนั้นของคุณแนะนำให้ผมรู้จักครับ”

เมื่อหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป เขาก็เชื่อมโยงไปที่เพื่อนของคณาธิป

แน่นอนว่าคณาธิปไม่ได้คาดเดาไว้ ในตอนนั้น เขารับมือต่อไม่ทัน

“เพื่อนของพี่ธิป? นายหมายถึงครอบครัวที่เราอาศัยอยู่เหรอ?”

“ใช่ครับ ผมคิดว่าผมกับพี่สาวอยู่ที่นี่จะไม่ปลอดภัย เมื่อมาถึง ผมจึงถามคุณลุงคนนั้น จากนั้นเขาก็บอกผม แพงมากเลย พี่ครับ ครั้งละห้าพันดอลลาร์เลย”

เขาเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง ขนตาหนางอนของเขาตกลงเล็กน้อย ใบหน้าขาวสะอาดน่ามองเต็มไปด้วยความประหม่าและไม่สบายใจ

เจ้าเด็กคนนี้ ใครจะตำหนิเขาเรื่องนี้กัน?

เส้นหมี่ใจอ่อนลงทันที

“เจ้าโง่ เงิน 5,000 นายช่วยทั้งครอบครัวของเราไว้ นายคิดดูนะ ถ้าครั้งนี้ไม่มีนาย เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่โทษนายหรอก แถมฉันจะให้รางวัลนายด้วยนะ”

“จริงเหรอครับ?”

“แน่นอน นายอยากซื้ออะไรบอกฉันได้เลย ฉันจะให้เงินนายด้วย นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันไม่ขี้งกกับนายหรอก”

“อืม พี่ดีจริงๆเลย”

พี่สาวและน้องชายคุยกันนายทีฉันทีคนละประโยค ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขามีความสุขมากแค่ไหน

คณาธิปที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก

หรือพูดอีกแบบ เขาไม่เชื่อเรื่องนี้โดยตรงเหมือนเส้นหมี่ เขากำลังสงสัยและมองหาพิรุธ เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ยังแปลกมาก

นักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยและเพิ่งออกจากชนบท จะมีความคิดลึกซึ้งและรอบคอบขนาดนี้เหรอ?

เส้นหมี่ประสบความสำเร็จในการจับแวดวงการเงินครั้งแรก ในวันเดียวกัน เธอเอาเงินทั้งหมดเข้าบัญชีของคุณลุง

ปอร์เช่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถาม “ให้คุณลุงหมดเลยหรอ? พี่ไม่กลัวเขาไม่ให้พี่เหรอ?”

เส้นหมี่ก้มหน้าลงอย่างเศร้าใจ “ไม่ ถึงเขาจะไม่ให้ ฉันก็ไม่โทษเขาหรอก ฉันเป็นหนี้เขา ชีวิตนี้ก็ใช้คืนไม่หมดหรอก”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอยู่ลึกๆ ใครได้ฟังก็รู้สึกหนักราวกับมีหินก้อนใหญ่กดทับหน้าอกอยู่

สีหน้าของปอร์เช่ซีดลง

นี่กลายเป็นทางตันที่ก้าวผ่านไม่ได้ใช่ไหม?

เขากำมือแน่นอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็เอ่ยประโยคที่ไม่อยากถามออกมา “แต่ผมได้ยินมาว่าการตายของลูกสาวเขา จริง ๆ แล้วคือเธอหาเรื่องใส่ตัวเอง อย่างงั้นพี่…ยังต้องแบกรับไว้ที่ตัวเองอีกเหรอ?”

“ฉันไม่แบกรับได้เหรอ? ถึงแม้เธอจะหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่เธอก็เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณลุงกับคุณป้า เธอตายแล้ว ฉันจะทำยังไงได้? นายคิดว่าฉันจะยังอยู่เฉยๆได้เหรอ?”