ตัวประหลาดโยนขวดหยกในมือขึ้นไปกลางอากาศ อัญเชิญมันออกไป

 

 

ชั่วพริบตานั้นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพลันปรากฎขึ้นกลางอากาศ เสียงอึกทึกดังขึ้น เงาลวงตาที่เหมือนกับขวดหยกอย่างไม่มีผิดเพี้ยนสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฎขึ้น หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็ขยายใหญ่ออกจนมีขนาดสิบจั้ง และยิ่งไปกว่านั้นในขวดยังมีเสียงเพรียกของวิหคดังออกมา ปากขวดเคลื่อนไหวไปมา หันทางไปทะเลหมอกที่อยู่ไกลออกไป

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น คลื่นสีฟ้าอีกด้านพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ขึ้น

 

 

เห็นเพียงตรงใจกลางของคลื่นสีฟ้ามีเสาลำแสงเจิดจ้าสายหนึ่งพ่นออกมา ผิวน้ำทั้งหมดกลิ้งไปรอบด้านราวกับน้ำตก ส่วนใจกลางของคลื่นน้ำพลันมีน้ำเต้าสีฟ้าขนาดเท่าเงาขวดปรากฎขึ้น หมุนคว้างไปมา ปากน้ำเต้าตรงกับทะเลหมอกอเวจีทมิฬอย่างพอดิบพอดี

 

 

เผ่าประหลาดสองคนพลันร่ายอาคมกระตุ้นสมบัติ ชั่วขณะนั้นเสียง “ฟู่ๆ” พลันดังขึ้น อันหนึ่งพ่นเสาลำแสงสีเขียวหนาๆ สายหนึ่งออกมาจากเงาขวด อันหนึ่งพ่นม่านลำแสงสีฟ้าออกมาจากปากน้ำเต้า

 

 

หลังจากที่ทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในทะเลหมอกนั้น ชั่วขณะนั้นหมอกสีดำรอบๆ พลันหมุนวน เสาลำแสงและหมอกสีฟ้าพลันทะลักออกมา

 

 

จากนั้นหมอกสีดำพลันหมุนติ้วๆ แยกออกจากกันกลายเป็นเสาหมอกสองสายบินออกมา จมเข้าไปในภาชนะทั้งสองชิ้น

 

 

ความเร็วที่สมบัติทั้งสองชิ้นดูดซับม่านหมอกเข้าไปนั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจนัก

 

 

ทุกแห่งที่ลำแสงและหมอกสีฟ้ากวาดผ่านไป เพียงพริบตาก็ชำระทุกอย่างให้ว่างเปล่า แต่ทันใดนั้นหมอกสีดำรอบด้านก็หมุนวนเข้ามากลบเอาไว้อีกครั้งทันที

 

 

เหมือนว่าความจุของยุทธภัณฑ์สองชนิดนี้จะะไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าหมอกสีดำจะทะลักเข้ามาขนาดไหน กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด

 

 

ในครานั้นเองบนน้ำเต้าสีฟ้าพลันมีเงาลวงตาเปล่งแสงสว่างวาบ เผ่าประหลาดตาปลาผู้นั้นปรากฎขึ้นด้านบน จับตามองด้านล่างอย่างเย็นชา โดยไม่ปริปากใดๆ

 

 

ชายหนุ่มเขาเดี่ยวที่อยู่อีกด้านสร้างภาพลวงตาตัวประหลาดยักษ์ขึ้น แต่ในครานี้กลับนั่งสมาธิอยู่ด้านล่างเงาขวด หลับตาทั้งสองข้างสนิท

 

 

แม้ว่าสมบัติทั้งสองชิ้นจะดูดซับหมอกสีดำเข้าไปในจำนวนที่น่าตกตะลึง แต่ความกว้างของหมอกอเวจีทมิฬก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

 

 

เผ่าประหลาดทั้งสองคนนี้รออยู่แถวๆ นี้มาสองวันสองคืน ก็เพิ่งจะดูดซับหมอกทมิฬในทะเลหมอกได้ไปแค่หนึ่งในยี่สิบสามสิบส่วนเท่านั้น ดูแล้วหากต้องการดูดทะเลหมอกอเวจีทมิฬทั้งหมด ไม่ใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนคงอย่าคิดฝันเลย

 

 

ทว่าเผ่าประหลาดทั้งสองคนก็ไม่ได้รีบร้อน แค่กระตุ้นสมบัติทั้งสองชิ้นไม่หยุดเท่านั้น เหมือนว่าเสียเวลาแค่นี้ไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับพวกเขา!

