ตอนที่ 1924 จุดอ่อนการปกป้องของฮ่องเต้ (3) / ตอนที่ 1925 จุดอ่อนการปกป้องของฮ่องเต้ (4)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1924 จุดอ่อนการปกป้องของฮ่องเต้ (3)

“คิดจะหนีงั้นหรือ” เมื่อเห็นว่าหัวหน้าหน่วยกำลังจะจากไป ริมฝีปากของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ที่ของข้าเป็นที่ที่เจ้าคิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปหรือ”

ตูม!

กลิ่นอายกดดันที่ทรงพลังถูกปล่อยออกมาจนทำให้หัวหน้าหน่วยตัวสั่นและทรุดตัวลงไปที่พื้นทันที เหงื่อไหลอาบทั่วร่างและสีหน้าของเขาก็ซีดราวกับศพ “เจ้าต้องการอะไร”

“คุกเข่าเอาหน้าผากโขกพื้นแล้วยอมรับความผิดซะ!”

“ทหารฆ่าได้แต่หยามไม่ได้!” หัวหน้าหน่วยเป็นคนเด็ดเดี่ยวขณะที่โกรธจนหน้าแดง

“อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะจบชีวิตเจ้าแล้วกัน” อวิ๋นลั่วเฟิงชักกระบี่ยาวของนางออกมา นางเงื้อกระบี่ฟันลงไปที่ศีรษะของหัวหน้าหน่วยด้วยท่าทีคล่องแคล่ว

หัวหน้าหน่วยปัสสาวะรดกางเกงด้วยความกลัวแล้วรีบคุกเข่าคำนับทันที “ท่านผู้กล้า ข้ารู้ความผิดของตัวเองแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”

ศักดิ์ศรีจะสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้แล้ว

ทันใดนั้นกระบี่ยาวก็หยุดและคมกระบี่ก็อยู่ห่างจากคอของเขาเพียงปลายนิ้วเท่านั้น ถ้าเขายอมรับความผิดช้าไปสักสองวินาทีก็คงเกิดฉากนองเลือดขึ้นแล้ว ถึงอย่างนั้นหัวหน้าหน่วยก็ยังหน้าซีดด้วยความกลัว เขารู้สึกเหมือนอยู่ใกล้เทพแห่งความตายจนกระทั่งหายใจยังลำบาก

“พูด ใครเป็นคนส่งเจ้ามา” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ผู้ติดตามขององค์ชายสามไม่น่าธรรมดาแบบนี้”

ถึงแม้ว่าองค์ชายจะไร้ประโยชน์แต่ฮ่องเต้ก็ตามใจเขาดังนั้นเขาต้องส่งทหารชั้นยอดมาปกป้ององค์ชายสามแน่นอนแต่ทหารพวกนี้ความสามารถธรรมดาและอ่อนแอมาก!

“เป็น…เป็นคุณหนูรองตระกูลเจี่ยน นางมาร้องเรียนและบอกว่าเจ้าเป็นคนทำร้ายองค์ชายสาม เพื่อที่จะได้ความดีความชอบจากองค์ชายสาม ข้าจึงลงมือด้วยตัวเองก่อน”

คุณหนูรองตระกูลเจี่ยนงั้นหรือ

เจี่ยนอี้?

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา ดูเหมือนว่าวันนั้นตระกูลเจี่ยนก็จะอยู่ที่โรงเตี๊ยมเทียนฉีเหมือนกัน

ตอนนั้นนางสังเกตเห็นแค่โม่เชียนเฉิงและไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่บ้าง เมื่อคิดได้แบบนี้อวิ๋นลั่วเฟิงก็กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วเห็นเจี่ยนอี้อยู่ในฝูงชน

สีหน้าของเจี่ยนอี้เปลี่ยนเป็นซีดขาวด้วยความกลัวขณะที่ร่างของนางสั่นน้อยๆ

ถึงแม้ว่าทหารเหล่าจะอ่อนแอแต่เจี่ยนอี้ก็ไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะกล้าขู่พวกเขาเพื่อให้เปิดโปงตัวตนของนาง เรื่องที่น่าตลกก็คือเจี่ยนอี้ลืมไปว่าในเมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงกล้าทำร้ายองค์ชายสามแล้วจะยังมีอะไรที่นางไม่กล้าทำอีก

การมีสมองที่ดีก็เป็นข้อได้เปรียบแต่โชคร้ายที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีมัน

หลังจากที่เห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกำลังมองมาที่นาง เจี่ยนอี้ก็หวาดกลัวและต้องการจะหนี แต่ทันทีที่นางหันหลังก็มีร่างที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงขวางทางนางเอาไว้

เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดสีแดงมองนางพร้อมหัวเราะเบาๆ “นายหญิงของข้าไม่ได้บอกให้เจ้าไปได้แล้วใครอนุญาตให้เจ้าไป”

“ไสหัวไป!” เจี่ยนอี้ตะโกนอย่างเดือดดาลแล้วตั้งใจจะตีเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้แล้วนางก็เงื้อมือขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยก็มืดครึ้ม หมัดของนางต่อยเข้าไปที่ตัวของเจี่ยนอี้จนเกิดเสียงดังและทำให้นางกระเด็นไปกระแทกกับโรงเตี๊ยมแล้วบังเอิญไปหยุดตรงข้างตัวอวิ๋นลั่วเฟิงพอดี

ตอนแรกหั่วหั่วปรากฏตัวในร่างของจิ้งจอกแปดหาง ทำให้เจี่ยนอี้ไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านางคนนี้จะเป็นจิ้งจอกเพลิงที่ดุร้ายเมื่อสักครู่

เจี่ยนอี้นวดแขนที่ปวดของนางแล้วพยายามจะยืนขึ้น แต่ว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมานางก็ได้รับสายตาเย็นเหยียบเข้ากระดูกแล้วทันใดนั้นความคิดนางก็ระเบิดทันที

อวิ๋นลั่วเฟิงกอดออกแล้วมองเจี่ยนอี้ด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “ข้ารู้ว่าตระกูลเจี่ยนไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีที่โง่เง่าแบบนี้ เจ้าคิดว่าทหารพวกนี้จะเอาชนะข้าได้งั้นหรือ”

ตอนที่ 1925 จุดอ่อนการปกป้องของฮ่องเต้ (4)

เจี่ยนอี้เข้าใจความหมายอีกอย่างในคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ตลอดมาสตรีผู้นี้ไม่เคยคิดว่าตระกูลเจี่ยนมีค่าอะไรเลย! การที่นางไม่ทำลายตระกูลเจี่ยนไปตั้งแต่คืนนั้นไม่ใช่เพราะนางกลัวราชวงศ์แต่…นางไม่เชื่อว่าตระกูลเจี่ยนจะสร้างปัญหาอะไรให้นางได้

เจี่ยนอี้จ้องนางอย่างตื่นตระหนก นางรู้ดีว่าบิดาของนางเกลียดอวิ๋นลั่วเฟิงแต่นางรู้สึกว่าตระกูลเจี่ยนไม่สามารถเอาชนะนางได้แน่นอน

ไม่สิ! ไม่ใช่แค่ตระกูลเจี่ยน ไม่แน่ว่าแม้แต่ราชวงศ์ก็ยังไม่คู่ต่อสู้ของนาง!

ตลอดชีวิตของนาง เจี่ยนอี้พึ่งจะฉลาดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ก็สายเกินไปแล้ว…

“ฉีซู มุ่งหน้าไปแจ้งตระกูลเจี่ยนว่าให้เขาเอาหุบเขาสมุนไพรพลังฌานสองลูกมาแลกกับชีวิตของเจี่ยนอี้!”

ไม่ใช่ว่าตระกูลเจี่ยนอยากได้หุบเขาสมุนไพรพลังฌานของตระกูลฉีหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นนางก็จะให้เจี่ยนปั๋วเหวินยกหุบเขาสองลูกให้นางด้วยมือตัวเอง

ฉีซูลังเลแล้วถามว่า “คนโลภมากอย่างเจี่ยนปั๋วเหวินจะยอมรับเงื่อนไขนี้หรือ”

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มก่อนจะพูดว่า “เขาจะตกลงเพราะเขาเหลือเจี่ยนอี้เพียงคนเดียวที่มีค่า”

ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี้จะไร้สมองแต่นางก็มีหน้าตาเหนือสามัญ ในบรรดาบุตรสาวทั้งสามคน คนหนึ่งตายอีกคนก็พิการ มีแค่เจี่ยนอี้ที่ยังอยู่ดี ถ้าเจี่ยนปั๋วเหวินต้องการใช้บุตรสาวแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินจำนวนมาก เขาก็ต้องยอมยกหุบเขาสมุนไพรพลังฌานให้นางแน่นอน!

“หั่วหั่ว ช่วยเผ่าหนูหาทองจับตาดูเจี่ยนอี้ไว้ อย่าให้นางหนีไปได้” หลังจากที่ออกคำสั่งเสร็จแล้ว อว๋นลั่วเฟิงก็ส่งฉาฉากลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เซียนโอสถขณะที่กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง

ตอนนั้นเองนางไม่รู้เลยว่าจะมีพายุรุนแรงเกิดขึ้นภายในการประชุมของอาณาจักรเทียนฉี

ท้องพระโรง

ฉีปาเหอนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้มังกรด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและดวงตาที่คมจริงจัง “เจ้ารอง สตรีที่ทำร้ายเจ้าสามอยู่ที่ไหน รีบเอาตัวนางมาเดี๋ยวนี้!”

ฉีหลิงยังคงทำหน้านิ่งและพูดว่า “เสด็จพ่อ เรื่องนี้เป็นความผิดของน้องสาม ถ้าเขาไม่พยายามกินเต้าหู้ [1] แม่นางอวิ๋น นางก็คงไม่ตอบโต้”

“สามหาว!” ฉีปาเหอดุด่าอย่างเข้มงวด “ในฐานะองค์ชาย เจ้าสามจะมีความผิดอะไร ในสายตาของข้าสตรีผู้นั้นต้องเป็นนางโลมขายร่างกายแน่ แมลงวันไม่ยุ่งกับไข่ที่ไม่แตกและถ้านางไม่ได้ทำตัวให้ท่า เหตุใดเจ้าสามถึงต้องปลายตามมองนางด้วย”

ในสายตาของฉีปาเหอเมื่อใดที่บุรุษชื่นชอบสตรีสาเหตุทุกอย่างก็เป็นเพราะสตรีผู้นั้นต้องมายั่วยวน ไม่อย่างนั้นเหตุใดองค์ชายสามถึงไม่ไปเกี้ยวพาคนอื่นแต่มากินเต้าหู้นาง

ไม่ใช่ว่าเพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากที่นางมายั่วยวนองค์ชายสามหรอกหรือ

ขุนนางและทหารถอนหายใจและส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ถึงแม้ว่าในอดีตฮ่องเต้จะไม่ได้นับว่าเป็นคนฉลาดอะไรแต่เขาไม่เคยโง่และทำตัวเป็นเผด็จการแบบนี้มาก่อน ตอนนี้การกระทำของเขาทำให้หัวใจของพวกเขาแตกสลาย

ฉีหลิงกำหมัด เขารู้ว่าเสด็จพ่อลำเอียงแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะลำเอียงขนาดที่ไม่รู้ถูกผิด

“เสด็จพ่ออย่าบอกลูกนะว่า เสด็จพ่อคิดว่าเป็นความผิดของสตรีที่เกิดมางดงามและเป็นเพราะใบหน้าของพวกนางที่ทำให้บุรุษทำตัวไร้ศีลธรรมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ บุรุษเป็นผู้บริสุทธิ์ในขณะที่สตรีเป็นฝ่ายผิดงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉีหลิงหัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นจะมีสตรีคนใดในโลกนี้บ้างที่เป็นผู้บริสุทธิ์ เสด็จพ่อบอกลูกได้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกนางต้องทนรับผิดอย่างไร้เหตุผลแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท…” ทันทีที่ฉีปาเหอตั้งใจจะพูด สตรีงดงามผู้หนึ่งก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดขณะพูดว่า “ฝ่าบาทต้องทวงความยุติธรรมให้บุตรชายหม่อมฉันนะเพคะ! หม่อมฉันเข้าใจนิสัยขององค์ชายดีที่สุด เขาเชื่อฟังและมีความประพฤติที่ดี เขาไม่มีทางทำเรื่องหยาบคายแบบนั้นแน่นอนเพคะ ต้องมีคนใส่ร้ายเขาแน่ๆ!”

เมื่อเห็นว่าสนมรักของเขาร้องไห้ หัวใจของฉีปาเหอก็อ่อนยวบ สายตาคมกริบของเขาหันไปหาฉีหลิง “เจ้าสอง ข้ารู้ว่าเจ้าปฏิเสธที่จะรับรู้การมีอยู่ของน้องชายของเจ้า แต่ว่าท่านราชครูเคยพูดว่าอนาคตของเจ้าสามไร้ที่สิ้นสุดและเขาจะได้บัลลังก์ในอนาคต เขาจะนำพาอาณาจักรเทียนฉีของพวกเราไปรวบรวมอาณาจักรทั้งสี่เป็นแผ่นเดียว! ดังนั้นในฐานะพี่ชาย เจ้าไม่ใช่แค่ทำตัวไร้ประโยชน์แต่ยังสมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอกวางแผนทำร้ายชีวิตเขาอีก เจ้ามีความคิดชั่วร้ายอะไรเก็บไว้ในใจกันแน่”

——

[1] ลวนลาม