ตอนที่ 331 ทะเลทรายโกบีที่เปล่าเปลี่ยว

ไม่นาน อวี่เหวินก็ทานอาหารในจานจนหมดเกลี้ยง เขาก้มหน้าลงมองเวลา จากนั้นก็มองไปทางหยางโปอีกครั้ง ” ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย ไม่ว่าจะต้องใช้กลเม็ดวิธีการอะไร ก็ต้องทิ้งเธอเอาไว้เดี๋ยวนี้ ! “

เมื่อพูดจบ อวี่เหวินก็หมุนตัวแล้วเดินจากไป !

หยางโปครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็นั่งลงข้างกายของลัวย่าวหัว ทั้งสองคนจึงได้หยุดพูดคุยกัน อู่อีจึงได้มองมาทางหยางโป ” อรุณสวัสดิ์ ! “

หยางโปยิ้มอย่างฝืนใจ ” อรุณสวัสดิ์ ! “

” เธอจะกลับประเทศตอนไหนเหรอ ? ” เมื่อหยางโปนั่งลง ก็ได้ยกชาขึ้นดื่มก่อนจะถามขึ้น

 

” กลับประเทศ ? ” อู่อีอึ้งงันไปในทันที จากนั้นก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา ” ฉันยังต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักหนึ่งก่อน “

หยางโปพยักหน้า แล้วนำกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นออกไป ” พวกเราจะต้องเดินทางเดี๋ยวนี้ ต้องขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตเราเอาไว้เมื่อคืน นี่เป็นเบอร์โทรติดต่อ หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไร ก็ติดต่อฉันได้ทุกเมื่อ “

อู่อีเงยหน้าขึ้นมองไปทางหยางโปด้วยท่าทางหน้าสงสารอย่างเห็นได้ชัด ” ที่นี่อันตราย พวกนายจะออกไปท่องเที่ยวทัศนาจรใช่ไหม ? พาฉันไปด้วยได้ไหม ? “

หยางโปส่ายหน้า กำลังจะอ้าปาก ลัวย่าวหัวกลับขวางหยางโปเอาไว้ ” ได้สิ ไปได้แน่นอนเลย ! “

 

ลัวย่าวหัวจ้องมองไปทางอู่อี ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจ

หยางโปนิ่งงันไป เขามองไปทางลัวย่าวหัว พร้อมกับยื่นมือออกไปขวางเขาเอาไว้ ” เรื่องของพวกเราค่อนข้างซับซ้อน ควรจะต้องแยกกันสักหน่อย “

” ไม่ต้อง พวกเขาจะไม่พาเธอไป แต่ฉันจะพาเธอไปเอง ! ” ลัวย่าวหัวพูด

หยางโปดึงลัวย่าวหัวเดินมาทางหัวมุมของห้องอาหาร ” นายรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ? “

” นายไม่ต้องคิดมาหรอก วางใจเถอะ ฉันเก่งขนาดนี้ ผ่านดงบุปพามานับครั้งไม่ถ้วน ใบไม้ไม่อาจร่วงโรยมาถึงตัว ไม่มีทางหลงใหลเธอเด็ดขาด พาเธอไปตะลอนในเมืองนี้ด้วย เรื่องเล็กน้อยจะตาย ! ” ลัวย่าวหัวยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา

 

หยางโปจนปัญญา ทำได้เพียงแค่หันไปมองอู่อีแวบหนึ่ง แล้วก็เห็นว่ามือทั้งสองข้างของอู่อีกำลังประคองแก้มเอาไว้อยู่ พร้อมกับยิ้มมาทางเขาเล็กน้อย ช่างน่ารักอะไรขนาดนี้ ! “

หยางโปไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก นอกจากจะหมุนตัวเดินจากไป

เพราะลัวย่าวหัวยังยืนยัน พวกเขาก็ขับรถกันไปสองคัน หยางโปยังคงนั่งในรถคันเดียวกับอวี่เหวินเช่นเดิม จากนั้นตาอ้วนหลิวก็เข้ามานั่งด้วยกัน ส่วนลัวย่าวหัวและอู่อีก็นั่งในรถคันเดียวกัน

หลังจากนั้นทั้งหมดก็ขับเคลื่อนรถไปยังทิศตะวันตก ในตอนที่ขับผ่านบายันคนกอร์นั้น ลัวย่าวหัวอาลัยอาวรณ์ที่จะต้องปล่อยอู่อีไป ในตอนที่จากมา เขาก็ยังไม่ลืมที่จะบ่นพึมพำออกมา ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องพบเจอกับภัยอันตราย เมื่อหยางโปได้ยินสองประโยคนี้ เขาจึงไม่อยากสนใจอีก

 

ทุกคนยังคงขับเคลื่อนตรงขึ้นไปยังทิศตะวันตกอย่างต่อเนื่อง จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสองโมงกว่า ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางนั้นคือภูเขาเซนชานด์ในมองโกเลียนอก !

ภูเขาเซนชานด์เป็นเมือหลวงที่ตั้งอยู่ในทะเลทรายโกบี แต่เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ หยางโปกลับตื่นตกใจมากทีเดียว เพราะเขาเห็นเพียงเขตปกครองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศจีนแห่งหนึ่งเท่านั้น แม้กระทั่งขอบเขตการปกครองเล็กๆก็ยังนับไม่ได้ด้วยซ้ำ เมืองทั้งเมืองมีประชากรเพียงแค่ 3000-4000 คน มีร้านขายของ 20 ร้าน ไม่มีแม้แต่โรงแรมหรือที่พักอาศัยใดๆ !

ลัวย่าวหัวมองออกไปรอบๆด้าน แล้วก็พบว่ารอบตัวของเขานั้นเป็นทรายโกบีที่กว้างใหญ่ จากนั้นก็พูดออกไปเพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี ” นี่….ไม่ใช่สิ ทำไมมันถึงได้กลายเป็นสถานที่แบบนี้ละ ? “

” งั้นนายคิดว่าเราอยู่ที่ไหนละ ? ” อวี่เหวินถามขึ้น

 

ลัวย่าวหัวจึงได้พูดไม่ออกขึ้นมาในทันที เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นสถานที่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทราย

เหล่านี้ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเอามาก ๆ เพราะถึงยังไงก็เป็นสุสานจักรพรรดิหยวนหนิงจง !

” บางที มันอาจจะเคยเป็นทุ่งหญ้าเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็เป็นได้ แบบโอเอซิสยังไงละ ! ” หยางโปคาดเดา

อวี่เหวินเดินกลับไปยังรถ จากนั้นก็ไล่เด็กๆที่กำลังซุกซนวุ่นวายออกไป ” ฉันเคยหาข้อมูลมา ที่นี่เคยเป็นทุ่งหญ้ามาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เพียงแต่ว่าตอนนี้ทะเลทรายโกบีได้ขยายตัวออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้นแล้ว ! “

ตาอ้วนหลิวเดินกลับไป ” งั้นตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีละ ? “

 

” กินข้าวดื่มอะไรรองท้องกันก่อนเถอะ ! ” อวี่เหวินพูด

อวี่เหวินจึงได้ขับรถพาทั้งสามคนมายังบ้านที่ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จากนั้นก็ใช้ภาษามองโกเลียที่คุ้นเคยกับเงินทองเป็นตัวดำเนินเรื่อง จนทั้งสี่คนก็ได้เข้าไปยังเยิร์ต กระโจมที่อาศัยแบบชั่วคราวของคนที่นี่ และกินเหล่าเนื้อแกะที่ร้อนระอุกันอย่างเอร็ดอร่อย

เมื่อทำการจุดไฟแล้ว หยางโปก็ได้เห็นเยิร์ตที่ทั้งมันและสกปรกอย่างมากทีเดียว เลยรู้สึกว่าการใช้ชีวิตบนทุ่งหญ้านั้นไม่น่าสดใสและเรียบง่ายเท่าไหร่นัก

หลังจากที่ทานมือเย็นกันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็พากันนอนหลับเพื่อเก็บแรงเอาไว้

 

ในยามค่ำคืน ก็ได้ยินเสียงหมาหอนอยู่ข้างนอก หยางโปสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วก็พบว่ามีไฟสว่างอยู่ด้านนอก เขาจึงรู้สึกประหลาดใจ เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนว่า เจ้าของบ้านได้บอกว่าในช่วงกลางดึกของที่นี่พวกเขาจะต้องดับไฟ เพื่อที่พวกเขาจะได้พักผ่อนกันเร็วๆ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?

