หลี่ชวนไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากกลืนน้ำลายอึก จากนั้นก็ยิ้มแหยออกมา “ฉันชื่อหลี่ชวน อายุยี่สิบสอง เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง เก่งเรื่องร้องเพลงและเต้นเพื่อสร้างความบันเทิงและกระตุ้นทีม ฉันไม่มีตำแหน่งทางทหาร ไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพอย่างเป็นทางการ เป็นแค่กองกำลังอาสา ตั้งใจจะติดตามหัวหน้าชูฮันไปที่ค่ายเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพของหัวหน้าชูฮัน ฉันเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้เป็นทั้งวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์ แต่ฉันสามารถฆ่าซอมบี้ได้เป็นจำนวนมาก ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“เฮ้ เฮ้” กลุ่มคนที่ได้ยินประโยคแถลงแนะนำตัวเริ่มส่งเสียงหัวเราะกันออกมา ทว่าไม่นานพวกเขาก็เริ่มหัวเราะไม่ออก

 

เพราะคำพูดของหลี่ชวนยังคงไม่จบ “พวกนายเคยได้ยินเรื่องสงครามเมืองแห่งความตายมั้ย? ฉันเป็นคนแรกที่ติดตามการต่อสู้ของหัวหน้าชูฮันตั้งแต่สงครามเมืองแห่งความตายนั่น”

 

ประโยคที่จู่ๆก็โพล่งออกมาอย่างกระทันหันและเหนือความคาดหมายของหลี่ชวนส่งผลให้ฝูงชนเงียบเสียงลงทันที คำว่าสงครามเมืองแห่งความตายทำให้คนกว่าร้อยคนต่างพร้อมใจกันมองไปที่แววตาของหลี่ชวนที่กำลังเปล่งประกาย

 

ใครจะไม่รู้จักสงครามเมืองแห่งความตาย? ใครจะไม่เคยได้ยินล่ะ?

 

และการที่หลี่ชวนที่ไม่ใช่แม้แต่วิวัฒนาการแต่เป็นแค่คนธรรมดาที่รอดมาจากสงครามเมืองแห่งความตายได้ด้วยฝีมือของชูฮัน

 

ไม่แปลกใจ!

 

ทันใดนั้นหลายคนก็ตระหนักได้ว่าเรื่องราวมันคืออะไร ไม่แปลกใจที่คนธรรมดาอย่างหลี่ชวนกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวซอมบี้ แถมยังไล่ฆ่าซอมบี้ได้มากมายต่อหน้าต่อตาพวกเขา มันช่างเป็นสถิติตัวเลขที่น่าตกใจและกล้าหาญยิ่งนัก!

 

สงครามเมืองแห่งความตายมันน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ? มันทรงพลังถึงขั้นฝึกฝนคนธรรมดาให้กล้าแกร่งได้ถึงขนาดนี้เลย!? มุมปากของชูฮันมีร่องรอยของการยิ้มมุมปากเล็กน้อย การยืมมือหลี่ชวนมาช่วยนั่นได้ผลจริงอย่างที่คิดไว้ มันทำให้เสียงดังของฝูงชนเงียบลงทันทีอีกทั้งยังดึงความสนใจของทุกคนไปหมด ไม่ใช่แม้กระทั่งวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์แต่กลับแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ และวันต่อไปในข้างหน้าพลังของหลี่ชวนอาจถูกปลุกให้ตื่นจนกลายเป็นวิวัฒนาการก็เป็นได้?

 

มันเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการออก!

 

“ชื่อของฉันคือเย๋เฉิน” ตอนนั้นเองเย๋เฉินก็ลุกขึ้น เขายังคงสวมแว่นอยู่เหมือนเดิมซึ่งมันทำให้เขาดูเป็นคนที่สุภาพมาก หากไม่ได้มีการร่ายประวัติส่วนตัวซะยาวเหยียดก่อนจะเข้าเรื่องแบบหลี่ชวน เย๋เฉินปาระเบิดเข้าใส่ทันทีอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “ฉันเองก็ติดตามหัวหน้าชูฮันมาจากเมืองแห่งความตาย ฉันเป็นวิวัฒนาการระยะ 2 เป็นคนเงียบๆขรึมๆไม่ชอบพูดคุยกับใครเรื่อยเปื่อย ฉันเก่งเรื่องแทงข้างหลังคนอย่างเช่นการใช้ยาพิษ…จบ”

 

ยิ่งเย๋เฉินพูดบรรยากาศรอบๆยิ่งเงียบสนิทลงมากกว่าเดิมอีก จนมีแต่เสียงเผาไหม้ของกองไฟเท่านั้นที่ได้ยิน สายตาของทุกคนต่างจ้องไปที่เย๋เฉินกันหมด บางคนมีแววตาสยองด้วยซ้ำ ยิ่งท่าทางนิ่งขรึมของเย๋เฉินที่แสดงออกยิ่งทำให้บางคนกลัวจนไม่กล้าจะเอ่ยปาก

 

คนที่ออกมาจากสงครามเมืองแห่งความตายได้น่ากลัวกันอย่างนี้หมดเลยเหรอ? ทำไมแต่ละคนถึงมีออร่าบางอย่างที่พวกเขาบรรยายไม่ถูกอยู่รอบๆตัว?

 

มุมปากของชูฮันยิ่งกดลึกขึ้นไปอีกขณะคิด…หลี่ชวนกับเย๋เฉินนี่เข้ากันดีจริงๆ คนหนึ่งพูดข่มและคลุมเครือ ส่วนคนต่อมาก็สานต่อยิ่งทำให้คนฟังหวาดกลัวเข้าไปอีกกว่าเดิม

 

เมื่อหลี่ชวนและเย๋เฉินเป็นคนนำ เหล่าคนที่ติดตามชูฮันมาเหมือนกันก็ค่อยๆลุกขึ้นไล่ตามกันมาพร้อมกับบอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเองด้วยท่าทางจริงจังไล่ไปทีละคนๆข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปของแต่ละคนถูกชูฮันจดจำไว้…

 

“ฉันชื่อกูเหลียงเฉิน วิวัฒนาการระยะ 3” ทันใดนั้นมันก็มีน้ำเสียงเย็นๆดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่จับจ้องมาที่ชูฮัน เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงมองตามเสียงนี้ไปทันที

 

เขาคือชายหนุ่มที่ดูเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเขา มีตราตำแหน่งสิบเอกติดอยู่ตรงหน้าอก และทันทีที่เห็นคนคนนี้แววตาของชูฮันก็เป็นประกายจ้า

 

คนคนนี้ เขาจำได้ คนคนนี้คือหนึ่งในทหารยี่สิบนายที่เข้าร่วมสู้กับฝูงซอมบี้

 

โดยไม่คาดคิด เขาซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มทหาร และตั้งแต่แรกเริ่มที่เผชิญหน้ากับกลุ่มของเฉินเสี้ยนกาวและพรรคพวก ตั้งแต่แรกจนจบมันไม่ข้อแตกต่างชัดเจนให้เห็น แม้แต่ตอนที่ชูฮันกำลังฆ่าซอมบี้ คนคนนี้ก็ไม่ได้คิดจะหลบซ่อนตัว

 

แต่คนคนนี้มีความภักดีต่อชูฮันเป็นศูนย์!

 

แม้จะตัดทอนความเป็นไปได้ของจิตใจที่แข็งแกร่งและความไม่เชื่อของแต่ละบุคคลออกไปแล้ว แต่สำหรับระบบล่มสลายที่นอกเหนือจากป่ายหวีเนอที่มีความผิดปกติลึกลับซึ่งไม่แสดงข้อมูลใดๆเลยในระบบล่มสลายนั้น คนอื่นๆที่ได้เคยเผชิญหน้ากับชูฮันมาแล้วจะไม่สามารถหลบหนีการตัดสินความภักดีของระบบล่มสลายได้ ตราบใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันแม้เพียงเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่ได้ชื่นชอบแต่อย่างไรก็ตามมันก็จะมีอย่างน้อย 1 ถึง 10 เปอร์เซ็นของความภักดีต่อชูฮันแสดงให้เห็น

 

เพราะฉะนั้นเมื่อมองในมุมนี้ กูเหลียงเฉินจึงน่าจะเป็นสายที่ใครบางคนจงใจส่งมามากกว่า! คำพูดของกูเหลียงเฉินค่อนข้างสั้นและรวบรัด เขาเป็นคนที่พูดแนะนำตัวน้อยที่สุด เพียงแค่พูดชื่อและระยะวิวัฒนาการของตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากนั้นเขาไม่ได้กล่าวถึงเลยสักนิด

 

