ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1455 – พันธมิตรระหว่างทั้งสามจักรวรรดิใหญ่ รัศมีแห่งเทพสงคราม

 

การต่อสู้เริ่มสงบลง ตอนนี้ภายในนิกายตะวันฉายนั้นเหลือเพียงบ้านที่ว่างเปล่าเท่านั้น ยังมีสาวกที่จงรักภักดีบางคนของนิกายตะวันฉายที่กล้าพุ่งเข้ามาโจมตีกลุ่มของชิงสุ่ย แต่สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นคือความตายของพวกเขาเท่านั้น

 

อันที่จริงแล้วมีคนไม่มากที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ คนที่ตายส่วนใหญ่เป็นเพียงเสาหลักของนิกายตะวันฉายเท่านั้น แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดของพวกเขายังมีบางคนที่ไม่ได้อยู่ภายในนิกายในตอนนี้ แต่พวกเขาคงต้องหนีออกไปให้ไกลกว่าเดิมเมื่อข่าวเรื่องนี้กระจายออกไป เพราะนิกายตะวันฉายถูฏทำลายไปแล้วในตอนนี้

 

การกำจัดการนิกายครั้งแรกของพวกเขาอาจถือว่าเป็นไปได้ค่อนข้างดี เพียงแต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปกลับมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น หากไม่มีชิงสุ่ย ถานท่าย หลิงเยียนย่อมต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน หรือแย่ที่สุดคือนางอาจจะถึงตายเลยก็เป็นได้ ทักษะสังหารไร้ปรานีนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าหลังจากที่ใช้ไปแล้วนั้นมันจะทำให้ชายชราอ่อนแอลงแต่พลังของมันนั้นก็น่ากลัวอย่างยิ่ง

 

แน่นอนว่าทักษะสังหารไร้ปรานีนั้นแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ขั้นที่ 3 ขั้นที่ 6 และขั้นที่ 9 ตามลำดับ ทักษะสังหารไร้ปรานีที่ชายชราใช้นั้นย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะไม่อย่างนั้นชิงสุ่ยคงไม่ใช้เกราะทองคำวชิระของเขาเพื่อรับการโจมตีครั้งนี้

 

เมื่อชายชราอ่อนแอลงไปพลังของเขาก็อยู่ในระดับเดียวกันกับฮัว รูเหม่ยและซาน ยูเท่านั้น เดิมทีชิงสุ่ยคิดว่าพลังป้องกันของเขาที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากเกราะทองคำวชิระนั้นเพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีครั้งนี้ได้ แต่การโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาต้องประหลาดใจ

 

ด้วยง้าวทองทะลวงศัตรู ทักษะวชิระจู่โจมของชิงสุ่ยนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พลังของมันในตอนนี้มากกว่า 100 ล้านสุริยา แน่นอนว่ามันทรงพลังอย่างยิ่งแต่ข้อเสียอย่างเดียวคือมันสามารถใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น นอกจากนี้การปะทะคนอย่างบรรพบุรุษของมหาทวีปมังกรอหังกาลนั้นถือว่าตึงมือยิ่งนักและอาจทำให้เขาต้องบาดเจ็บสาหัสได้และไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสแพ้เลย เพราะชายชราที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อาจจะมีพลังมากกว่า 150 ล้านสุริยาหลังจากที่โดนเขาลดพลังลงไปแล้วก็เป็นได้

 

ความจริงแล้วชิงสุ่ยยังไม่ได้ใช้ทักษะวชิระจู่โจมในการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ถึงเวลาคับขันจริงๆเขาคงไม่ใช้ไพ่ตายของตนเองออกไป เคล็ดวิชานี้จะมีผลมากที่สุดเมื่อมันได้ใช้ออกมาในเวลาที่เหมาะสม

 

เมื่อกลุ่มของเขากำลังจะไปจากที่นี่ก็มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย ใครมาที่นี่อีกในเวลาเช่นนี้?

