บทที่ 1232 หลอมรวมกายา

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1232 หลอมรวมกายา

แปลโดย iPAT

‘อย่างไรก็ตามวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันถูกใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ข้าสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้อีกไม่ถึงสิบครั้ง’

คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนขมวดคิ้วเบาๆ

นี่คือปัญหา

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมีประสิทธิภาพมากแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็สูงมากเช่นกัน

เนื่องจากวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันถูกหลอมรวมขึ้นด้วยตัวของฟางหยวนเอง เขาไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้มากนัก

มอบวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันให้กับนิกายหลางหยาและใช้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยหลอมรวมให้เขางั้นหรือ?

ฟางหวนไม่มีความคิดนี้

ในยุคนี้คุณค่าของเส้นทางแห่งความฝันสูงกว่าวิญญาณอมตะมาก!

แน่นอนว่าฟางหยวนเชื่อว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถจ่าย แต่หากมันถูกเปิดเผยออกไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมไม่น้อย

หากวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันถูกเผยแพร่ออกไป ความได้เปรียบของฟางหยวนจะหมดลง

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนไม่ต้องการเห็น

ดังนั้นเขาจึงต้องหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันด้วยตนเอง แม้เขาจะผลิตมันได้น้อย แต่เขาก็ต้องรักษามันไว้กับตนเอง

‘ข้าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่ข้าสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆเช่นผลไม้แห่งความฝันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหลอมรวมวิญญาณของข้า’

ผลไม้แห่งความฝันเป็นพืชชนิดพิเศษ

มันเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันที่ไม่มีรูปร่างที่แท้จริง มันอาศัยต้นไม้ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้เพื่อความอยู่รอด

ฟางหยวนเคยเก็บเกี่ยวผลไม้แห่งความฝันมาก่อน

แต่เขาไม่สามารถเพาะปลูกหรือเคลื่อนย้ายต้นไม้แห่งความฝัน

นอกจากนั้นภาคกลางยังเป็นถ้ำราชสีห์ ฟางหยวนไม่สามารถไปที่นั่นได้ในเวลานี้

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยอาจทำให้เขาสามารถปลอมตัว แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการอนุมานของผู้อมตะ วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดสามารถช่วยเหลือ แต่มันก็เป็นวิญญาณระดับหกเท่านั้น

ฟางหยวนไม่สามารถแก้ปัญหานี้

เขาไม่รู้จักต้นไม้แห่งความฝันต้นที่สอง ดังนั้นเขาจึงทำให้เพียงยอมแพ้ต่อความคิดนี้เท่านั้น

หลังจากพักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฟางหยวนยังไม่ได้รีบเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

เขาจำเป็นต้องสรุปฉากที่แปด

เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา การอนุมานสิ่งต่างๆล่วงหน้าจะช่วยให้เขาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันได้ดีขึ้น นี่คือข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ในแง่ของเส้นทางแห่งปัญญา เขาไม่ขาดแคลนความสำเร็จ

ฟางหยวนไม่ได้อนุมานเพียงอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขายังอนุมานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตนอีกด้วย

‘หากข้าเดาถูก ตระกูลปาคือศัตรูตัวฉกาจของข้า ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามหาเรื่องข้า แต่ข้าสามารถแก้ปัญหาทั้งหมด ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขากำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างสนาม’

ความเฉยเมยของตระกูลปาทำให้ฟางหยวนระวังตัวมากขึ้น

‘สรุปแล้วสถานการณ์ของข้าค่อนข้างดี ตัวตนของวูอี้ไห่มีประโยชน์มากในเวลานี้’

‘ธุรกิจซื้อขายโอกาสไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป นอกจากนั้นมันยังกลายเป็นกับดักล่อลวงผู้อมตะที่โง่เขลา’

ท้ายที่สุดแล้วผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็มีอยู่น้อยมาก

แม้จะมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่บ้าง พวกเขาก็อาจไม่ใช่ฝ่ายธรรมะ

สำหรับวูอันและวูเหลียว พวกเขาทำงานได้อย่างเหมาะสม ฟางหยวนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคนทั้งสอง

วูเหลียวมารายงานบางเรื่องกับฟางหยวนก่อนหน้านี้ แต่ฟางหยวนตั้งใจทิ้งงานไว้ที่พวกเขาและบอกว่าอย่ารบกวนหากไม่มีเรื่องสำคัญ

วูเหลียวรู้สึกผิดหวังมาก เขาคิดว่าฟางหยวนเหมือนผู้อมตะระดับเจ็ดคนก่อนหน้า ดังนั้นทัศนคติของเขาที่มีต่อฟางหยวนจึงกลายเป็นเย็นชา

ฟางหยวนรู้แต่เขาไม่สน

อาณาจักรแห่งความฝันขยายตัวออกไปอย่างช้าๆตลอดเวลา

แม้ฟางหยวนจะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันและทำให้มันหดตัวลง แต่เปรียบเทียบกับอาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมด มันยังไร้นัยสำคัญ

เขาสามารถปิดซ่อนการกระทำของตนได้อย่างง่ายดาย

โดยเฉพาะเมื่อปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษยังเข้ามาในอาณาจักรแห่งความฝันผ่านธุรกิจซื้อขายโอกาส นี่เป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ของฟางหยวน

คนเหล่านี้พบกับความยากลำบากในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่มีหนึ่งหรือสองคนที่ได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันบางอย่างแม้พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการคลี่คลายความฝันก็ตาม

ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันเหล่านี้สามารถใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝัน

ผู้อมตะเหล่านี้ปฏิบัติต่อพวกมันเหมือนสมบัติล้ำค่า แม้มันจะเล็กน้อยเพียงใด พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ฝ่ายธรรมะลอบซื้อทรัพยากรเหล่านี้จากพวกเขาอย่างลับๆ

ตระกูลวูก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

อย่างไรก็ตามผู้อมตะส่วนใหญ่ที่ได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันไม่ต้องการขายพวกมัน พวกเขาต้องการเก็บไว้กับตนเอง

ตระกูลวูซื้อทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันได้ประมาณสิบชิ้น ฟางหยวนไม่กล้าแตะต้องทรัพยากรเหล่านี้เพราะตระกูลวูกำลังจับตามองพวกมันอยู่

หลังจากพักผ่อน ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

มันไม่ใช่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้แต่เป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเขาเอง

เพื่อให้ได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุด

น่าเสียดายที่ผู้อมตะเหล่านั้นไม่รู้เรื่องนี้

…..

ภาคใต้ ถ้ำสวรรค์ไป่เซียง

ที่จุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณ ไป่หนิงปิงนั่งลงอย่างยากลำบาก

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงลอยอยู่กลางอากาศ เขากำลังควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้

แสงหลากหลายสีสันส่องประกายขึ้นราวกับธารแสง บางครั้งมันปะทุขึ้นราวกับดอกไม้

ใบหน้าของไป่หนิงปิงซีดขาวแต่กลิ่นอายของเขายังมั่นคง

นี่เป็นเพราะเขาใช้ร่างกายบรรจุเพลิงมังกรล่องคลื่นและทำให้ชีวิตของตนตกอยู่ในอันตราย

“ต่อไปคือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เราจะจัดการเพลิงมังกรล่องคลื่นในร่างของท่าน!” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “นายน้อย ท่านต้องอดทนและมีสมาธิ ท่านต้องหลอมรวมกับค่ายกลวิญญาณและกำหราบเพลิงมังกรล่องคลื่น ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาสี่สิบเก้าวัน ระหว่างนี้ท่านจะไม่สามารถพักผ่อน หากข้าไม่บอกให้หยุด ท่านก็ไม่สามารถสูญเสียสมาธิ มิฉะนั้นท่านต้องตายอย่างแน่นอน”

ไป่หนิงปิงรู้สึกเวียนศีรษะจนแทบไม่สามารถทนนั่งอยู่ได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องกล่าวถึงสี่สิบเก้าวัน เพียงครึ่งวันเขาก็แทบทนไม่ไหวแล้ว

แต่เมื่อถึงทางแยกที่สำคัญ ริมฝีปากของไป่หนิงปิงกลับยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม

‘ฮ่าฮ่าฮ่า นี่สนุกมาก’

‘ในสภาพปัจจุบันของข้า มันแทบเป็นไปไม่ได้…’

‘นี่เป็นการทดสอบขีดจำกัดที่แท้จริงของร่างกายข้า’

‘แม้ข้าจะตาย มันก็น่าสนใจมาก!’

ร่างกายของเขาอ่อนล้ามากแต่จิตใจของเขายังเต็มไปด้วยพลังงาน

ไป่หนิงปิงสูดหายใจลึกและเรียกจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียง “เจ้ารอสิ่งใดอยู่? เหตุใดยังไม่เริ่ม?’

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงยิ้มและคิด ‘ข้ารอคนเช่นนี้มานานแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เกรงกลัวต่อความตาย’

เมื่อคิดได้เช่นนี้จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงก็กระตุ้นการทำงานของค่ายกลวิญญาณ

“บึม!”

ในช่วงเวลาต่อมาค่ายกลวิญญาณก็ระเบิดแสงสว่างออกไปทุกทิศทุกทาง

“อ๊าก…”

เปลวไฟพุ่งออกมาจากดวงตา รูจมูก และรูหูของไป่หนิงปิง

เพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างกายของเขาและเปลี่ยนไป่หนิงปิงให้เป็นมนุษย์เพลิง

ไป่หนิงปิงขมวดคิ้วและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ในช่วงเวลาที่เขากรีดร้อง เขาตระหนักถึงบางสิ่ง วิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกรไม่ใช่การกำหราบเพลิงมังกรล่องคลื่นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตวิญญาณทั้งหมดของเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าค่อยๆแยกออกจากร่างของเขาอย่างช้าๆ

นี่เหมือนการปรับแต่งทรัพยากรอมตะแต่ทรัพยากรอมตะชนิดนี้คือร่างกายของไป่หนิงปิง

‘อดทนไว้!’ จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกรีดร้องด้วยความกระวนกระวายใจ

ดวงตาของไป่หนิงปิงกลายเป็นพร่าเลือน เขากำลังจะหมดสติ

หากเขาหมดสติในเวลานี้ เขาจะถูกเพลิงมังกรล่องคลื่นเผ่าทำลายจนกลายเป็นกองเถ้าถ่าน!

…..

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

หม่าหงหยุนกรีดร้อง

“ปุ” เส้นเลือดที่ลำคอของเขาแตก

ประกายสายฟ้าแลบลั่นอยู่บนร่างกายของหม่าหงหยุนอย่างดุเดือด ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังชักกระตุกอย่างรุนแรง

หลังจากชั่วครู่ประกายสายฟ้าก็จางหายไปขณะที่หม่าหงหยุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาจากรูขุมขนทั้งร่างของเขา

“ล้มเหลวอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูขมวดคิ้วด้วยความโกรธ

หม่าหงหยุนถูกปรับแต่งโดยบอลสายฟ้ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แม้เขาจะพบกับความทุกข์ทรมาน แต่เขาก็ยังไม่ตาย นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของเขายังพุ่งสูงขึ้นถึงระดับห้าขั้นสุดยอดอีกด้วย

สิ่งนี้ทำให้ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกพูดไม่ออก