ตอนที่ 118 ปล่อยน้องสาวผม

 

ถังซีเบิกตาโต ไม่คาดคิดว่าเฉียวเหลียงจะพูดอย่างที่พูดออกไป เขาทำแบบนี้มีแต่จะสร้างความปั่นป่วยให้ยุ่งยากหนักขึ้น!

 

 

แน่นอนเลยที่เซียวเหยาจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่เขา เฉียวเหลียงหลบการจู่โจมได้อย่างง่ายดาย เขาจ้องหน้าเซียวเหยากลับแล้วกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “คุณเซียวเหยา ถ้าอยากต่อยกับผม ไปหาที่กว้างๆ กว่านี้จะดีกว่า”

 

 

เซียวจิ่งคว้ามือพี่ชายไว้ ก้าวไปขวางหน้า และมองเฉียวเหลียงอย่างเคร่งเครียด “นี่นายหมายความว่าอย่างไร เฉียวเหลียง!” เขาถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

 

เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่ง แล้วหันไปกวาดตามองทุกคนรอบตัว พร้อมกับตอบว่า “ฉันหมายความอย่างที่ฉันพูด”

 

 

เซียวส่าหน้าเข้มมองเฉียวเหลียง แล้วหันไปมองถังซี ถามอย่างเย็นชา “โหรวโหรว บอกพี่มาซิว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้จักกับเฉียวเหลียงตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

ทุกคนมองมาที่ถังซี ถามเธอน่าจะง่ายกว่าถามเฉียวเหลียง

 

 

เฉียวเหลียงก็จ้องมองถังซีไม่วางตาเช่นกัน ถังซีฝืนยิ้ม ตอบออกมาอย่างเคอะเขิน “ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไร คุณเฉียวนั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณถามฉันเมื่อกี้”

 

 

“แล้วเขาถามอะไรเธอ” ทุกคนถามพร้อมกัน

 

 

ถังซีกุมขมับ แน่นอน เมื่อคุณพูดโกหกครั้งหนึ่งแล้ว คุณจะต้องพูดโกหกอีกเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่โกหกไว้ นี่เป็นสถานการณ์ที่ทำให้เหนื่อยใจจริงๆ!

 

 

“เพราะว่าฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณป้าเฉียว ฉันให้สัญญาไว้ว่าจะไปหาท่านทุกวันเสาร์ และอาการของท่านก็ดีขึ้น แต่เพราะฉันต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลนานถึงหนึ่งสัปดาห์ คุณป้าเฉียวเลยไม่อยากทานอาหารหลังจากไปเยี่ยมฉัน…” ถังซีกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อไป “แล้วคุณเฉียวก็ทราบว่าแม่เขาไม่ยอมทานอาหาร เขาก็เลย…” ถังซีพยายามจะพูดต่อไป แต่กลับพบว่าเธอพูดไม่ได้

 

 

“เธอหมายถึงตอนที่เธออยู่ในอาการโคม่าหรือ” เฮ่อหว่านอีถาม

 

 

ขณะมองหน้าเฮ่อหว่านอีด้วยความซาบซึ้ง ราวกับว่าเฮ่อหว่านอีคือผู้ช่วยชีวิตเธอไว้ ถังซีพยักหน้าอย่างหนักแน่นและตอบว่า “ใช่ค่ะ ใช่ เมื่อกี้ฉันอธิบายให้คุณเฉียวฟังแล้ว ตอนนี้เราก็แก้ไขความเข้าใจผิดกันเรียบร้อยแล้ว”

 

 

“เฉียวเหลียงคุณสร้างความยุ่งยากทั้งหมดนี้ เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้น่ะหรือ” หยางมู่คุนกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ “ทำให้พวกเราตกใจกันหมด”

 

 

เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณหมายความว่า สุขภาพแม่ผมเป็นเรื่องไม่สำคัญ อย่างนั้นหรือ”

 

 

หยางมู่คุนรีบขอโทษทันที “เฮ้ย ขอโทษ ฉันพูดผิดไป!”

 

 

ทำไมเขาถึงทำอะไรก็ผิดไปหมด นี่เขาถูกสาปใช่ไหม

 

 

ในขณะที่คนอื่นๆ เชื่อคำพูดของถังซี แต่พี่น้องตระกูลเซียวไม่เชื่อ อาห้าบอกว่าเฉียวเหลียงคุยกับโหรวโหรวเรื่องถังซี และเมื่อกี้โหรวโหรวก็ดูท่าทางแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังพยายามสร้างเรื่องขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดก็โกหกไม่สำเร็จ

 

 

เซียวจิ่งกล่าวว่า “ตอนนี้ตีสองแล้ว โหรวโหรวเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ไม่ควรกลับบ้านดึกเกินไป เรากลับกันเถอะ” เขามองเฉียวเหลียงแล้วกล่าวต่อไป “คืนนี้พวกเราดื่มกันทุกคน นายช่วยไปส่งพวกเรากลับบ้านหน่อยได้ไหม” จากนั้นเขาก็หันไปมองอาห้าและคนของเฉียวเหลียง แล้วพูดต่อจนจบว่า “ส่วนพวกนายไปส่งคนอื่นๆ กลับบ้าน”

 

 

อาห้ามองหน้าเฉียวเหลียง ซึ่งพยักหน้าให้เป็นคำตอบ

 

 

อาห้าคิดว่านายน้อยต้องได้รับการคลี่คลายข้อสงสัยที่ต้องการแล้ว เพราะถ้าไม่เช่นนั้นนายน้อยจะไม่สงบนิ่งอย่างนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเห็นรอยยิ้มของนายน้อยอีกด้วย!

 

 

อาห้ามองถังซีด้วยท่าทางไม่แน่ใจ และขมวดคิ้วขณะคิดอยู่คนเดียว ‘นี่คือคุณถังใช่ไหม แต่เธอดูไม่เหมือนคุณถังเลย! ’

 

 

ในขณะที่คนอื่นๆ แยกย้ายกันไป พี่น้องตระกูลเซียวก็ไปขึ้นรถของพวกเขาพร้อมกับเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงขับรถให้ ขณะที่ถังซีนั่งในที่นั่งข้างคนขับ คนที่เหลือหรี่ตามอง ขณะขึ้นไปนั่งด้านหลังโดยไม่พูดอะไร ทันทีที่ประตูปิดลง เซียวจิ่งก็ถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เฉียวเหลียง นายควรอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายกำลังตามหาถังซีอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับโหรวโหรว”

 

 

เฉียวเหลียงหันมามองถังซีด้วยประกายตาลึกซึ้ง แต่เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอคิดว่าเธอควรนิ่งเงียบไว้จะดีกว่า

 

 

เฉียวเหลียงหันกลับมามองสามพี่น้อง ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมกับกล่าวว่า “พวกคุณอยากรู้อะไร”

 

 

เซียวเหยาถามว่า “ทำไมอาห้าถึงบอกว่าคุณไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ถ้าเป็นเรื่องของคุณถัง แล้วทำไมคุณถึงปฏิบัติต่อโหรวโหรวแปลกไป”

 

 

ถังซีใจหายวาบ เซียวเหยาเป็นคนมองอะไรออกได้โดยง่าย ดูเหมือนพวกเขากำลังจะรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่นางฟ้าน้อย…

 

 

เฮ้อ… ช่างยากลำบากเหลือเกินกว่าจะสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาได้ แต่แล้วเรื่องเหล่านั้นกลับกำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า

 

 

เฉียวเหลียงหันไปมองด้านข้างของถังซี เลี้ยวรถ และขับตรงไปยังทางเข้าสวนสาธารณะกลางเมือง จอดรถตรงหัวมุมแล้วกล่าวว่า “ลงมาก่อนครับ”

 

 

ทุกคนลงจากรถ ถังซีก็เช่นกัน เธอเดินเข้าไปหาเฉียวเหลียงโดยไม่รู้ตัว เมื่อเซียวเหยาคว้าปกเสื้อเธอไว้ และดึงเธอเข้ามาหาเขา ถังซีจึงหยุดเดินทันที หันมามอง แล้วยิ้มให้เซียวเหยา “พี่เหยา…”

 

 

เซียวเหยาส่งเสียงคำรามในลำคอแทนคำตอบ ก่อนจะหันไปมองเฉียวเหลียงซึ่งเอื้อมมือมาคว้ามือถังซี และเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจพี่น้องตระกูลเซียว เซียวจิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ กัดฟันขณะกล่าวว่า “เฉียวเหลียง อย่าให้ฉันต้องจัดการกับนาย ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”

 

 

เฉียวเหลียงจับมือถังซีไว้ มองดูสามพี่น้อง “ถามเธอก่อน ว่าอยากให้ฉันปล่อยเธอไหม”

 

 

จริงๆ แล้วถังซีหวั่นไหวไปกับการกระทำของเขา แต่เธอแกล้งทำเป็นโกรธ และตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ “ปล่อยฉัน!”

 

 

เฉียวเหลียงนิ่งขึง มองถังซีด้วยสายตาสุดเศร้า ทำให้เธอรู้สึกปวดร้าวหัวใจ เธอจึงกล่าวเสียงแผ่ว “ก็ได้ คุณจับมือฉันไว้ก็ได้” ให้ตายเถอะ… ดูเหมือนชายหนุ่มจะเรียนรู้ที่เรียกร้องประโยชน์จากความผิดของเธอเสียจริง รวมทั้งยังคงทำตัวน่าสงสารและใสซื่อตลอดเวลาต่อหน้าเธอ ตั้งแต่ที่ระเบียง เมื่อเขารู้เรื่องความผิดของเธอที่ทำกับเขา… ผู้ชายคนนี้คือเฉียวเหลียงที่เธอรู้จักจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย

 

 

ความหยิ่งทะนงของคุณอยู่ที่ไหน ความนับถือตัวเองของคุณหายไปไหนหมด!

 

 

รอยยิ้มที่ซ่อนอยู่สั่นไหวเบาๆ บนริมฝีปากเฉียวเหลียง ประกายวาววับพาดผ่านดวงตาเขา เซียวเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป เหวี่ยงหมัดเข้าใส่เขา เฉียวเหลียงตอบโต้ด้วยการดึงถังซีไปหลบข้างหลัง และก้าวออกมาต่อสู้กับเซียวเหยา สิบนาทีต่อมาทั้งคู่ไม่มีใครสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ถังซีสะกิดเซียวจิ่งถามว่า “อาเหลียงไปเรียนกังฟูมาตั้งแต่เมื่อไรคะ”

 

 

“โหรวโหรว!” เซียวจิ่งเบิกตาโตด้วยความตกใจ ‘สองคนนี้ไปสนิทสนมกันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร จนถึงขั้นเธอเรียกเฉียวเหลียงว่า ‘อาเหลียง’ ! ’

 

 

ถังซีรู้สึกตัวว่าเธอหลุดปากออกไปจึงหัวเราะกลบเกลื่อน และกล่าวต่อไปว่า “ก็พี่เหยาเป็นปรมาจารย์กังฟูไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าทั้งสองคนฝีมืออยู่ในระดับเดียวกันเลยล่ะ”

 

 

หลังจากยี่สิบนาทีของการต่อสู้ผ่านไป ชายหนุ่มทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุด เพราะทั้งคู่ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ เฉียวเหลียงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “คุณเซียวเหยาเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่คู่ควรจริงๆ คุณเก่งศิลปะการต่อสู้มากๆ”

 

 

เซียวเหยาตอบด้วยเสียงคำราม “ประธานเฉียวก็ไม่เลวเหมือนกัน”

 

 

เซียวจิ่งจ้องมองเฉียวเหลียง ขณะถามว่า “นายรู้จักตัวตนที่แท้จริงของพี่ชายฉันได้ยังไง”

 

 

เฉียวเหลียงกลอกตาไปมา “นายคิดว่าทุกคนโง่เหมือนนายหมดหรือ ไม่รู้แม้แต่หน้าที่การงานของพี่ชายตัวเอง ทั้งๆ ที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน”

 

 

เซียวส่ากล่าวว่า “เฉียวเหลียง คุณอย่าให้พวกเราคาดเดาเอาเอง พูดออกมา เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับโหรวโหรว”

 

 

เฉียวเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ซีซีประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกในวันที่เก้า กรกฎาคม”

 

 

เซียวเหยาขมวดคิ้ว “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับโหรวโหรว”

 

 

เซียวจิ่งกล่าวว่า “ในวันนั้นโหรวโหรวก็เข้าโรงพยาบาลเพราะถูกรถชน พี่จำได้ไหม”

 

 

เฉียวเหลียงพยักหน้า “ทีนี้พวกคุณอยากจะถามอะไรอีก”

 

 

ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นในความคิดของสามพี่น้อง ทั้งสามหันไปมองถังซีด้วยความประหลาดใจ ถังซีทำปากยื่น แล้วยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวขอโทษ “ขอโทษนะคะพี่ๆ จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพวกพี่เลย แต่เรื่องที่ฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังความตาย เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป ฉันก็เลยไม่รู้จะบอกพวกพี่เรื่องนี้อย่างไร”

 

 

“แต่ว่าเธอ…”

 

 

“ฉันได้รับความสามารถเหล่านั้น หลังจากฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้นแบบนี้”