 

“คนของจักรวรรดิตะวันฉาย” ชิงสุ่ยก็สงบจิตใจของเขาได้อย่างรวดเร็ว

 

กลุ่มคนที่มาก็ไม่ใช่ใครนอกจากคนของจักรวรรดิตะวันฉาย ชิงสุ่ยรับรู้ได้จากชุดของพวกเขา กลุ่มคนที่มาที่นี่ต่างก็เป็นชายชราทั้งหมดและชุดของพวกเขามีรูปดวงอาทิตย์ส่องแสงปักอยู่บนนั้น รูปดวงตาอาทิตย์นี้ปักอยู่ที่แขนเสื้อของพวกเขาซึ่งอาจทำให้สังเกตเห็นได้ยากเล็กน้อย

 

ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาได้หันไปดูกลุ่มคนที่กำลังเข้ามาใกล้ พวกเขามี 5 คน พวกเขาเรียกสัตว์อสูรของตนเองออกมาทันทีและหยุดลงที่ระยะไม่ไกลจากกลุ่มของชิงสุ่ย

 

“พวกท่านมาจากพระราชวังจอมอสูรงั้นหรือ? น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นพวกท่านที่นี่” ชายชราที่มีสีหน้าดูผ่อนคลายได้กล่าวขึ้น

 

“ผู้อาวุโส ข้าสงสัยว่าพวกท่านมาจากจักรวรรดิตะวันฉายใช่ไหม? ใช่แล้วพวกเรามาจากพระราชวังจอมอสูรและพวกเราได้ทำลายนิกายตะวันฉายไปเล็กน้อย พวกท่านปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันดังนั้นพวกเราจึงไม่มีโอกาสได้ทักทาย ต้องขออภัยด้วย” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงธรรมดาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิตะวันฉาย

 

ดวงตาของชายชราเปร่งประกายขึ้น เขามองมาที่ชิงสุ่ยจากนั้นก็หันไปมองถานท่าย หลิงเยียน ซาน ยูและฮัว รูเหม่ยนั้นก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของเขาไปได้ จากนั้นความประหลาดใจในสายตาของเขาก็เด่นชัดยิ่งขึ้น เขายิ้มและกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว พวกเราเพียงมาที่นี่เพราะได้ยินเสียงดังเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะยังไงพวกท่านก็อยู่ภายในจักรวรรดิตะวันฉาย”

 

“ท่านผู้อาวุโส จักรวรรดิภายในมหาทวีปมังกรอหังกาลนั้นค่อนข้างอ่อนแอในด้านของพลัง จักรวรรดิตะวันฉายนั้นมีแผนการใดที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นหลังจากที่คิดครู่หนึ่ง

 

แม้จะมีสามจักรวรรดิใหญ่และจักรวรรดิเล็กๆมากมายนับไม่ถ้วนทั่วทั้งมหาทวีป ความจริงแล้วพลังของจักรวรรดิทั้งหมดนั้นยังด้อยกว่าตระกูลขุนนางอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเมื่อทันทีที่พวกเขาได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายขึ้น หลังจากนั้นพวกเขาก็ถอดหายใจและก็กล่าวว่า “หากเป็นไปได้จริงๆพวกเราก็อยากจะทำให้ดีกว่านี้”

 

พลังเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากที่สุด ไม่ใช่เพียงแต่พลังของบุคคลแต่ยังรวมไปถึงพลังของนิกายหรือตระกูลด้วยเช่นกัน ใครล่ะจะไม่อยากเป็นคนที่ทรงพลังมากที่สุด? ใครล่ะจะไม่อยากให้ตระกูลของตนเองนั้นทรงพลังมากที่สุด? สิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น

 

“เหตุผลที่จักรวรรดิต่างๆไม่ได้ทรงพลังนั้นเพราะพวกเขาไม่ได้ เป็นหนึ่งเดียวกัน ในด้านของความคิดจักรวรรดินั้นไม่ได้ลึกซึ้งมากนัก ทั้งสามจักรวรรดิใหญ่นั้นก็ต่างมีพลังที่เท่าเทียมกัน แม้ว่าหากพวกเขาจะจับมือเป็นพันธมิตรกันแต่ก็คงจะไม่ยอมฟังคำสั่งของกันและกันอย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อชายชราได้ฟังที่เขากล่าวก็พยักหน้า “มันตรงตามที่ท่านได้กล่าว แล้วท่านมีความคิดดีๆหรือไม่?”

 

“หากเป็นไปได้ ทั้งสามจักรวรรดิใหญ่ควรนั่งลงและพูดคุยกัน ข้าเองก็มีความสัมพันธ์กับจักรวรรดิเหยียน จักรวรรดิเหยียนย่อมยินดีที่จะมอบสิ่งที่พวกเขามีออกไป สำหรับพวกท่านอีกสองจักรวรรดิท่านสามารถเลือกบุคคลที่มีคุณธรรมและชื่อเสียงที่ดีที่ามารถโน้มน้าวให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันมาเป็นผู้นำของพันธมิตรได้ที่รวมตัวกันได้ หลังจากนั้นแต่ละจักรวรรดิควรเลือกผูาอาวุโสสักคนมาเพื่อเป็นตัวแทนของจักรวรรดิ เช่นเดียวกันผู้อาวุโสที่มานั้นควรมีความยุติธรรมและมีชื่อเสียงที่ดี ควรเป็นผู้ที่มองอนาคตกว้างไกล ผู้คนจะได้คล้อยตามได้ ท่านเข้าใจหรือไม่?” ชิงสุ่ยแนะนำออกไปหลังจากที่คิดครู่หนึ่ง

 

ชิงสุ่ยกำลังมองหาพันธมิตร ไม่ว่ายังไงเขาก็ได้มีความสัมพันธ์กับจักรวรรดิเหยียนแล้ว เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง เขายังมั่นใจว่าความสำเร็จในอนาคตของเขาจะไปพร้อมกับทั้งสามจักรวรรดิใหญ่ สำหรับในตอนนี้เขายังต้องการพลังของทั้งสามจักรวรรดิใหญ่

 

“ข้าต้องกลับไปหารือเรื่องนี้ก่อน แต่ข้าก็ขอบอกได้เลยว่าโอกาสที่เป็นไปได้นั้นมากยิ่งนัก นอกจากนี้ข้ายังต้องขอบคุณพวกท่านที่ช่วยกำจัดนิกายหยางสวรรค์” ชายชรายิ้มและกล่าวขอบคุณชิงสุ่ย

 

ทั้งสามจักรวรรดิใหญ่นั้นมียอดฝีมืออยู่มากมาย แต่สำหรับยอดฝีมืออในระดับสูงสุดนั้น จักรวรรดิเหยียนมีมากที่สุด ดังนั้นแม้จักรวรรดิเหยียนจะมีประชากรน้อยที่สุดแต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหตุผลหลักก็เพราะผู้อาวุโสหลู่อยู่ที่นั่น หากเขาเป็นคนของจักรวรรดิเหยียนไม่นานจักรวรรดิเหยียนย่อมเหนือกว่าอีก 2 จักรวรรดิอย่างแน่นอน

 

ชายชราเชิญชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาไปที่จักรวรรดิตะวันฉาย เขากล่าวว่าเขาต้องการต้อนรับทุกๆคนในฐานะเจ้าบ้านแต่ชิงสุ่ยปฏิเสธไป ชิงสุ่ยรู้ว่ายังมีโอกาสอีกมากมายที่พวกเขาจะทำเช่นนี้เมื่อการรวมตัวเป็นพันธมิตรกันนั้นสำเร็จ

 

ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาได้ออกจากจักรวรรดิตะวันฉายพร้อมกับตรงไปหาเป้าหมายต่อไป นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ถานท่าย หลิงเยียนสามารถจดจำคนพวกนั้นได้อย่างชัดเจน นางจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้สิ่งที่พวกเขาติดค้างเอาไว้ อย่างไรก็ตามนางก็ตระหนักดีว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริงเท่านั้น สำหรับส่วนที่เหลือนางจะต้องตามหาเรื่องราวนี้จากปากของบรรพบุรุษของกลุ่มมังกรอหังกาล

 

20 วัน!

 

เพียงพริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่า 20 วันแล้ว ใน 20 วันนี้ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาได้ทำลายไปทั้งหมด 6 นิกาย  2 ตระกูลขุนนาง และอีกหนึ่งราชวงศ์ ทำให้ผู้คนของกลุ่มมังกรอหังกาลรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง บางนิกายหรือตระกูลก็ได้อพยพจากที่อยู่ของตนเองเพื่อหลบหนี

 

สำหรับชิงสุ่ยหน้ากลุ่มของเขานั้นได้กลับไปที่จักรวรรดิเหยียน เหยียน จงชิ่วก็กลับมาแล้วเช่นกัน มันผ่านมากว่า 20 วันแล้วชิงสุ่ยสงสัยว่าเขาจะสามารถบังคับบรรพบุรุษของมหาทวีปมังกรอหังกาลเพื่อหาคำตอบ