” ไฟหน้าของรถ รถจิ๊บคันใหญ่ ! ” อวี่เหวินจึงเอ่ยปากพูด

หยางโปจึงอึ้งงันไปในทันที จากนั้นก็หันหน้าไปมองอวี่เหวิน แล้วก็พบว่าดวงตาของเขาได้ลืมขึ้น จนกระทั่งเห็นแสงแวววาวในความมืดมิดอย่างเห็นได้ชัด

ไม่นาน ไฟหน้ารถก็ดับลง จนกระทั่งเกิดเสียงพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าผู้มาเยือนกำลังหาที่พักอาศัยอยู่

หยางโปได้ยินเสียง จึงอึ้งงันไปในทันที เมื่อเขาหันกลับไปมองลัวย่าวหัว ก็พบว่าเขากำลังหลับสนิทอยู่

 

อวี่เหวินยิ้มออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” เป็นชาวญี่ปุ่นจริงๆ ! “

หยางโปเองก็ได้ยินอู่อีใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยกับคนอยู่ข้างนอก ในใจจึงเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา โชคดีที่ไม่พาเธอมาด้วย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับตามมา น่าจะไม่ได้มีจุประสงค์เดียวกับพวกเขาหรอกนะ ?

วันที่สอง หยางโปและคนอื่นกำลังทานอาหารกันอยู่นั้น รถจิ๊บก็ได้ขับออกไป

อวี่เหวินลากเจ้าของมาถามเพียงสองสามคำ จากนั้นจึงได้นำเรื่องนี้มาอธิบายให้แก่ทุกคนฟัง ” ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปก่อนแล้ว ! “

” นายบอกว่าที่นั้นเป็นฐานของชาวญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ ? เราจะเข้าไปได้ยังไง ? ” หยางโปไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืน นอกจากจะเอ่ยปากถามเรื่องนี้แทน

 

” วางใจเถอะ พวกเขาไม่สามารถสร้างฐานล้อมรอบทั่วทั้งผืนดินนี้ได้หรอก เรายังมีโอกาสหลายทางทีเดียว ” อวี่เหวินพูด

ลัวย่าวหัวกินเนื้อก็รู้สึกเลี่ยน ดื่มโจ๊กลูกเดือนก็รู้สึกว่าหวาน ” จิ๊บคืออะไร ? “

” เมื่อคืนมีคนมา ตอนนี้ไปแล้ว ” หยางโปพูดอธิบาย

ลัวย่าวหัวพยักหน้า โดยไม่ถามอะไรต่ออีก

ไม่นาน ทั้งหมดก็ช่วยกันเก็บข้าวของ หยางโปเห็นรถทั้งสองคันจอดอยู่ริมถนน ก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที ” พวกเขาเห็นรถแล้ว น่าจะรู้ว่าเรามาถึงที่นี่แล้ว “

 

” ไม่เป็นไร ” อวี่เหวินพยักหน้า ” ถึงยังไงสุดท้ายเราก็ต้องเจอกันอยู่ดี “

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินขึ้นรถไป

หยางโปเองก็จนปัญญา ทำได้เพียงแค่เดินตามขึ้นรถไป

รถได้ขับเคลื่อนตรงไปยังทิศทางเหนือ และใช้เวลาขับรถร่วม 2-3 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาจอดตรงทะเลทรายโกบีที่เปล่าเปลี่ยวใจ อวี่เหวินหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดู พร้อมกับชี้ไปยังรถขุดที่กำลังทำการขุดอยู่ที่ไกลๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ที่นั้นแหละ “

หยางโปรับกล้องส่องทางไกลมาดูต่อ แล้วก็เห็นว่ามีเต็นท์กางอยู่สองสามหลัง รถขุดก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน แต่มีคนลงไปในถ้ำ แล้วส่งของออกมาจากข้างในไม่หยุดหย่อน ส่วนเต็นท์ที่อยู่ด้านข้าง มีรถจอดอยู่ประมาณ 2-3 คัน เชโรกีก็จอดอยู่ที่นั้นด้วย ! “

 

” ที่นี่คงจะเป็นหลุมฝังศพของเจงกีสข่านสินะ ? ” ลัวย่าวหัวชี้ไปทางข้างหน้าด้วยความตกใจมากทีเดียว

อวี่เหวินส่ายหน้า ” ที่นี่ไม่ใช่หลุมฝังศพของเจงกีสข่าน น่าจะเป็นสุสานจักรพรรดิมองโกเลียแห่งหนึ่ง ที่ถูกพวกเขาขุดออกมา “

” นายบอกว่าที่นี่มีสุสานจักรพรรดิของหยวนหนิงจงไม่ใช่เหรอ ? ” ตาอ้วนหลิวถามขึ้น

” ฉันไม่ได้บอกว่าแบบนั้น ความหมายของฉันก็คือ ที่นี่น่าจะมีสุสานจักรพรรดิหยวนหนิงจงอยู่ ! ” อวี่เหวินพูด แล้วกระโดดลงจากรถไป