ขอบเหวนรกชั้นสาม
ตงฟางไป่นำกวนจงและคนอื่นไปทางฝั่งขัตติยะ ไปหาหลินฮวงเพื่อถามคำถามเ
“ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆจากอุโมงค์มิติเลย เป็นไปได้ไหมว่าทางนั้นจะยอมแพ้แล้ว?”
หลินฮวงหันไปมองตงฟางไป่และไม่สนใจใบหน้าที่คาดหวังของอีกฝ่าย
“การขาดการเคลื่อนไหวอาจเป็นเพราะพวกมันเสียเทพเสมือนมากเกินไป พวกมันตระหนักดีว่าการสำรวจนั้นเปล่าประโยชน์และละทิ้งความพยายามเพิ่มเติม แต่ทว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมแพ้ ข้าเดาว่าพวกมันคงกำลังรอให้เจตจำนงโลกถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์ก่อนส่งกองทัพหลักมา!”
ตงฟางไป่ยังค่อนข้างลังเลที่จะยอมแพ้หลังได้ยินคำพูดของหลินฮวง
“ท่านหมายความว่าถึงแม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าอุโมงค์มิติไหนใช้งานได้ พวกมันก็ยังจะบุกอยู่ดี?”
“ถ้าตามความเข้าใจข้าก็ใช่”หลินฮวงพยักหน้า
“พวกมันไม่กลัวว่าอุโมงค์มิติทั้งหมดจะมีปัญหาหรือ?”กวนจงอดขมวดคิ้วถามไม่ได้
“ประการแรก ความน่าจะเป็นที่อุโมงค์มิติทั้ง33จะทำงานไม่ได้นั้นต่ำมาก สอง เมื่อกองทัพหลักพวกมันมาถึง มันจะเป็นโอกาสสำหรับการสำรวจ ตราบเท่าที่พวกมันส่งคนมามากพอและเราไม่อาจฆ่าได้ทัน พวกมันก็จะระบุได้ว่าอุโมงค์มิติไหนใช้งานได้ ถึงตอนนั้น เทพแท้จริงก็จะจุติลงมา”
“ดังนั้น ตราบเท่าที่เราสังหารกองทัพหลักพวกมันได้เร็วพอ เทพแท้จริงก็จะไม่มา!นั่นจะลบความเสี่ยงทั้งหมดออกไปได้!”ดวงตาของตงฟางไป่เป็นประกาย
หลินฮวงมองตงฟางไป่และส่ายหัว”มันไม่ง่ายขนาดนั้น”
“ถ้าเทพแท้จริงไม่มาและพวกมันยอมแพ้ต่อการรุกรานนี้ หลังพวกมันระดมเทพเสมือนเพื่อสร้ากองทัพหลักได้อีก เมื่อนั่นเกิดขึ้น ผู้รุกรานก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น”
“แต่ทว่า หากเทพแท้จริงพวกมันลงมาพร้อมกัน เราก็จะจัดการกับปัญหาในอนาคตได้”
เหล่าคนจากรัฐบาลกลางมีสีหน้าซับซ้อน
พวกเขาย่อมไม่อยากให้เทพแท้จริงมา ในฐานะผู้บ่มเพาะของโลกกรวดที่ไม่สามารถเป็นเทพแท้จริงได้ พวกเขาจึงมองเทพแท้จริงด้วยความเคารพ
แต่ทว่า พวกเขายังรู้ว่าหลินฮวงนั้นพูดจริง หากการรุกรานครั้งนี้ล้มเหลว โอกาสที่ศัตรูจะพยายามบุกอีกในอนาคตก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเกิดขึ้น ศัตรูพวกเขาจะเตรียมการมามากกว่านี้
หากพวกเขาสามารถกำจัดศัตรูทั้งหมดได้ในคราเดียว พวกเขาก็จะทำลายศัตรูได้จนถึงรากหญ้า
สิ่งเดียวก็คือตงฟางไป่กับกลุ่มเขาไม่มีความมั่นใจนักในการรับมือกับเทพแท้จริงขั้นสูง นี่สร้างความกระอักกระอ่วนทางจิตใจให้กับพวกเขา
หลังได้รับข่าวที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจจากหลินฮวง ตงฟางไป่ก็นำทุกคนกลับไปค่ายตนด้วยสีหน้าลำบากใจ
ตงฟางไป่รีบให้กวนจงติดต่อเจียงฉานที่เมืองแรกแสนห่างไกล รายงานถึงสถานการณ์ล่าสุด
การตอบสนองของเจียงฉานคือ”หากเทพแท้จริงมาถึง เจ้าควรร่วมมือกับขัตติยะ เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรับมือกับเทพแท้จริงขั้นกลางและสูงได้ ข้าจะพยายามติดตามผลการต่อสู้และกระตุ้นเทพเสมือนให้เข้าร่วมการต่อสู้”
…
ทางฝั่งขัตติยะ คุณฟู่อดคร่ำครวญไม่ได
“ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีหรือร้ายที่ศัตรูของเราหยุดการสำรวจ”
“ย่อมเป็นเรื่องดี”หลินฮวงยิ้ม”ความจริงที่พวกมันหยุดการสำรวจแสดงให้เห็นว่าพวกมันไม่อาจรับการสูญเสียได้ จากจำนวนที่พวกมันเสีย เราสามารถประมาณการจำนวนผู้บุกรุกทั้งหมดในครั้งนี้ได้คร่าวๆ”