 

อีกเรื่องหนึ่งคือพระราชวังจอมอสูรได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นภายในมหาทวีปมังกรอหังกาล แต่ในเวลาเดียวกันความแค้นที่พระราชวังจอมอสูรได้สร้างแก่คนอื่นๆนั้นก็ได้กระจายออกไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากที่มีความรู้สึกไม่ดีต่อพระราชวังจอมอสูรมากกว่ารู้สึกดี

 

ในอดีตนั้นผู้คนคิดว่ามีเพียงกลุ่มมังกรอหังกาลที่เป็นสิ่งที่ดี ไม่มีผู้ใดกล้าพูดให้ร้ายพวกเขา แต่ในตอนนี้ในทุกการสนทนาก็มีเรื่องน่าอายมากมายของกลุ่มมังกรอหังกาลที่ถูกกล่าวขานต่อกันไป ‘ข่าวร้ายกระจายอย่างรวดเร็ว ข่าวดีต้องรอก่อน’ ผลที่ออกมานั้นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพระราชวังจอมอสูร

 

บรรพบุรุษของของกลุ่มมังกรอหังกาลนั้นเป็นคนที่มีความอดทนอย่างยิ่ง จนกระทั่งในตอนนี้เขายังไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ในทางกลับกันเรื่องเกี่ยวกับสามจักรวรรดิใหญ่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจนั้นคือผู้นำของกลุ่มพันธมิตรนี้คือผู้อาวุโสหลู่

 

นี่ทำให้ชิงสุ่ยประลหาดใจเช่นกัน ผู้คนที่เขาคิดว่าสามารถโน้มน้าวทั้งสามจักรวรรดิใหญ่ได้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้อาวุโสหลู่

 

ทั้งชิงสุ่ยและถานท่าย หลิงเยียนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพระราชวังจอมอสูรจะเข้าร่วมพันธมิตรนี้หรือไม่ นี่เป็นเพราะชื่อเสียงของพระราชวังจอมอสูร แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันแต่ก็ยังมีเส้นบางๆกั้นระหว่างกันอยู่

 

ข่าวเรื่องทั้งสามจักรวรรดิใหญ่จับมือเป็นพันธมิตรกันนั้นได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เหล่าจักรวรรดิเล็กๆที่พึ่งพาทั้งสามจักรวรรดิอยู่นั้นไม่ได้ยินดีไปด้วย ‘ความสามัคคีคือพลัง’ เมื่อจักรวรรดิใหญ่ร่วมมือกันพวกเขาจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่ากลุ่มมังกรอหังกาล

 

ชิงสุ่ยและคนอื่นๆก็ตัดสินใจที่จะปักหลักอยู่ที่สนามด้านหลังของของพระราชวังในจักรวรรดิเหยียน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังรอคอยให้บรรพบุรุษของกลุ่มมังกรอหังกาลปรากฏตัวออกมา สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้เป็นที่เงียบสงบจริงๆ ในยามค่ำคินชิงสุ่ยก็เข้าไปฝึกฝนในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาจะใช้เวลาช่วงเช้าเดินไปรอบสนามแห่งนี้

 

“ชิงสุ่ย เจ้าคิดว่าพวกเราแสดงตัวออกไปแทนจะดีกว่าหรือไม่? ออกไปและสังหารเจ้าเฒ่านั่น เมื่อมันตายไปกลุ่มมังกรอหังกาลก็จะต้องล่มสลายลงไป” ฮัว รูเหม่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อนางเห็นชิงสุ่ยเดินอยู่ที่สนามแห่งนี้

 

“พวกเราไม่ต้องเร่งรีบไป รอให้นานกว่านี้อีกหน่อย หากพวกมันยังไม่ออกมาพวกเราจะออกไปพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโส ด้วยวิธีนี้ศัตรูต้องถูกทำลายลงไปอย่างแน่นอน ความเป็นไปได้ของพวกเรานั้นสูงยิ่งนัก นอกจากนี้พวกเราอาจจะพลาดได้หากเป็นผู้ที่บุกไปก่อน” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

 

“มันคงจะดีกว่าถ้้าหากมีรูปแบบที่เปิดใช้งานได้ 4 คนที่จะสามารถทำให้พวกเราสามารถต่อกรกับคนมากมายได้” ฮัว รูเหม่ยกล่าวด้วยความกระตือรือร้น

