ตอนที่ 65 สาวน้อย

The rise of the white lotus

ตอนที่ 65 สาวน้อย

 

เล็กซี่ลากแขนของอีธานเข้าไปในลิฟต์ และเธอก็ปล่อยแขนของเขาไปโดยทันทีขณะที่กดปุ่มลงชั้นล่าง

 

“ คุณไม่รู้หรือไงว่าคุณเพิ่งหายป่วย ทําไมคุณถึงดื่มถึงดื่มหนักขนาดนี้ อยากทําลายตับเล่นหรือไง? ” หลังจากนั้นไม่นาน เล็กซี่ก็ทําลายความเงียบที่น่าอึดอัดที่ปกคลุมทั้งลิฟต์ขณะที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันอีก

 

อีธานเอนหลังไปด้านข้าง ในขณะที่เขาเอียงศีรษะไปข้างหลังและหลับตาลง เขาสอดมือข้างนึงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งวางอยู่บนราวที่อยู่รอบลิฟต์

 

ไม่เหมือนคนขี้เล่นอย่างก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างออร่าที่มีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้ของเขาค่อยๆหายไป ในขณะที่เขาพิงร่างของเขาไว้ที่มุมลิฟต์ เวลาดูเหมือนจะเดินช้าลงเมื่อเล็กซี่ได้ยินเสียงนาฬิกาข้อมือน้ําหนักเบาของเธอ

 

“ ผมเบื่อ…ตอนที่คุณกลับไปแล้ว ” ในที่สุดอีธานก็ทําลายความเงียบที่น่าอึดอัดที่ล้อมรอบ พวกเขาในที่สุดขณะที่เขาอธิบายเหตุผลหลักที่ทําให้เขาไปงานปาร์ตี้ที่น่าเบื่อ

 

“ เอ่อ อย่างนั้นเหรอ…” เล็กซี่พึมพํา เธอน่าจะเดาได้ว่าอีธานจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองในช่วงเวลาที่เขาได้รับอิสรภาพจากการพักฟื้นตัวตามคําสั่งแพทย์ อนิจจาเธอรู้สึกหงุดหงิดกับมอริสมากพอแล้ว และไม่มีแรงแม้แต่น้อยที่จะกังวลเกี่ยวกับปัญหาชีวิตของอีธาน ท้ายที่สุดเขาก็เป็นแบบนั้นในมุมมองของเธอ และเขาก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้

 

“เขาคิดถึงคุณแน่ๆ ชู ” ชูรูโยกแขนที่นุ่มนิ่มของเธอไปมา ขณะที่เธอจิ้มไปที่แก้มของเล็กซี่ แต่ว่าเล็กซี่เลือกที่จะเพิกเฉยต่อความคิดเห็นที่ไม่รู้จับมาเชื่อมโยงยังไงของเกี่ยวน้อยตรงหน้านี้

 

เป็นอีกครั้งที่ได้ยินเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาของพวกเขาขณะที่ทั้งคู่ต่างก็จมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง เล็กซี่เหลือบมองไปที่ตัวเลขดิจิทัลด้านบนซึ่งระบุว่าพวกเขาอยู่ที่ชั้นใด ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกว่าช่วงเวลาในการลงไปชั้นล่างช้ากว่าเวลาที่เธอขึ้นไปที่ห้องทํางานของมอริสหลิวมาก

 

ทันใกนั้นอีธานก็ถามออกมาซึ่งทําให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ขณะที่เธอคุ้นเคยกับความเงียบ เล็กซี่ ไม่ได้หันหน้าไปหาอีธานด้วยเหตุผลบางอย่างในใจ เธอครุ่นคิดถึงคําตอบที่เหมาะสมที่จะตอบเขา

 

” คุณไม่ระวังตัวเลยรู้ตัวรู้ไหม ทําไมคุณถึงคิดไปหาผู้ชายในตอนกลางคืนกัน “ เขาเอ่ยต่อเมื่อไม่มีการตอบสนอง อีธานไม่ได้ขยับออกจากตําแหน่งที่เขาอยู่ เขาพยายามทําให้ตัวเองเงียบขึ้น ส่วนหนึ่งของเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่โดยดีเขาก็เข้าใจว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา

 

เขาอาจจะเมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขนาดหมดสติกับการกระทําของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงที่ไม่ชัดเจนของเล็กซี่ และมันทําให้เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เขาไม่โง่พอที่จะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด และเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าใจผิดใช่ไหม ถึงกระนั้นเขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับความสะเพร่าของเล็กซี่

 

เธอเชื่อใจมอริสมากขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือเธอเต็มใจที่จะคืนดีกับเขา? มันทําให้เขาแทบจะสร้างเมา เมื่อในหัววนเวียนแต่เรื่องนี้ไปมา

 

“ ฉันคงโกหกถ้าฉันบอกว่าไม่… แต่ฉันไม่อยากอยู่กับความรู้สึกที่ค้างคาอีกแล้ว ฉันแค่อยากจะเดินหน้าต่อไป และใช่ ฉันเชื่อใจเขามาก คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ” เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งใด ๆ กับงานหลักของเธอ เล็กซี่จึงชี้แจงออกไป เป็นเรื่องดีที่อีธานถามมันเร็วกว่านี้ มิฉะนั้นอาจนําไปสู่ความเข้าใจผิดในอนาคตได้

 

“คุณภารกิจแรก นั่นมันก็แค่ข้ออ้างนั่นแหละชู” ชูรูบินไปบนไหล่ที่ผ่อนคลายลงของอีธาน และกระซิบเหตุผลหลักของเธอ

 

ทันใดนั้นเสียงของลิฟต์อาคารดังก้องก่อนที่จะเปิดออก คราวนี้มันพาตรงไปยังที่จอดรถของบริษัทเลย

 

” ไปกันเถอะ “ เล็กซี่พึมพําขณะที่เธอเริ่มก้าวออกไปนอกลิฟต์ อนิจจาเธอหยุดเมื่อออกจากลิฟต์และหันหน้ากลับไปที่ร่างที่ไม่เคลื่อนไหวของอีธาน

 

เธอขมวดคิ้วอย่างงุนงง เธองงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเขา อย่างไรก็ตามเล็กซี่ไม่ได้คาดเดาเกมใด ๆ ในขณะที่เธอรีบเดินไปหาเขาและหยุดมือของเธอไว้ระหว่างประตูลิฟต์ที่กําลังจะปิดอยู่ซึ่งทําให้มันเปิดออกอีกครั้ง

 

” ผมไม่ต้องการนั่งรถ….คุณกลับบ้านไปเถอะ” อีธานพูดอย่างไม่กระตือรือร้น ขณะที่เขาเป่าลมหายใจออกมา อีธานก็หลับตาลงและร่างกายทั้งหมดเอนไปที่มุมลิฟต์

 

* ใครบอกว่าฉันจะกลับบ้าน”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้คิ้วของอีธานก็ย่น ตาเรียวยาวของเขาค่อยๆเปิดออก เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของผู้หญิงตรงหน้าเขา ด้านข้างของริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ

 

” อ้าว แล้วคุณจะลากผมไปไหน? ” แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังคงเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาก็ดูง่วงงุนและผมของเขายุ่งอย่าน่าตลกอีธานมีสายตาที่อ่อนโยนวนเวียนอยู่ในดวงตาสีน้าตาลเข้มของเขา

 

” คุณไม่ได้อ้างว่าคุณเป็นเพื่อนของฉันหรือไง ตอนนี้ฉันต้องการเพื่อนพอดี ” เล็กซี่พูดด้วยน้ําเสียงชัดถ้อยชัดคํา ขณะที่เธอเลิกคิ้ว

 

อีธานหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เขาไม่พบว่าตัวเองจะปฏิเสธในสิ่งที่เธอเรียกว่า เพื่อน หรือมากกว่านั้น คําว่า “ไม่” ก็ดูเหมือนจะถูกลบหายไปในศัพท์ของเขาในทันทีเช่นกัน

 

“ ก็ได้ๆ สาวน้อย “ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดงความพ่ายแพ้ พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนใจ