บทที่ 1456+1457

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1456+1457 Ink Stone_Romance

บทที่ 1456 ไส้ศึกคือผู้ใด? 1

กู่ฉานโม่กวาดตามองฝูงชนแวบหนึ่ง “สิ่งนี้เป็นของผู้ใด? พู่ประดับเอวของผู้ใดหายไป?”

ฝูงชนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครตอบรับ

สีหน้าของกู่ฉานโม่ย่ำแย่กว่าเก่า “หากว่าผู้ใดนำสิ่งนี้เข้ามาในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์โดยไม่ได้ตั้งใจ ขอเพียงบอกมาว่าเป็นผู้ใดที่มอบให้ก็พอ หากว่าดึงดันไม่ยอมรับจะถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา เป็นเพียงไส้ศึกที่เข้ามาปะปนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์! ถ้าหาตัวออกมาได้ ผลลัพธ์ต่อจากนั้น…ข้าไม่พูดพวกเจ้าก็คงจะรู้ดี! ข้าขอถามอีกครั้ง พู่ห้อยเอวสลักลายนี้เป็นของผู้ใด?!”

ผู้คนกว่าสองร้อยคนในลานกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่ต่างเงียบกริบ เงียบจนถ้ามีเข็มสักเล่มร่วงลงพื้นก็ได้ยินกันทั่ว แต่ยังคงไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาอยู่ดี

สายตาของกู่ฉานโม่กวาดผ่านใบหน้าของทุกคน สีหน้าของทุกคนล้วนสับสนระคนตกตะลึง

ผู้อาวุโสของหน่อยลงทัณฑ์จัดการคดีความเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง สายตาแต่ละคู่คมกริบเสมือนเหยี่ยว หากผู้ใดมีสีห้าผิดธรรมชาติแม้เพียงน้อยย่อมถูกพวกเขามองออกทันที แต่พวกเขามองอยู่พักใหญ่ ก็มองไม่ออกเลย พู่ประดับเอวลายเมฆาชิ้นนั้นไม่มีผู้ใดยอมรับเลยสักคน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ดูท่าจะมิใช่ผู้อื่นตะล่อมให้คนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์นำเข้ามาแล้ว แต่เป็นในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีไส้ศึกปะปนเข้ามาจริงๆ ไส้ศึกผู้นี้สร้างพู่ประดับเอวจากหยกมารเวหนขึ้นที่ด้านนอก แล้วสวมเข้ามาอย่างง่ายดายยิ่งนัก จากนั้นก็แอบนำไปซ่อนไว้ใต้รอยแตกในพื้นของโถงฝึกยุทธ์ เช่นนี้ก็หมดจดไร้ร่องรอยแล้ว

ต่อให้มีศิษย์ที่มีหน้าที่เก็บกวาดห้องโถงมาพบสิ่งนี้เข้าโดยบังเอิญก็จะไม่กระตุ้นความสงสัย นึกไปว่าเป็นของศิษย์คนใดที่ทำหล่นไว้ที่นั่น…

ไส้ศึกคือผู้ใด?

ฝันร้ายของพวกเขาเริ่มขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน เช่นนั้นสิ่งนี้ก็น่าจะถูกนำเข้ามาซุกไว้เมื่อสองเดือนก่อนด้วย…

กู่ฉานโม่รีบสั่งการให้ศิษย์ที่ดูแลเส้นทางเข้าออกของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไปตรวจค้นบันทึกข้อมูลทันที เรียกดูบันทึกการเข้าออกของศิษย์ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ในช่วงสองเดือนถึงสามเดือนก่อน

แต่หลังจากได้ผลจากการตรวจสอบออกมาแล้วกู่ฉานโม่ก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเช่นเดิม

ในช่วงนั้นมีศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ออกไปด้านนอกไม่น้อยเลย แม้ว่าจะไม่ถึงครึ่งแต่ก็นับเป็นหนึ่งในสาม ซ้ำยังมีคนที่ออกไปทุกสามวันห้าวันด้วย…

หลังจากคัดแยกรายชื่อของศิษย์เหล่านี้ออกมา มีถึงเจ็ดสิบแปดสิบคนเลยทีเดียว

ไส้ศึกผู้นี้เมื่ออกไปข้างนอกจะต้องไม่เกาะกลุ่มกับผู้อื่นแน่นอน ต่อให้ออกไปกับเหล่าสหายก็ต้องมีช่วงเวลาที่เขา (หรือนาง) อยู่เพียงลำพัง ถึงจะสามารถกระทำเรื่องลับๆ เช่นนี้ได้

ผู้อาวุโสของหน่วยลงทัณฑ์รีบคัดแยกคนที่ออกไปด้านนอกเพียงลำพัง หรือคนที่ออกไปแล้วแยกตัวกับสหายออกมาจากเจ็ดสิบแปดสิบคนนี้…

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม จึงได้ผลลัพธ์ออกมา ผู้ที่ออกไปข้างนอกเพียงลำพังในช่วงเวลานี้มีทั้งสิ้นยี่สิบสองคน ในบรรดานี้รวมถึงชายหญิงที่ออกไปค้างรกด้วยกันด้านนอกมากกว่าหนึ่งคืนด้วย…

ในยี่สิบสองคนนี้มีผู้อาวุโสสี่ท่าน อาจารย์สามคน ที่เหลือล้วนเป็นลูกศิษย์เช่นเดียวกับพวกเชียนหลิงอวี่

กล่าวอีกอย่างก็คือ ยี่สิบสองคนนี้น่าสงสัยที่สุด ไส้ศึกอาจอยู่ในบรรดานี้

แต่การควานหาตัวไส้ศึกออกมาจากกลุ่มคนกว่ายี่สิบคนมิใช่เรื่องง่ายเลย ตามวิธีการของผู้อาวุโสหน่วยลงทัณฑ์ ถ้าทำการไต่สวนคนเหล่านี้ทีละคนน่าจะสอบสวนออกมาได้ แต่ระยะเวลาที่ต้องใช้ก็มิใช่น้อยๆ อย่างน้อยก็ห้าหกวันขึ้นไป

ส่วนเรื่องที่ตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วกลับมาแล้วยังแพร่งพรายต่อภายนอกไม่ได้ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นยังไม่ทราบ ยามนี้เมื่อตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ไส้ศึกผู้นั้นย่อมต้องฉวยโอกาสยามที่อยู่เพียงลำพัง หาทางส่งข่าวให้พรรคพวกที่อยู่ด้านนอกทราบเป็นแน่…

ดังนั้นต้องหาตัวไส้ศึกผู้นี้แข่งกับเวลา ดีที่สุดคือหาตัวให้ได้ภายในเวลาสองวัน

ถ้าจะไม่ให้ความลับรั่วไหล ก็ทำได้อย่างเดียวคือขังยี่สิบสองคนนี้ไว้ในสถานที่เดียวกัน เมื่อหาตัวไส้ศึกได้ค่อยปล่อยออกมา

—————————————————————-

บทที่ 1457 ไส้ศึกคือผู้ใด? 2

แต่คนเหล่านี้เป็นหัวกะทิของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แทบทิ้งสิ้น การขังไว้หลายวันออกจะไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก ซ้ำยังทำให้เรื่องล่าช้าด้วย อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีเรือนใหญ่พอจะขังคนกว่ายี่สิบคนไว้ด้วยกันได้…

เหล่าผู้อาวุโสของหน่วยลงทัณฑ์มองหน้ากันแวบหนึ่ง ล้วนค่อนข้างลำบากใจ

กู่ฉานโม่ตัดสินใจในทันใด “แยกพวกเขาเป็นสามกลุ่ม ให้จับตามองกันและกัน รอจนหาตัวไส้ศึกออกมาได้ค่อยปล่อยคน!”

เมื่อเขาเอ่ยคำสั่งนี้ออกมา สีหน้าของยี่สิบสองคนนั้นล้วนแปรเปลี่ยนไป

ไม่คนทนไม่ไหวทักท้วงขึ้นมา “อาจารย์ใหญ่กู่ เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลย นี่มิใช่ว่าพวกเราต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยหรือไร? หากว่าหาตัวไส้ศึกไม่ได้เลย เช่นนั้นพวกเรามิต้องถูกขังไปชั่วกัลปาวสานหรอกหรือ?”

กู่ฉานโม่เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น อย่างมากก็รอจนถึงยามที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นถูกสังหารแล้ว! ก็ถึงวันนั้น ก็ทำได้เพียงให้ทุกคนได้รับความเป็นไม่ธรรมเสียแล้ว”

ทุกคนทวีความไม่พอใจขึ้น แต่ละคนล้วนกล่าวว่าตนถูกปรักปรำ เกิดเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นชั่วขณะ สีหน้าของคนที่ต้องถูกขังล้วนคับข้องหมองใจ

กู่ฉานโม่ทราบดีว่าทำให้คนมากมายของที่นี่ต้องได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันใหญ่หลวงเกินไป เขาไม่อาจแบกรับความเสี่ยงนี้ได้…

ขณะที่เขากำลังจะสั่งให้คนนำตัวคนเหล่านี้ไปคุมขัง จู่ๆ กู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านข้างก็เปิดปากขึ้นมา “อาจารย์ใหญ่กู่ พวกเขาทักท้วงอย่างสุภาพ ไม่อาจทำให้คนมากมายต้องพลอยได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะไส้ศึกผู้เดียวได้ ซีจิ่วมีวิธีหนึ่งที่สามารถหาตัวไส้ศึกออกมาได้ภายในวันเดียว และไม่จำเป็นต้องคุมขังทุกคนด้วย”

เมื่อเธอกล่าวประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างเบิกตากว้าง สายตาสงสัยนับไม่ถ้วนมองมาที่เธอ

กู้ซีจิ่วตบถุงจุสวรรค์ของตนเบาๆ หัวน้อยๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดูหัวหนึ่งโผล่ออกมาจากถุง เป็นลู่อู๋น้อยนั่นเอง ดวงตาลู่อู๋น้อยดูหรี่ปรือง่วงงุน “เจ้านาย?”

กู้ซีจิ่วดีดหน้าผากมันทีหนึ่ง “ออกมา ฟังข้าสั่งการ”

ดวงตาลู่อู๋น้อยเปล่งประกาย รีบกระโดดออกมาทันที หมอบอยู่ตรงไหล่กู้ซีจิ่ว พวงหางทั้งเก้าโบกไปมา “ขอเชิญสั่งการ!” นัยน์ตาแวววาว สีหน้าตื่นเต้น

“เจ้านาย ข้าล่ะ? แล้วข้าล่ะ?” เจ้าหอยยักษ์ก็โผล่หัวออกมาจากถุงเหมือนกัน รีบเรียกร้องความสนใจ

ระยะนี้กู้ซีจิ่วพาพวกมันตะลอนไปทั่วอยู่ตลอด บางครั้งก็ปล่อยพวกมันออกมารับลมบ้าง ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาวะเอื่อยเฉื่อยว่างงานอยู่เสมอ ยามนี้ทันทีที่เจ้าหอยยักษ์ได้ยินว่ามีภารกิจ ย่อมสงบใจไม่อยู่แล้ว

กู้ซีจิ่วก็ดึงมันออกมาด้วย “ประเดี๋ยวจะมอบหมายภารกิจให้เจ้าเช่นกัน รอก่อน”

“ได้เลย!” เจ้าหอยยักษ์กลับสู่ร่างเดิมทันที แผ่อยู่ตรงนั้นจ้องมองฝูงชนตาเป็นมัน

นัยน์ตากู่ฉานโม่กลับเปล่งแสงวาบทันที คล้ายจะนึกอะไรได้แล้ว “ซีจิ่ว เจ้าคิดจะให้หอยยักษ์ใช้วิชาบีบให้พวกเขาพูดความจริงออกมาสินะ?”

กู้ซีจิ่วตอบยิ้มๆ “ไม่ผิดเลย ท่านก็ทราบ เจ้าหอยยักษ์มีความสามารถเช่นนี้อยู่ สามารถทำให้ผู้อื่นบอกทุกอย่างที่อยู่ในใจได้”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา แทบทุกคนล้วนพากันถอยหลังไป

มนุษย์บนโลกนี้ ใครเล่าจะไม่มีความลับเล็กๆ น้อยๆ อยู่? ยกตัวอย่างเช่นผู้ใดแอบรักผู้ใด ผู้ใดชอบผู้ใด ผู้ใดเห็นผู้ใดขัดตา ร้องด่าบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของอีกฝ่ายอยู่ในใจ หรือยกตัวอย่างเช่นบุรุษจำนวนหนึ่งไม่อาจแต่งงานได้ ยามที่เพลิงอารมณ์สุมกาย ชมชอบใช้แม่นางทั้งห้า…

เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความลับที่ในใจไม่อยากให้ผู้อื่นทราบ หากว่าถูกเปิดโปงออกมาต่อหน้าสาธารณะชน พวกเขายังจะเป็นคนต่อไปได้อีกหรือ?!

ในบรรดายี่สิบสองคนนี้ รวมจิ้งจอกน้อยกับเชียนหลิงอวี่ และพวกหลานเยวี่ยจางฉูฉู่ไว้ด้วย

จิ้งจอกน้อยเอ่ยต่อต้าน “ไม่ได้นะ! ซีจิ่ว เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าถูกปรักปรำ อย่าทดสอบเช่นนี้เลย!” ในใจนางมีความลับที่ไม่อาจบอกกล่าวได้ ไม่อยากถูกผู้อื่นทราบเข้า ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่อยากให้เยี่ยนเฉินได้ยิน

——————————————————————-