ตอนที่ 1431 หยดเลือดพิสูจน์

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1431 หยดเลือดพิสูจน์ โดย Ink Stone_Fantasy

มิทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ความเจ็บปวดยามนี้เริ่มบรรเทาลงในที่สุด แขนขาทั้งสี่ของเหลยต้วนเริ่มฟื้นตัวกลับมามีแรงขึ้นอีกครา อย่างไรก็ตามแต่เขาแทบลุกขึ้นยืนทรงตัวไม่อยู่ คล้อยหลังพยายามพยุงร่างเป็นเวลานาน ทั่วกายาของเขาดูอ่อนแรงไร้ซึ่งร่องรอยกำลังวังชาใดตั้งแต่หัวจรดเท้า

ในช่วงเวลาดังกล่าวรู้สึกดั่งยาวนาน เขาพยายามประคับประคองสติมิให้ดับวูบลง ทว่ายามนี้กลับดูหมดหนทางเต็มที หนังหน้ากระตุกทิ้งทวนอาการเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นบางจังหวะเจ็บแปลบโฉบแล่นผ่านห้วงสมองโดยตรงไม่มีหยุดพัก เหลยต้วนอยากหมดสติเป็นลมล้มทับไม่ก็ตายไปเลย แต่เขาพบว่าตนเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!

ช่วงเวลาแบบนี้มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตายหลายสิบทวีเท่า!

“บัดซบ! หากข้าพบว่า เย่หยวนมันเป็นผู้บุกรุกจริง ข้าจักไม่ไว้ชีวิตมันและให้มันตายอย่างทรมาน!” เหลยต้วนกัดฟันแน่นพร้อมเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความเกลียดชัง

ในขณะนั้นเอง สุ่มเสียงของไป๋ซิ่วพลันดังออกมาจากนอกประตู “ท่านเหลยต้วน นอนหลับพักผ่อนสบายดีหรือไม่? ท่านประมุขวังกับผู้อาวุโสสูงสุดเชิญท่านไปยังโถงใหญ่”

เอี๊ยดด…

ประตูบานกว้างถูกเปิดออกทันทีจากด้านใน ใบหน้าของเหลยต้วนบูดบึ้งไม่น่ารับแขกแม้สักนิด

พักผ่อน?

เมื่อครู่เรียกว่าพักผ่อน?

ข้าเจ็บจนแทบจะฆ่าตัวตายแล้ว แต่พวกเจ้ากลับถามว่า นอนหลับพักผ่อนสบายดีหรือไม่?! เหลยต้วนแทบจะกระโจนกัดหัวคนได้แล้วในตอนนี้! เขาอยากจะฆ่าใครสักคนจริงๆ!

“ท่านทูตเหลยต้วนเป็นอะไรไปรึ? หรือเป็นไปได้ไหมที่ท่านต้องการจะตำหนิทางเรา วังเทวะรัตติกาลฉายที่ให้การต้อนรับท่านไม่ดีเท่าที่ควร? ที่ท่านมีอาการบาดเจ็บเช่นนี้ เพราะบังเอิญเข้าไปขัดขวางผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็บอกเองว่า ระหว่างที่ท่านหมดสติ เขาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่ตกค้างอยู่ให้แล้ว อืมม…หรือผู้อาวุโสสูงสุดมิได้รักษาให้ท่าน? ไฉนถึงดูไม่ฟื้นตัวขึ้นเลย?” ไป๋ซิ่วแสร้งทำเป็นประหลาดใจ

เหลยต้วนเดือดดาลโมโหจัดจนหัวแทบลุกเป็นไฟ ทันใดนั้นเขาพลันขมวดคิ้วขึ้นทันที

เขาเร่งตรวจสอบสภาพร่างกายภายในทันที อาการบาดเจ็บบริเวณอวัยวะต่างๆก็หายดีแล้ว เส้นลมปราณภายในร่างเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังใช้ได้ดังเดิม! เมื่อค้นพบเช่นนี้ เขาพลันประหลาดใจเล็กน้อย หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เย่หยวนรักษาให้เขาจริงๆ?

เมื่อนึกถึงแรงกระแทกที่เขาเข้าไปขัดขวางในระหว่างเย่หยวนเก็บตัวบ่มเพาะพลัง เขาก็พลางคิดว่า อาการบาดเจ็บน่าจะมีให้เห็นมากมายทั่วร่างอย่างชัดเจน แต่อาการบาดเจ็บเหล่านั้นกลับหายสนิทแล้ว เห็นได้ชัดว่า เขาได้รับการรักษาแล้ว เพียงว่าการรักษานี่…มันไม่เจ็บปวดเกินไปหน่อยรึ?

“อืม! อาการบาดเจ็บภายในถูกรักษาแล้ว!” เหลยต้วนกล่าวตอกเสียงเย็นใส่

เขาผู้นี้มีฐานะเป็นถึงทูตแห่งวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับผู้คนระดับล่างเท่าไหร่นักเนื่องจากอีกฝ่ายรักษาตนแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงห้ามเปิดเผยอาการบาดเจ็บตอนนี้ให้เห็นเด็ดขาด

ภายในใจไป๋ซิ่วราวกับมีดอกไม้ผลิบานมานานแล้ว หากมิได้อยู่ต่อหน้าเหลยต้วน ปานนนี้เขาคงขำกลิ้งไปนอนเล่นกับพื้นแล้ว ไป๋ซิ่วคนนี้มิได้ขี้เกรงใจแบบไป๋เฉิน เขาดำรงตำแหน่งนี้มาเนิ่นนานประสบการณ์ย่อมเจนจัด ดังนั้นความเฉียบคมของความคิดยอมงำประกายเกินจินตนาการ เขาไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดให้มีนัยยะสงสัยบนใบหน้าเลยแม้สักนิด

ก่อนหน้า เย่หยวนตรงมาบอกว่าชวนไปดูของดี นั้นก็คือภาพฉากตอนที่เหลยต้วนนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นก่อนหน้า ซึ่งทุกอากัปกิริยา ไป๋ซิ่วเห็นชัดเจนหมดทุกอย่างจากนอกหน้าต่าง ไป๋ซิ่วมีหรือจะไม่ทราบ? ทั้งหมดเป็นกลอุบายที่เย่หยวนวางเอาไว้อย่างลับๆ น่าจะทำอะไรสักอย่างกับอีกฝ่ายในตอนรักษาไม่ก็ตอนเตะ

เดิมทีเขายังวิตกกังวลอยู่เลยว่า หลังจากที่เหลยต้วนฟื้นคืนสติขึ้นมา เขาอาจอาละวาดหนักยกใหญ่ แต่เมื่อฟังคำกล่าวของเย่หยวน กับพบเจอภาพฉากเหล่านี้ด้วยตนเอง สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นอย่างมาก เพียงแค่นี้เขาก็แทบจะก้มกราบผู้อาวุโสสูงสุดอย่างเย่หยวนแล้ว ที่คิดกลอุบายทำให้อีกฝ่ายสงบลงได้เช่นนี้ จักต้องเจ็บปวดร้ายแรงเพียงใด ถึงทำให้เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าสิ้นฤทธิ์ได้แบบนี้?

ฮ่าๆ!

ไม่เพียงจะไม่อาละวาด แต่อีกฝ่ายยังดูสำรวมสงบนิ่งลงเยอะ! วิธีการนำใช้เช่นนี้ คงมีแต่ผู้อาวุโสสูงสุดเย่หยวนเท่านั้นที่จะทำได้จริงหรือไม่?

เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ เย่หยวนก็กล่าวทักทายทันทีด้วยรอยยิ้ม พร้อมประสานมือกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งวังเทวะรัตติกาลฉาย เย่หยวน ขอทำความเคราพท่านทูต! เนื่องด้วยก่อนหน้า เย่คนนี้ปลีกวิเวกเก็บตัวจนส่งผลให้ท่านทูตรอเสียนาน ข้าต้องขออภัยท่านเป็นอย่างสูง! โปรดลงโทษเย่คนนี้ให้จำเป้นบทเรียนด้วยเถิด!”

ทีท่าการแสดงออกของเย่หยวนดูเนียนตาค่อนข้างจริงใจนัก หลังสิ้นเสียงคล้ายว่ากำลังจะโน้มศีรษะลงพร้อมก้มกราบ

เหลยต้วนเร่งประคองแขนอีกฝ่ายและคำรามเสียงเย็นว่า “ไม่ต้อง!”

เย่หยวนคลี่ยิ้มกล่าวอย่างสุขใจว่า “ท่านทูตมีจิตใจเมตตาสูงส่ง จิตใจกว้างขวางนัก โอ้ใช่แล้ว! เย่คนนี้ลืมไปสนิท เนื่องจากวรยุทธบ่มเพาะพลังของข้าค่อนข้างผิดประหลาด เมื่อใดที่เข้ามาใกล้พลังงานรอบตัวจะมีปฏิกิริยาทันที ส่งผลให้ท่านได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทันตั้งตัว เย่คนนี้สมควรได้รับโทษ ต่อให้ตายนับหมื่นแสนครั้งก็ยังไม่พอชดใช้! โชคยังดีที่เย่คนนี้ยังพอมีศาสตร์การแพทย์ติดตัวอยู่บ้าง จึงบรรเทารักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้ สงสัยเสียว่า ตอนนี้ท่านยังมีอาการแทรกซ้อนใดๆ อยู่หรือไม่?”

กล้ามเนื้อตาของเหลยต้วนกระตุกเล็กน้อย อาการแทรกซ้อน? เจ็บเจียนตายขนาดนี้ยังกล้าวเรียกตัวเองว่าอาการแทรกซ้อน?! อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาก็ยังน่าประทับใจ! มิฉะนั้นหลังกลับไปรายงานผลกับทางวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังได้ของแถมเป็นอาการบาดเจ็บ ใครรู้คงหัวเราะเยาะกันลั่นเป็นแน่

“อืม! ไม่มีแล้ว!” เหลยต้วนยังคงกล่าวตอบเสียงเย็น

เย่หยวนคลี่ยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย! หากทราบก่อนหน้าว่า ท่านทูตอุตสาห์สละเวลาลงมาหาเย่คนนี้ ข้าคงไม่กล้าปลีกวิเวกเข้าเห็บตัวก่อนเป็นแน่ แต่จะว่าไปข่าวลือที่ว่าเย่คนนี้เป็นผู้รุกรานต่างแดน ผู้ปล่อยข่าวกลับไร้ต้นสายปลายเหตุยิ่งนัก จนต้องรบกวนเวลาของท่านเช่นนี้! น่ารังเกียจยิ่งนัก!”

เมื่อเห็นเย่หยวนทำตัวสบายๆ เช่นนี้ เหลยต้วนเองพลอยนึกถึงเหตุที่มาได้ในทันที แม้ข่าวลือนี้จะไม่ทราบว่าฝ่ายใดปล่อยออกมา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวการที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ควรจะเป็นพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรย แต่ตราบใดที่ยังมิได้พิสูจน์ให้กระจ่างชัด วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆ ยอดฝีมือเยาว์วัยคนนี้ก็โผล่ขึ้นมาจากไหนไม่ทราบ ดังนั้นจะมิให้พวกเขาไม่ระวังได้อย่างไร?

“ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือหรือไม่ก็ตาม เราจะได้รู้กันหลังทดสอบ!” เหลยต้วนยังคงเอ่ยตอบอย่างไม่แยแสอันใด คล้อยหลังกล่าวจบ เหลยต้วนเริมร่ายสร้างตราประทับขึ้นทันที ศาลขนาดเล็กเท่ากล่องปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เย่หยวนอยู่ใกล้ระยะประชิดกับเหลยต้วน หากศาลไท่ลู่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ปานนี้คงต้องปลดปล่อยการโจมตีออกไปนานแล้ว แต่ศาลไท่ลู่ตอนนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย!

เมื่อพบเห็นภาพฉากนี้ ทุกคนในวังเทวะรัตติกาลฉายต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก                                   “อย่างที่ข้ากล่าวไป ผู้อาวุโสสูงสุดจะไปเป็นผู้บุกรุกอะไรนั้นได้อย่างไร?”

“มันต้องเป็นฝีมือของพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยแน่นอน! หลังจากพ่ายกลับไปอย่างน่าสังเวช พวกมันคงเก็บงำความเกลียดชังจนล้นปรี่ และใช้แผนสกปรก จงใจสร้งาข่าวลือขึ้นมา!”

“บัดซบ! ไอ้พวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยนั้นน่าตายยิ่งนัก!”

บรรดาเหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายต่างชี้หัวหอกไปที่วังเทวะพิรุณร่วงโรยไปเป็นทางเดียว โดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัวของพวกเขาเอง แต่ท้ายที่สุดนี้ สวนสำคัญที่สุดยังคงเป็นการหยดเลือดเพื่อตรวจ!

แน่นอนว่าเมื่อเห็นดังนั้น เหลยต้วนยังคงกล่าวน้ำเสียงเย็นว่า “รัศมีพื้นผิวภายนอกสามารถปลอมกันได้ แต่เต๋าเฉพาะตัวที่อยู่ในเลือดกลับไม่สามารถปลอมกันได้! ผู้อาวุโสสูงสุดเย่…เชิญ!”

ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ ร่างกายของเหล่านักสู้จะซึมซับพลังฟ้าดินของดินแดนนั้นๆมาด้วยโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นภายในเลือดของผู้คนจะกอปรไปด้วยกลิ่นอายของเต๋าแห่งดินแดนนั้นๆ ด้วยวิธีนี้จึงเป็นการยืนยันที่มีประสิทธิภาพที่สุด! เมื่อโม่หยุนกับไป๋เฉินได้ฟังดังนั้น หัวใจของทั้งคู่ก็แทบกระโจนออกจากลำคอ ส่วนที่เหลือล้วยหยุดปากอุทานเงียบกริบ พร้อมเฝ้ามองเย่หยวนจนเป็นตาเดียว เหล่าผู้บุกรุกต่างแดนล้วนสิ้นท่าในด่านการทดสอบนี้ทั้งนั้น!

เย่หยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและไม่มีลังเลเช่นกัน ประกายคมดาบเย็นโฉบเฉียว ปลายนิ้วของเย่หยวนปรากฏรอยแผลเล็กๆ ขึ้นมา

ติ๊ง!

เย่หยวนหยดเลือดลงในศาลไท่ลู่ทันที

ทุกคนในยามนี้ต่างลุ้นระทึกแทบหยุดหายใจ!…

…………………………………