“ซ่อนตัวไว้ซะลึก!” หวังไคอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาในความคิดของชูฮัน “ผู้ชายคนนี้ช่างเย็นชาเหลือเกิน ส่วนที่เหลือก็ไม่กล้าจะเปิดปากพูดเพราะกลัวความเป็นไปได้ที่จะถูกจับได้”

 

ชูฮันไม่ได้พูดตอบ ทว่าในหัวใจของเขาก็เชื่อมั่นเช่นนั้น

 

การแนะนำตัวเองยังคงดำเนินต่อไป และไม่กี่นาทีต่อมามันก็เสร็จไปแล้วหลายสิบคน ทว่ามีเหลือเพียงแค่สองคน…ฮัวหมิงและหลี่ซิงยู ที่ยังไม่ปรากฏตัว

 

ในเวลานี้ หลี่บี๋เฟิงพูดจบ และหลูเหวินเชิงยืนขึ้นสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อพูดต่อ ขณะที่หลูเหวินเชิงกำลังคิดว่าเขาจะต้องพูดให้ดี…

 

ปึง! ปัง! ปึง!

ทันใดนั้นเองจู่ๆภูเขาก็สั่นไปมาอยู่พักหนึ่ง

 

เพล้ง!

อาหารที่กำลังถูกปรุงอยู่ล้มลงมาทั้งหม้อ

 

@$%^@$%^&*()@$%^!

 

หลายคนเสียการทรงตัว

 

ร่างอ้วนกลมของเฉินช่าวเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆชูฮันไม่สามารถควบคุมความสมดุลได้ แรงสั่นสะเทือนเริ่มรุนแรงขึ้นจนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว ชูฮันไม่มีเวลาจะคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเขากำลังยุ่งอยู่กับการจับร่างอ้วนของเฉินช่าวเย่ไว้

 

เจ้าอ้วนเฉินช่าวเย่ได้แต่หวาดกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงพูดหากเขาสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนมาจากระยะไกล

 

“แผ่นดินไหว” เสียงตื่นตระหนกของหลิวยู่ติงดังมาแต่ไกล

 

“ไม่ใช่!” จู่ๆก็มีเสียงของคนคนหนึ่งตะโกนดังขึ้นมา “มันคือหิมะถล่ม!”

 

@$%^@$%^&*()@$%^!

เกิดเสียงแตกตื่นของทุกคนดังขึ้นมาตามมาทันที่ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองด้านบนสายตาเต็มไปด้วยความวิตก ชูฮันเองก็กระโดดขึ้นด้านบนของภูเขา นัยน์ตาดำสนิทหดตัวลงอย่างรวดเร็ว “ขึ้นไปที่ด้านบน!” ทันทีที่ชูฮันเอ่ยปาก—–

 

“ครืน!—-“

คลื่นหิมะที่พัดผ่านพื้นผิวได้กลืนกินเสียงของชูฮันไปภายในพริบตา คลื่นหิมะขนาดยักษ์ที่สูงกว่าสิบเมตรร่วงลงมาจากด้านบนของภูเขาตกลงสู่ด้านล่างด้วยความเร็วอันน่าตะลึง และภายในพริบตามันก็กลืนกินทุกอย่างหายวับไปจมอยู่ภายในหิมะจนหมด

 

ฝูงชนแตกกระเจิงและชูฮันเองก็ไม่ทันได้มีมาตราตอบโต้กับเหตุการณ์นี้ เขาทำได้แต่เพียงจับเจ้าอ้วนที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุดเอาไว้

 

พื้นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้ามืดครึม

 

ท่ามกลางคลื่นหิมะถล่ม หลูเหวินเชิงแทบจะร้องไห้เป็นสายเลือด ทำไมหิมะต้องมาถล่มตอนที่เขากำลังจะพูด? แล้วทำไมจู่ๆมันถึงเกิดหิมะถล่มกระทันหันได้แบบนี้?! ยังดีที่เขาปีนหนีขึ้นมาถึงยอดเขาทันแต่ยังไงพวกเขาต้องไม่รอดแน่ๆ อาหารทั้งหมดถูกหิมะถล่มจนไม่เหลือ คนกว่าหนึ่งร้อยถูกกวาดหายไปหมด ราวกับความมืดแทรกอยู่ในใจกลางหิมะถล่มและกลืนกินทุกอย่างไปจนหมด

 

พวกเขาจะตายกันอยู่ที่นี้ใช่มั้ย?