 

 

เช่นนั้นผู้ที่ใช้ไข่มุกมังกรตรงจุดอื่นมองเห็นสถานการณ์นี้อยู่ไกลๆ อีกครั้งอย่างหานลี่จึงรู้สึกหมดคำพูดและรู้สึกไม่สบายใจ

 

 

หากทั้งสองต้องการจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานขนาดนั้น จะให้เขาฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจได้อย่างไร สุดท้ายพวกเขาเก็บทะเลหมอกแล้วจากไปย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากมีเจตนาอื่นนั่นก็แย่แล้ว

 

 

ทว่าหากเขาออกจากความเสี่ยงในครานี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากรออยู่ที่นี่ดท่าใดนัก ดังนั้นจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

 

 

แต่เช่นนั้นครึ่งวันที่ผ่านมาหานลี่จึงเก็บข้าวของในถ้ำพำนักไปรอบหนึ่ง นอกจากไผ่อัสนีทองที่ผนึกลงไปในกระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มแล้ว ของสำคัญอื่นๆ ก็ถูกเก็บเข้าไปในย่ามเก็บของ เตรียมตัวหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ ก็จะได้เตรียมตัวหนีได้ทันท่วงที

 

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน เผ่าประหลาดทั้งสองคนก็สำแดงอิทธิฤทธิ์พร้อมกัน ทำให้สมบัติภาชนะทั้งสองขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ความเร็วในการดูดซับม่านหมอกก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่าเผ่าประหลาดสำแดงเคล็ดวิชาลับอะไรในการประคองสมบัติทั้งสองชิ้นเอาไว้ เสาหมอกสีดำที่ลอยออกมาจากทะเลหมอกพลันเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสองต้นเป็นสิบกว่าต้น

 

 

เสาหมอกทุกต้นหมุนวนไปมา หมอกสีดำในรัศมีวงกลมสองสามลี้ถูกหมุนวนมาอยู่กลางอากาศ แล้วลอยไปที่สมบัติทั้งสองชิ้น

 

 

เช่นนั้นความเร็วในการหดตัวของทะเลหมอกพลันเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ความเข้มข้นของทะเลหมอกก็เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดโดยแทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ปากของเผ่าประหลาดตาปลาพลันหัวเราะหึๆ ออกมา หันหน้าไปเอ่ยกับชายหนุ่มเขาเดี่ยวที่กำลังคืนร่างเดิมอีกครั้งหลังจากสำแดงอิทธิฤทธิ์

 

 

“พี่หมิ่น จากความเร็วของ ‘เคล็ดวิชาบรรจุปราณ’ ที่พวกเราสำแดงออกมา เกรงว่าแค่สิบกว่าวันก็สามารถบรรจุไอทมิฬเที่ยงแท้ที่นี่ไปได้หมด ดังนั้นการใหญ่จึงสำเร็จลุล่วงแล้ว!”

 

 

ชายหนุ่มเขาเดี่ยวได้ยินเสียงหัวเราะนี้ คราที่กำลังจะเอ่ยปากตอบอะไรนั้น แต่ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นในส่วนลึกที่ไม่รู้ว่าห่างออกไปเท่าไหร่ของทะเลหมอกพลันมีเสียงกู่ร้องยาวๆ ด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น

 

 

เมื่อเสียงกู่ร้องนี้ดังขึ้น น้ำเตาและเงาขวดที่เพิ่มกำลังหมุนไปทางเสาหมอกสีดำพลันหยุดชะงัก จากนั้นราวกับได้รับการโจมตีด้วยพลังที่ไร้รูปร่างอะไรสักอย่าง เสียง “ปังๆ” ของการสลายตัวทยอยกันออกดังออกมา

 

 

ไม่ว่าเสาลำแสงสีเขียวและหมอกสีฟ้าด้านล่างจะกวาดไปทางใดของทะเลหมอก หมอกสีดำก็นิ่งสนิท แม้แต่คลื่นลูกใหญ่สักนิดก็ยังไม่ปรากฎขึ้น ราวกับว่ากลายเป็นเนื้อเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ชายหนุ่มเขาเดี่ยวและมนุษย์ตาปลาก็อดที่จะมองสบตากันวูบหนึ่งไม่ได้ ล้วนเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา

 

 

ครานี้เสียงร้องประหลาดที่อยู่ไกลออกไปพลันดังขึ้นสองสามส่วน ราวกับว่ามีอะไรสักอย่างกำลังพุ่งจากส่วนลึกมาที่ขอบของทะเลหมอกอย่างรวดเร็ว

 

 

“คือสิ่งนั้นหรือ?” มนุษย์ตาปาเอ่ยถามอย่างงุนงง

 

 

“น่าจะใช่กระมัง!” แต่ชายหนุ่มเขาเดี่ยวกลับดูเหมือนว่าจะรู้อะไรบางอย่าง พลันตอบกลับพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่น

 

 

“ข้าว่าแล้วว่าเหตุใดเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นถึงได้ไม่ใช้ไอทมิฬวิญญาณเที่ยงแท้ ดูแล้วคงมีสิ่งที่น่ากลัวนี้อยู่ แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็ให้ความเคารพวิญญาณเที่ยงแท้ต่างๆ ของวิหคราวกับเทพเจ้า สิ่งที่อยู่ในนี้คงจะเป็นสิ่งที่วิญญาณเที่ยงแท้วิหคสวรรค์ทิ้งเอาไว้” มนุษย์ตาปลาหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

 

 

“คงจะเป็นเช่นนั้น! ไม่รู้ว่ามันพัฒนาจนถึงระดับใดแล้ว หากอยู่ในระดับสุดท้ายล่ะก็ พวกเราถือโอกาสนี้รีบหนีไปกันเถิด” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวเองก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

 

 

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! ข้าไม่อยากเพลี้ยงพล้ำตกอยู่ในปากของเจ้าสิ่งนี้ แม้แต่จิตวิญญาณบริสุทธิ์ก็ยังไม่อาจกลับมาเกิดใหม่ได้” มนุษย์จาปลาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง

 

 

ครั้งนี้ชายหนุ่มเขาเดี่ยวไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่ใช้สองมือร่ายอาคม ชี้ไปที่ปากเงาขวดยักษ์

 

 

หลังจากที่เสียงอึกทึกดังขึ้น เงาขวดก็ปริแตกออกราวกับฟองสบู่ ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านใน หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็ร่อนลงในมือของชายหนุ่ม

 

 

นั่นก็คือขวดหยกสีเขียวขวดนั้น มันเปล่งแสงสว่างวาบในมือของชายหนุ่ม แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

มนุษย์ตาปลาเองก็ใช้มือหนึ่งตะปบออกไปด้วยความเคร่งขรึม คลื่นรอบๆ ด้านพลันสลายหายไป น้ำเต้ายักษ์ลูกนั้นพลันหดเล็กลงหลายเท่าในพริบตา แล้วร่อนลงในมือของเขา

 

 

ทันใดนั้นมนุษย์เผ่าประหลาดทั้งสองคนพลันยืนเคียงไหล่กัน จากนั้นพลันจ้องเขม็งไปยังจุดที่มีเสียงพรียกของวิหคประหลาดๆ ดังขึ้น ล้วนเงียบกริบไม่ปริปากใดๆ

 

 

ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงร้องประหลาดดังขึ้นไม่ไกลนัก แต่ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา ทะเลหมอกที่อยู่ไกลออกไปถึงจะมีเสียงพายุบ้าคลั่งดังขึ้น จากนั้นเงาสีขาวโพลนพลันสว่างวาบ ร่างหมอกยักษ์ขนาดสองสามร้อยจั้งพลันพุ่งออกมาจากทะเลหมอก หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็พากลิ่นอายคละคลุ้งมาด้วย เมื่อมาอยู่ตรงขอบของทะเลหมอก ก็ใช้สายตาเย็นชาจ้องเขม็งไปยังปีศาจทั้งสองตน

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวิหคประหลาดโครงกระดูกสีขาวเก้าหัวโดยที่มีหัวแตกต่างกันตัวหนึ่ง! ดวงตาของทุกหัวเป็นสีเขียวเข้มเปล่งแสงภูตระยิบระยับ ส่วนร่างโครงกระดูกที่ใหญ่โตนั้นมีไอทมิฬสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกพันล้อมรอบอยู่ กระพริบระยิบระยับไม่แน่นอน

 

 

ทำให้วิหคเหล่านี้ดูดุดันน่าเกรงขามมากขึ้น!

 

 

“วิหคเก้าหัว คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีซากของวิหคที่โหดเ**้ยมซ่อนอยู่” มนุษย์ตาปลามองเห็นรูปร่างของโครงกระดูกวิหคสีขาวอย่างชัดเจน พลันหน้าเปลี่ยนสีพลางร้องอุทานออกมาด้วยเสียงหลง

 

 

“แต่ยังดีที่มันหยุดกลายพันธ์ุอยู่ในระดับขั้นที่สอง ยังไม่พัฒนาเป็นซากเก้าอเวจีขั้นสุดท้าย! เป็นแค่สิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเราเท่านั้น! สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาก็คือ จิตสังหารอันโหดเ**้ยมของวิหคเก้าหัว ไม่รู้ว่ายังหลงเหลืออยู่เท่าใด อย่ามากเลย หากยังเหลือมากกว่าครึ่ง เกรงว่าพวกเราคงต้องหนีแล้ว” แววตาชายหนุ่มเขาเดี่ยวฉายแววหวาดกลัว แต่น้ำเสียงกลับเยือกเย็นเป็นอย่างมาก

 

 

“ทดสอบดูก็รู้แล้ว หรือว่าพี่หมิ่นจะยอมทิ้งไอทมิฬวิญญาณเที่ยงแท้ไปเช่นนี้จริงๆ!” มนุษย์ตาปลามีสีหน้าดำคล้ำสลับกับสดใสสลับกันไปมาชั่วครู่ ฉับพลันนั้นพลันกัดฟันเอ่ยว่า

 

 

“แน่นอนว่าเสียดาย เคล็ดวิชาของข้าต่อจากนี้จำต้องใช้สิ่งนี้เพิ่มอานุภาพของมัน พวกเราลองทดสอบดูก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเขาเดี่ยวหางตากระตุก เอ่ยอย่างตัดสินใจ

 

 

เมื่อชายหนุ่มเอ่ยคำนี้ออกมา ไม่รอให้มนุษย์ตาปลาตรงข้ามตอบกลับอะไร วิหคยักษ์เก้าหัวที่อยู่ตรงข้ามพลันชูหัวที่อยู่ตรงกลางสุดขึ้น เปล่งเสียงร้องแหลมสูงยาวๆ ออกมา จากนั้นหัวที่เหลือทั้งแปดก็อ้าปากออกพร้อมกัน

 

 

เสียงอึกทึกดังขึ้น เห็นเพียงการโจมตีจากธาตุต่างๆ ที่ไม่เหมือนกันอย่างลูกบอลเพลิง ใบมีดพายุ กรวยน้ำแข็ง ไฟฟ้าอัสนีถูกพ่นออกมาจากหัวทั้งแปดพร้อมกัน ออเบียดเสียดกันจนแทบจะกินพื้นที่ครึ่งท้องฟ้า

 

 

การโจมตีที่รุนแรงนี้ นับได้ว่าน่าประหวั่นนัก

 

 

ชายหนุ่มเขาเดี่ยวและมนุษย์ตาปลาเห็นการโจมตีเหล่านี้ กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น

 

 

มนุษย์ตาปลาเอ่ยขึ้น “ข้าจะลงมือก่อน!” จากนั้นพลันเห็นสองมือของเผ่าประหลาดนี้ร่ายอาคม ร่างกายระเบิดม่านลำแสงสีฟ้าเข้มออกมา จากนั้นมือข้างหนึ่งพลันชี้ไปทางการโจมตีอันมืดฟ้ามัวดินที่อยู่ตรงข้ามอย่างดูส่งเดช

 

 

เสียง “ฟิ้ว” ดังขึ้น ลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว คราแรกเป็นเส้นบางๆ แต่หลังจากออกจากฝ่ามือ ก็กลายเป็นม่านลำแสงสีฟ้าห่อหุ้มเขาและชายหนุ่มเขาเดี่ยวที่อยู่ด้านหลังเอาไว้ทันที

 

 

จากนั้นมนุษย์ตาปลาก็ร่ายอาคมกระตุ้น ม่านลำแสงกระพริบวาบๆ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งสีฟ้า เปล่งแสงแวววาวต้านทานเอาไว้ตรงนั้น

 

 

ชั่วพริบตานั้นการโจมตีทั้งหมดพลันเปล่งเสียงกรีดร้อง ล้วนโจมตีไปที่ม่านลำแสงสีฟ้าราวกับฝนตกกระทบรั้วอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เสียงระเบิด เสียงกรีดร้อง เสียงปังๆ ดังขึ้นบนผิวของกำแพงน้ำแข็ง

 

 

การโจมตีต่างๆ พากันเปล่งแสงระยิบระยับ ลำแสงเจิดจ้าห้าสีสันห่อหุ้มแม้กระทั่งกำแพงน้ำแข็งทั้งผืนเอาไว้ข้างใน

 

 

วิหคโครงกระดูกเก้าหัวเห็นเช่นนั้น หัวตรงกลางก็อดที่จะเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความพึงพอใจคราหนึ่งไม่ได้! ส่วนหัวที่เหลือที่กำลังพ่นการโจมตีออกมากลับไม่หยุดเลยสักนิด แม้กระทั่งเป็นเพราะการโจมตีหนาแน่นเกินไป จึงรุนแรงกว่าตอนแรกถึงสามส่วน

 

 

ดูเหมือนว่าวิหคตัวนี้คิดจะสังหารศัตรูทั้งสองทิ้ง

 

 

แต่ในครานั้นเองเสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาก็ดังออกมาจากม่านลำแสงหลากสีสัน ทันใดนั้นได้ยินเสียงเสียง “ครืน” ดังขึ้น ลำแสงสีฟ้าเข้มทะลักออกมาจากม่านลำแสงต่างๆ ลำแสงนี้กระพริบวาบสองสามครั้ง ก็ใช้ความเร็วที่น่าตกตะลึงทอดตัวยาวออกไปในรัศมีร้อยกว่าจั้ง

 

 

ทุกแห่งที่ลำแสงสีฟ้ากวาดผ่านไป อากาศทั้งหมดจะบิดเบี้ยว ไม่ว่าการโจมตีใดๆ เข้ามาในอาณาเขต ล้วนหายวับไปอย่างเงียบเชียบ

 

 

เสียงบริกรรมคาถาของมนุษย์ตาปลาที่อยู่ในลำแสงสีฟ้าพลันถี่กระชั้น

 

 

ลำแสงนี้หมุนติ้วๆ ฉับพลันนั้นพลันระเบิดลำแสงออกมา ลำแสงสีฟ้าผืนใหญ่พุ่งม้วนกลับไปหาวิหคโครงกระดูกยักษ์

 

 

ความเร็วของมันแค่ชั่วลมหายใจ ลำแสงประหลาดก็มาอยู่ใกล้กับวิหคโครงกระดูกแค่คืบ