“การโจมตีระลอกสุดท้าย พวกมันส่งเทพเสมือนขั้น9มาแค่ร้อย ข้าเดาว่าครั้งนี้พวกมันคงมีเทพเสมือนขั้น9แค่ประมาณสามร้อย ไม่ควรเกินกว่าสี่ร้อย ตามจำนวนเหล่านี้ พวกมันไม่ควรมีเทพแท้จริงมากนัก ข้าเดาว่าคงมีไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ”
“การวิเคราะห์เพิ่มเติมของข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าผู้บุกรุกมาจากองค์กรชั้น4หรือเหนือกว่านั้น”
“หากมันเป็นองค์กรชั้น4 ผู้นำก็จะเป็นแค่เทพแท้จริงและเทพแท้จริงในองค์กรก็มีจำกัด ตราบเท่าที่เรากำจัดผู้รุกรานทั้งหมดในได้คราเดียว พวกมันคงไม่มีกำลังพอจะพยายามทำการรุกรานรอบสอง”
“หากมันเป็นองค์กรที่เหนือกว่าชั้น4 การต่อสู้คงไม่จบหากพวกมันล้มเหลวในการบุกรุกนี้ พวกมันจะรีบรวมพลและกลับมาใหม่!แม้กระทั่งเทพสวรรค์ก็ไม่สามารถมาที่นี่ได้โดยตรง พลังของการุบกรุกครั้งถัดไปจะต้องเหนือกว่าความพยายามในปัจจุบันมาก”
หลังฟังคำพูดของหลินฮวง คุณฟู่ก็เงียบไปก่อนพูดต่อ
“ข้าหวังว่าโชคจะอยู่ข้างเรา ให้ผู้บุกรุกที่เราเผชิญอยู่มาจากองค์กรชั้น4”
“ข้าเองก็หวังไว้อย่างนั้น ไม่งั้น ข้าจะต้องอยู่ที่นี่นานขึ้นหลังจัดการกับผู้บุกรุกระลอกนี้”หลินฮวงไม่กังวลถึงจำนวนของผู้บุกรุก เขากังวลว่าเขาจะไม่สามารถกำจัดปัญหาได้อย่างหมดจด
…
ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกสองวัน
ทาสดาบที่เหลือมาถึงทีละคน ยกเว้นทาสดาบคนเดียวที่ได้รับงานคุ้มกันหลินซิน ทาสดาบอีก267ล้วนมาถึงขอบเหวนรกกันหมด จำนวนพวกเขาเกินกว่าจำนวนเทพเสมือนทั้งหมดในโลกกรวดเสียอีก”
เมื่อเห็นจำนวนคนทางฝั่งค่ายพันธมิตรดาบ ผู้คนก็ยิ่งปั่นป่วน
ไม่เคยมีเทพเสมือนมากขนาดนี้ในโลกกรวดมาก่อน ส่วนใหญ่ เทพเสมือนจะพบกันบ่อย มันยากที่จะเห็นคนแปลกหน้า แต่ในพันธมิตรดาบ ทั้งหมดล้วนเป็นคนแปลกหน้า นี่ย่อมทำให้เกิดการถกเถียงมากมาย
ทาสดาบไม่ได้สนใจการซุบซิบเหล่านี้
หลินฮวงเองก็ไม่ใสใจเช่นกัน ถึงแม้เขาจะรู้ความจริงในเรื่องนี้ก็ตาม
ลึกลงไป หลินฮวงตระหนักดีว่าเมื่อทาสดาบแสดงความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา มันจะทำให้ทุกคนยิ่งตกตะลึงกว่านี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง คำวิจารณ์ทั้งหมดจะกระจายไปเหมือนควัน
ในวันที่สาม หลินฮวงรู้สึกได้ถึงความผันผวนผิดปกติภายในตัวเขา
เขาส่งจิตสำนึกเขาไปตรวจสอบและพบว่าแหล่งความผันผวนนั้นคือเลือดเทพแท้จริงของอู่โม่
อู่โม่กำลังสัญญาณของการตื่นขึ้น!
นับตั้งแต่สู้กับเจตจำนงของจอมเทพสองปีก่อน พลังงานวิญญาณของนางก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ อู่โม่ยังอยู่ในสภาพหลับใหล แม้หลังหลินฮวงไปมหาพิภพ สังหารเทพแท้จริงนับไม่ถ้วนและทำให้ร่างนางเต็มไปด้วยพลังงานจนถึงจุดอิ่มตัว นางก็ไม่เคยตื่น
หลินฮวงรู้ว่าเขาไม่อาจใจร้อนได้ มีหลายเหตุผลที่นางไม่ตื่น และหลินฮวงก็ไม่พยายามฝืนปลุกนาง เขาแค่รออย่างอดทน
แต่ตอนนี้ นางกลับเริ่มแสดงอาการตื่นขึ้น ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะนางสัมผัสได้ว่าโลกกรวดอยู่ภายใต้การรุกรานหรือด้วยเหตุผลอื่น
“ช่างเหมาะเจาะจริงๆ เราจะมีเทพแท้จริงอีกคนมาร่วมสู้”หลินฮวงพึมพำเสียงต่ำ
เขารีบถอนจิตสำนึกกลับและตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ เมื่อตระหนักว่าไม่มีใครสังเกตเห็นความผันผวนผิดปกติที่มาจากภายในตัวเขา หลินฮวงก็ลุกขึ้นยืน มุ่งตรงไปวังจักรพรรดิซึ่งอำพรางเป็นเต็นท์
การจากไปอย่างกะทันหันของเขาดึงดูดความสนใจคนจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครคิดมากนัก
ดวงตาของคุณฟู่จับจ้องหลินฮวงจนกระทั่งหลินฮวงเข้าเต็นท์ไป เขาเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนัก