บทที่ 342 นอกจากจะแต่งงานกับเขาด้วยความยินยอมพร้อมใจ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 342 นอกจากจะแต่งงานกับเขาด้วยความยินยอมพร้อมใจ
เวินเส้าหยีไม่กล้าเงยหน้ามองดูกู้ชูหน่วน เขากลัวว่ามองแล้ว ตัวเองจะทนไม่ได้

กลางหน้าผา ร่างกายของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าหยีขดจนเป็นก้อนหนึ่ง ล้วนพยายามอดทนสุดชีวิต

ลมอ่อนๆพัดผ่าน พัดคลื่นความร้อนของหินหลอมเหลวขึ้นมาเป็นชั้นๆ ที่พัดขึ้นมาเป็นลมร้อน ไม่มีความเย็นแม้แต่น้อย

ทรมานเป็นที่สุด เวินเส้าหยีพยายามนั่งสมาธิ ปากท่องพระคัมภีร์ไม่หยุด หวังให้จิตใจสงบและจะเย็นโดยธรรมชาติ

กู้ชูหน่วนทนไม่ไหวแล้วระเบิดคำหยาบออกมาประโยคหนึ่ง “แม่งเอ๊ย เวลานี้ยังท่องพระคัมภีร์อะไรอีก หากว่าพระคัมภีร์ได้ผล แม่หมูก็ขึ้นต้นไม้ได้แล้ว ”

หรือเขาไม่รู้ว่า เขาปิดปากยังจะดีซะกว่า พอเขาเปิดปาก ก็จะเป็นเพียงการกระตุ้นความปรารถนาที่ยากจะฝืนกลั้นของนางเท่านั้น

คิ้วสีหมึกอันงดงามของเวินเส้าหยีขมวดแน่นจนเป็นก้อนเดียว

เขาแทบจะทนไม่ได้แล้ว ความรู้สึกประเภทนี้จะบอกว่าขอชีวิตรอดก็ไม่ได้ ขอความตายก็ไม่สามารถ ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด

พระคัมภีร์ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจอันร้อนรนของเขาดีขึ้นได้สักน้อย

เวินเส้าหยียอมแพ้ไปตรงๆ แต่ยังคงพิงอยู่กับกำแพงหิน ร่างกายขดเป็นก้อนอย่างจนปัญญา

“แม่งเอ๊ย ข้าทนไม่ได้แล้ว”

กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ เวินเส้าหยีมีสมาธิมากเกินไป หรือเดิมทีแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายกันแน่

โดนดอกรัญจวนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่ายังจะสามารถทนได้ถึงตอนนี้

นางคิดว่า แม้จะต้องโถมเข้ามา ก็ต้องเป็นเวินเส้าหยีโถมตัวเข้ามาก่อน

จะรู้ได้อย่างไรว่าเขายอมตายก็ไม่กล้าโผเข้ามา

“เจ้า……เจ้าทำอะไร……ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้”

เห็นว่ากู้ชูหน่วนเข้ามา เวินเส้าหยีตื่นตระหนกทันที และไม่รู้ว่าพลังมาจากไหน ร่างกายพลิกไปด้านข้างทีหนึ่ง ห่างออกจากกู้ชูหน่วนไปไกล เว้นระยะห่างกับนางพอควร

“ใต้หน้าผา ไม่ว่าพวกเราจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีคนเห็น ข้าเป็นผู้หญิงยังไม่กลัว เจ้าเป็นผู้ชายจะกลัวอะไร”

ในหัวของเวินเส้าหยีมีเสียงชนิดหนึ่ง โห่ร้องไห้คลอเคลียกับกู้ชูหน่วนอยู่ตลอด แต่อีกเสียง ก็ห้ามปรามอย่างดุเดือด

ร่างกายเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังภายในถูกดูดไปแปดส่วนในพริบตา เดิมทีก็เป็นเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด และตอนนี้ก็ยังโดนพิษที่รุนแรงอีก ในเวลาอันสั้น แม้แต่กู้ชูหน่วนที่โผเข้ามาเขาก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว ถูกนางโถมให้ล้มลงไปอยู่ด้านล่างโดยตรง  

“เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่ในป่าเขาทุรกันดาร เจ้าว่าข้าต้องการจะทำอะไร?”

แววตาของกู้ชูหน่วนไม่ชัดเจน คิดจะจัดการกับเวินเส้าหยี ณ ที่นั้น

ไม่รู้ว่าทำไม ในสมองของนางถึงได้สะท้อนใบหน้าอันสง่างามนั่นของเย่จิ่งหานอยู่ไม่หยุด

ความเดือดดาลของเขา ความบ้าอำนาจของเขา ความใจดำของเขา ความยโสของเขา ความรักและเอ็นดูของเขา ความโง่ของเขา…….

กู้ชูหน่วนตบศีรษะ อยากสลัดเงาของเย่จิ่งหานทิ้ง

ยิ่งพยายามคิดจะเพิกเฉยต่อเย่จิ่งหาน

ใบหน้าของเย่จิ่งหานก็ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

กู้ชูหน่วนสับสนอยู่ครู่หนึ่ง

ฉวยโอกาสช่วงเวลาว่าง เวินเส้าหยีก็ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ดิ้นหลุดจากกู้ชูหน่วน เคลื่อนไปด้านข้าง พยายามรักษาระยะห่างจากกู้ชูหน่วนสุดความสามารถ

“หากเจ้าและข้าเกิดความสัมพันธ์อะไรขึ้นในตอนนี้ วันหนึ่งในอนาคต เจ้าจะเสียใจ”

เขาไม่ยอมฉวยโอกาสตอนคนอื่นเดือดร้อน แย่งชิงความบริสุทธิ์ของนาง

ผู้ที่เขาเวินเส้าหยีจะแต่งงานด้วย เว้นแต่จะเต็มใจแต่งงานกับเขา ไม่เช่นนั้น เขาไม่ต้องการทั้งสิ้น

ทั้งชีวิตนี้ เขาจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนใด นอกจากภรรยาในอนาคตของเขาเอง

กู้ชูหน่วนแทบจะกัดฟันของตัวเองให้แตก

เวินเส้าหยีอยู่ในขีดอันตรายแล้ว ก็ยังคงพยายามคุมอารมณ์ไว้

หากในเวลานี้นางแปดเปื้อนไปกับเขา ก็เท่ากับการทิ้งรอยดำไว้ในจิตใจอันขาวสะอาดของผู้บริสุทธิ์ตลอดไปแล้วหรือ?

เมื่อมองไปที่เวินเส้าหยีอีกครั้ง หยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นอย่างสั่นเทา ใส่ไปกัดไว้แน่นตรงฟันที่เรียงตรงขาวสะอาด สู้ตายเพื่อไม่ให้ตัวเองเปล่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย

มือของเขาหมดทางช่วยเป็นที่สุด ราวกับว่าวางไว้ในสายตา ก็ไม่มีทางจะบรรเทาความเจ็บปวดได้

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความอดทนยิ่งกว่า

คนเช่นนี้ จะบอกนางลงมือได้อย่างไร