 

คำพูดเหล่านี้เข้ามาในจิตใจของเขาทันทีชิงสุ่ย เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเติบโตขึ้นภายในทะเลแห่งปัญญาของเขา

 

ขณะที่ฮัว รูเหม่ยกำลังกล่าว เขาก็รู้สึกได้ว่ามีรูปแบบบางอย่างที่เขารู้สึกคุ้นเคยปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา  มันเป็นควงามรู้สึกที่เหมือนกับตอนหงส์ทองประลองพินิจ ชิงสุ่ยไม่อาจพูดคุยกับฮัว รูเหม่ยต่อไปได้และเขารีบเข้าไปที่ทะเลแห่งปัญญาของตนเองทันที

 

รัศมีแห่งเทพสงคราม (วิวัฒนาการ)!

 

วิวัฒนาการ?

 

ชิงสุ่ยครุ่นคิดถึงเรื่องนี้และจำได้ว่าดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่ารัศมีแห่งเทพสงครามในมรดกแห่งเทพสงคราม ในตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่คำแนะนำสั้นๆและยังไม่มีวิธีใช้งาน ความจริงแล้วชิงสุ่ยไม่รู้แม้แต่จะเริ่มต้นใช้มันยังไง แต่ในตอนนี้รัศมีแห่งเทพสงครามได้วิวัฒนาการขึ้น

 

ชิงสุ่ยตกตะลึงไปในทันทีเมื่อเขาได้เห็นมัน นี่ไม่ใช่รูปแบบที่เขารู้สึกคุ้นเคยอยู่เสมองั้นหรือ?

 

รูปแบบปิดฟ้าคลุมสวรรค์ รูปแบบโลกาทะลายสิ้น รูปแบบวิหคทะยาน รูปแบบมังกรเหิน…..

 

พวกนี้เป็นรูปแบบของที่อยู่ภายในรัศมีแห่งเทพสงครามและสามารถเรียกใช้งานได้ทันทีโดยไม่มีการใช้พลังงานใดๆ คนไม่เกิน 10 คนจะได้รับประโยชน์จากมันอย่างยิ่ง มันก็มีประโยชน์ต่อคนๆเดียวเช่นกัน

 

นี่มันทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ!

 

นี่ถือได้ว่าเป็นรูปแบบที่มีมาตั้งแต่บรรพกาล ตอนนี้รัศมีของมันได้วิวัฒนาการขั้น ชิงสุ่ยรีบตรวจสอบผลของมันทันที

 

จำนวนพลังที่เพิ่มขึ้นนั้นได้ไม่มกามายนักแต่ก็ไม่ได้น้อยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น รูปแบบปิดฟ้าคลุมสวรรค์สามารถเพิ่มพลังโจมตีขึ้นได้ 20% น่าเสียดายที่ผลข้างเคียงของมันนั้นลดความเร็วของเขาลงไป นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังไม่แน่ใจในผลของรัศมีปิดฟ้าคลุมสวรรค์ เขายังมีรูปแบบโลกาทะลายสิ้นที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้แก่เขาได้ถึง 30%

 

“เฮ้ เฮ้ เจ้าเหม่ออะไรกัน? เหตุใดเจ้าจึงยิ้มตลอดบนใบหน้า?” ฮัว รูเหม่ยเขกไปที่ศีรษะของชิงสุ่ย

 

เมื่อชิงสุ่ยตื่นขึ้นเขาก็ยังคงคิดถึงผลของรัศมีนี้ เครื่องรางแห่งสวรรค์ในตอนนี้สามารถเพิ่มพลังของเขาได้เพียง 10% สำหรับรัศมีนี้มันสามารถเพิ่มพลังของเขาได้ถึง 25% เมื่อรวมกับ 10% ที่เพิ่มขึ้นจากพรสวรรค์ของเขาและหงส์ทองประลองพินิจนั้นถือว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง

 

10% ที่เพิ่มขึ้นของพลังโจมตีของเขานั้นถือว่ากลัวอย่างยิ่ง ในตอนนี้ด้วยรัศมีแห่งเทพสงครามที่วิวัฒนาการขึ้นนั่นหมายความว่าผู้ชนะในการประลองระหว่างผู้อาวุโสหลู่และกลุ่มมังกรอหังกาลได้ถูกตัดสินแล้ว