ตอนที่ 351: จอมยุทธ์ช่วยหญิงงาม (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 351: จอมยุทธ์ช่วยหญิงงาม (1)

ครึ่งวันต่อมา เจี้ยนเฉินพยายามหลบหนีจากการติดตามโดยอาศัยกองคาราวานออกจากเมืองทหารรับจ้าง เขาออกเดินทางโดยไม่หลงเหลือร่องรอยและต้องไม่มีใครจับได้

เจี้ยนเฉินได้แยกตัวออกมาหลังจากที่กองคาราวานออกจากเมืองมาได้สักพักหนึ่ง เขาไม่เห็นใคร เขาจึงได้ลงจากสัตว์อสูรและเริ่มใช้ทักษะมายาพริบตาของเขา

“วูบ ! “

ด้วยการใช้ทักษะมายาพริบตาเจี้ยนเฉินได้เดินทางไปด้านหน้าเหมือนกับลูกศรและเหลือเพียงเงาติดตาเอาไว้ขณะที่เดินทางด้วยความเร็วสูงสุด

เมื่อวิ่งมาด้วยความเร็วสูง หูของเจียนเฉินจึงเต็มไปด้วยเสียงลมพัดอื้ออึงและเขาไม่อาจได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งทิวทัศน์ทั้งสองด้านต่างก็พร่ามัวจนเห็นเพียงสีแค่สองสีเท่านั้นและไม่มีอะไรที่พิเศษกว่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อเดินทางด้วยความเร็วสูงในพื้นที่กว้างใหญ่ ด้วยความเร็วของมันนั้นทำให้เจี้ยนเฉินประหลาดใจมาก ด้วยความเร็วขนาดนี้เขามั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะเซียนธาตุลมวัฎจักรที่ 6 ของเซียนปฐพีได้ และมีเพียงเซียนสวรรค์เท่านั้นที่สามารถตามเขาทัน

ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อนี้ทำให้เจี้ยนเฉินพอใจกับทักษะมายาพริบตาเป็นอย่างมาก เขาไม่กลัวแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนสวรรค์ที่มาไล่ล่าเขา ตอนนี้ความเชี่ยวชาญของเขากับทักษะมายาพริบตาจำกัดแค่เพียงพื้นฐานเท่านั้น แต่เขาก็สงสัยว่าถ้าเขาเชียวชาญมากกว่านี้ เขาจะเดินทางไปได้เร็วถึงเพียงใด ?

ทักษะมายาพริบตานั้นลึกซึ้งอย่างมาก เจี้ยนเฉินใช้เวลานานแค่เอื้อมก่อนที่จะเชี่ยวชาญเพียงแค่พื้นฐาน ความลำบากมันยิ่งแตกต่างกันมาขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าตั้งแต่ที่เขาเริ่มเรียนรู้ทักษะมายาพริบตา นี่หมายความว่าเจี้ยนเฉินมีความเข้าใจแต่โลกมากขึ้น แต่นั่นก็ถ้าเขาไม่ใช่เซียนปฐพี เขาก็ไม่สามารถเรียนรู้ทักษะมายาพริบตาได้

ไม่น่าแปลกเลยว่านี่เป็นทักษะโบราณที่เผ่าพันธุ์ในอดีตถือว่าเป็นทักษะชั้นสูงและมีความซับซ้อนที่สุด เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง

เขาพุ่งไปทางใต้ด้วยทักษะมายาพริบตา เจี้ยนเฉินพยายามอย่างมากที่จะหลีกเลี่ยงตระกูลเจียเต๋อและเซียนสวรรค์ของตระกูลชิ

ในพื้นที่กว้างใหญ่ ร่างของเจี้ยนเฉินได้พุ่งราวกับศรข้ามทวีป ด้วยการที่เขาใช้ทักษะต่อสู้ในการเดินทาง ทำให้เกิดลมหมุนขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขาทุกครั้งที่เขาก้าวออกไปอย่างรุนแรง มันเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ แต่โชคดีสำหรับเจี้ยนเฉินที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นมัน

