ตอนที่ 220

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 220: ต่อไปตาเจ้า

 

เมื่อผู้อาวุโสสามเห็นอี้เทียนหยุนยิ้มออกมาก็หัวเราะ “ความตายกรายมาถึงศีรษะยังไม่รู้ตัวอีก อย่าคิดว่ามีความสามารถแค่เล็กน้อยแล้วจะคิดว่าตัวเองไร้เทียนทาน? เคล็ดวิชาเซวียนเทียนเป็นวิชาที่ดี นอกเสียจากว่าเจ้าจะมีระดับผันแปรวิญญาณ ไม่อย่างนั้น ต่อให้เป็นมังกรก็ต้องสยบอยู่ที่นี่!”

 

เหอเชียนหานกับพวกสีหน้าน่าเกลียด ไม่คิดว่าผู้อาวุโสพวกนี้จะทรยศ ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าจะวางแผนมานานแล้ว ที่สำคัญ ประมุขยังถูกพวกมันควบคุมไว้อีก พวกเขาคิดว่าประมุขปิดด่าน แต่ไม่คิดว่าจะถูกควบคุมตัวไว้ ถูกขังไว้ในห้องลับ!

 

“เจ้าพวกทรยศ ก่อนหน้านี้เป็นผู้จัดการเชียน ตอนนี้เป็นพวกเจ้า…. นี่เป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน ไม่แปลกที่พวกเจ้าจะตามหาเคล็ดวิชาเซวียนเทียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่แท้ก็เพื่ออาณาจักรใต้พิภพ!” ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนออกมา ถ้าสามารถพ่นไฟออกจากดวงตาได้ ที่นี่คงกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว

 

“วังเทียนจี๋ตกต่ำแล้ว อยากได้ทรัพยากรอะไรก็ไม่มี สุดท้ายทำได้เพียงมอบข้อเสนอให้แก่ตระกูลพวกนั้นเพื่อต่อชีวิต ชีวิตแบบนั้นข้าไม่เอาด้วยหรอก สู้เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเสียยังดีกว่า นี่จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดต่อวังเทียนจี๋….” ผู้อาวุโสสามมองดูพวกเขาแล้วพูดอย่างคลุมเครือ “แต่เพราะว่าประมุขไม่เอาด้วย บอกว่าต้องเลือกอิสรภาพ ต่อให้ตายก็ไม่ยอมเข้าร่วม….. สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เขาหวัง ต่อให้ตอนนี้จะยังไม่ตาย แต่ก็ถูกขังเอาไว้ อยากปฏิเสธดีนัก ข้าจึงทำให้เขารู้ ว่าผลของการปฏิเสธนั้นเป็นยังไง!”

 

เขาพูดขณะที่เดินไปถึงด้านหน้าของผู้อาวุโสรอง พร้อมกับมองลงไปอย่างเย็นชา

 

“ช่วย ช่วยข้าด้วย….” ผู้อาวุโสรองใช้น้ำเสียงแผ่วๆ ร้องขอให้ช่วย

 

“ไสหัวไป!” ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสามก็ฟาดเท้าออกไป เตะผู้อาวุโสรองกระเด็น หลังจากกลิ้งไปหลายสิบตลบ ก็กระอักเลือดออกมาไม่หยุด

 

การกระทำนี้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพากันตกใจ นี่ไม่ใช่พวกเดียวกันอย่างงั้นเหรอ ทำไมถึงลงมือแม้แต่พวกเดียวกันล่ะ

 

“ขยะ สภาพอย่างเจ้าช่วยไปแล้วจะได้อะไร?” ผู้อาวุโสสามพูดพลางหัวเราะ “ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าก็คือประมุข! ส่วนเจ้า…. วันนี้ต้องตาย!”

 

ที่อยู่ตรงนี้ไม่มีใครอื่น นอกจากอี้เทียนหยุนกับพวก ตราบเท่าที่สังหารพวกเขาทิ้ง ก็จะไม่มีข่าวรั่วไหลออกไป เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะกลายเป็นประมุข ตอนแรกคนที่จะนั่งตำแหน่งประมุขคือผู้อาวุโสรอง แต่ตอนนี้ ประมุขก็คือเขา!

 

ผู้อาวุโสรองตายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เขาแล้วใครจะเป็นประมุข?

 

“เจ้า เจ้า….” ผู้อาวุโสรองชี้มายังเขา ถลึงตามอง ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ว่าสุดท้ายแล้วจะต้องตายด้วยน้ำมือฝั่งเดียวกัน

 

“แค่ก….”

 

เขาที่ถูกความโกรธสุมอยู่ในอก สุดท้ายก็กระอักเลือดออกมา ตาเบิกโพลง ตายไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ

 

“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสรองสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 24,000, ค่าความคลั่ง 3,400, ค่าความชั่ว 50, ได้รับดาบหลิวหยุน, เม็ดยาค่าประสบการณ์ 100,000”

 

“หือ อะไรกัน?”

 

อี้เทียนหยุนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าผู้อาวุโสรองจะมาตายอย่างนี้ เขาจึงไม่ทันได้เปิดโหมดคลั่ง ช่างเสียเปล่าจริงๆ แม้ว่าคนที่ลงมือสุดท้ายจะเป็นผู้อาวุโสสาม แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัสจากการลงมือของเขาอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ระบบตัดสินว่าเขาตายเพราะเขา

 

สำหรับการตัดสินใจของผู้อาวุโสสามนั้น อี้เทียนหยุนไม่ประหลาดใจ พวกเขาทรยศสำนักได้อย่างง่ายๆ สำหรับพวกเดียวกันแล้ว การแทงข้างหลังไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตราย การกำจัดฝั่งเดียวกันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

 

ผู้อาวุโสสามมองสีหน้าโกรธแค้นของพวกเขา จากนั้นก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อย่าได้โกรธไป เดี๋ยวข้าก็จะส่งพวกเจ้าไปพบกับเขาแล้ว…..” จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น พร้อมกับชี้มายังพวกเขา “ฆ่าพวกมันซะ นอกจากเจ้าเด็กนั่น คนอื่นฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือ!”

 

เมื่อน้ำเสียงของเขาจบลง ร่างของผู้คุ้มกันเงาก็หายไปในอากาศ ตอนนี้อยู่ที่ไหนพวกเขามองไม่เห็น การที่สามารถหายตัวไปกลางอากาศได้อย่างนี้ พวกเขาจะต้องฝึกวิชาตัวเบาที่เกี่ยวเนื่องกับพวกมิติอย่างแน่นอน สามารถซ่อนตัวในอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับบทบาทให้ทำการลอบสังหาร

 

ระดับของพวกเขาแต่ละคนอยู่ที่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 2 ที่ 3 แม้ว่าระดับของพวกเขาจะไม่สูง แต่ความสามารถในการลอบสังหารนั้นสูงมาก กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการลอบโจมตีของคนพวกนี้ ต่อให้ระดับจะสูงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่มองไม่เห็นได้อยู่ดี

 

“มาอยู่ข้างข้าเร็ว!” ผู้อาวุโสใหญ่คำรามออกมา สายตาของเขาเปล่งแสงวาวโรจน์ ตัดสินใจปกป้องหลานสาวของตนไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม เขาเตรียมเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อเปิดเส้นทางโลหิต ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาพวกเธอหนีไปจากที่นี่ให้ได้!

 

“ปัง!”

 

“ปัง!”

 

“ปัง!”

 

ในตอนนี้เอง ร่างเงาสามร่างพลันถูกเตะจนปลิว กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงเสียงดังสนั่น จนกำแพงถึงกับสั่น แทบจะยุบเป็นรูปคน การสั่นนี้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้าแล้วแรงกว่ามาก

 

พร้อมกับแรงสั่นนี้ ทำให้พวกเขาเห็นร่างของผู้คุ้มกันเงาสามร่างหล่นลงมาจากกำแพง ไม่เหลือกลิ่นอายแห่งชีวิตแม้แต่น้อย…..

 

“คิดจะจับข้าด้วยขยะพวกนี้อย่างงั้นเหรอ?”

 

อี้เทียนหยุนเก็บเท้าลงอย่างช้าๆ หนึ่งฟาดหนึ่งชีวิต ตอนนี้เขาไม่ได้ออมแรง ทำให้แค่ครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาถึงแก่ความตาย!

 

“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 170,000, ค่าความคลั่ง 3,200, ค่าความชั่ว 50, กริชเงา(ระดับจิตวิญญาณขั้นกลาง), ท่าเท้าเงา!”

 

“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 176,000, ค่าความคลั่ง 3,300, ค่าความชั่ว 50, กริชเงา, ท่าเท้าเงา…..”

 

“ติ๊ง ท่านได้สังหาร…….”

 

เสียงระบบดังขึ้นมาสามครั้ง เป็นข้อพิสูจน์ว่าผู้คุ้มกันเงาได้ถูกเขาสังหารไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะลอบเข้ามาแบบไหน เขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าระดับของพวกเขาต่างกันเกินไป ทำให้การซ่อนตัวของพวกเขาไร้ผล เมื่ออยู่ต่อหน้าอี้เทียนหยุน

 

“นี่ นี่….” ผู้อาวุโสสามเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผู้คุ้มกันเงาห้าคนตอนนี้ถูกจัดการไปแล้วสาม นี่มันพลังอะไรกัน?

 

ในตอนนี้เอง ในมีร่างสองร่างปรากฏขึ้นข้างหลังอี้เทียนหยุน พร้อมกับแทงกริชเงาเข้าใส่ที่หน้าอกของเขา เมื่อเห็นโอกาส พวกเขาก็จะลงมือโดยไม่ลังเล

 

“ระวัง…….”

 

ในพริบตาที่การโจมตีถูกส่งออกไป ผู้อาวุโสใหญ่ก็มองเห็นร่างของผู้คุ้มกันเงาคนนี้ แต่อี้เทียนหยุนกลับเร็วกว่า เขาไม่แม้แต่จะมองกลับไป แต่กลับยื่นมือออกไปที่กลางอากาศ พร้อมกับกระชากร่างของอีกฝ่ายออกมา จากนั้นก็เหวี่ยงร่างของผู้คุ้มกันเงาที่ลอบโจมตีจากด้านหลังทั้งสองข้ามไหล่ ฟาดลงกับพื้นอย่างแรง

 

“ปัง!”

 

เสียงกระแทกพื้นดังมา แม้แต่พื้นยังแตกออก แสดงให้เห็นว่าการฟาดครั้งนี้รุนแรงแค่ไหน ทุกคนเห็นร่างที่อยู่บนพื้นกระตุกเบาๆ จากนั้นก็แน่นิ่งไป

 

“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับ…..”

 

เพียงแค่ฟาดเท่านั้น คนทั้งสองก็ถูกจัดการไปอย่างง่ายดาย เพียงแค่ลงมือครั้งเดียวก็จัดการผู้คุ้มกันเงาทั้งสองนี้สำเร็จ ผู้คุ้มกันเงาพวกนี้เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ไม่ว่าวิธีไหนก็ทำทั้งนั้น ต่อให้ต้องทำลายตัวเองก็ตาม ตอนนี้กลับถูกอี้เทียนหยุนจับฟาดข้ามหัวราวกับขยะ ตายไปโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงออกมาแม้แต่ครึ่งคำ

 

และในตอนนี้ ร่างที่ยืนอยู่ของเขาก็ได้หันไปมองร่างของผู้อาวุโสสามที่กำลังหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน พร้อมกับตบมือแล้วพูดว่า “ต่อไปตาเจ้าแล้ว”