1 ชั่วยามต่อมาเจี้ยนเฉินอยู่ห่างจากเมืองทหารรับจ้างไปหลายกิโลเมตร ในอดีตหากเจี้ยนเฉินต้องพยายามคาดเดาว่าเขาจะสามารถเดินทางได้แค่ไหนในภายในหนึ่งวัน มาถึงตอนนี้เขาคิดไม่ออกว่าเขาได้เดินทางมาได้เท่าไรแล้ว

อย่างไรก็ใน 1 ชั่วยามนี้ เจี้ยนเฉินที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 4 ขั้นสูงสุด เขาได้ใช้พลังเซียนไปเพียงครึ่งหนึ่ง ทักษะมายาพริบตาเป็นทักษะต่อสู้ระดับเซียน หากว่าไม่ใช้ทักษะต่อสู้ระดับเซียน การใช้พลังเซียนนั้นสำหรับทักษะการต่อสู้ประเภทนี้มันคงน่ากลัวมาก ๆ แม้แต่เจี้ยนเฉินเองก็ใช้มันได้เพียง 2 ชั่วยามติดต่อกันเท่านั้น

เฮ้อ ! ทันใดนั้นห่างออกไป 5 กิโลเมตร เสือดำปีศาจที่สูงกว่า 3 เมตรได้เห็นเจี้ยนเฉินและพุ่งเข้าหาเขาราวกับลูกศร

เสือดำเป็นสัตว์อสูรที่เหมือนกับเสือทุกประการ มันมีความชำนาญในเรื่องความเร็วเป็นพิเศษ นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 ดังนั้นความเร็วของมันจึงสูงมาก

เมื่อมองไปที่เสือดำปีศาจที่เย่อหยิ่ง เจี้ยนเฉินก็ยังไม่สนใจมันและยังคงพุ่งผ่านมันด้วยความเร็วสูงสุดของเขา

เสือดำทำได้เพียงแค่ตะครุบอากาศก่อนที่จะตามเจี้ยนเฉินต่อด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ว่ามันจะเร็วมาก แต่เจี้ยนเฉินเร็วมากกว่า ดังนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อีกครึ่งชั่วยามต่อมาเจี้ยนเฉินก็เดินทางต่อไปได้กว่า 1,000 กิโลเมตรห่างจากเมืองทหารรับจ้าง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดและมองหาที่ปลอดภัย เขาควักแกนอสูรระดับ 5 ออกมาและเริ่มดูดซับเพื่อฟื้นฟูพลังปราณ

หลังจากที่เขาได้วิ่งมาตลอดหนึ่งชั่วยามครึ่ง เจี้ยนเฉินได้ใช้พลังเซียนหมดไปกว่า 3 ใน 4 ส่วน หากเขาไม่ฟื้นฟูเขาอาจจะไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นมาฉับพลันได้

หลังจาก 2 ชั่วยามพลังเซียนของเจี้ยนเฉินได้รับถูกฟื้นฟูขึ้นมาอย่างเต็มที่ ทำให้เขาสามารถเดินทางต่อไปด้วยทักษะมายาพริบตาอีกครั้ง

สองวันต่อมาในเมืองทหารรับจ้าง ชายที่จับตามองเจี้ยนเฉินไม่เป็นแม้แต่เงาของเจี้ยนเฉินที่กำลังศึกษาอยู่ภายใน ท้ายที่สุดแล้วคนที่มีความสามารถแบบเขาจะอยู่ได้โดยไม่ดื่มหรือกินได้ไปหลายวันเพื่อมุ่งไปที่การบ่มเพาะอย่างเดียว ดังนั้นจึงไม่มีกังวลเกี่ยวกับคนที่ติดตามมากเกินไป นอกจาหนี้ยังมีคนนับไม่ถ้วนอยู่รอบ ๆ โรงเตี้ยมทั้งกลางวันกลางคืนเช่นกัน แม้แต่แมลงวันก็ไม่อาจเล็ดรอดไปจากพวกเขาได้หากพวกเขาต้องการ

ในช่วงเวลานั้นทหารรับจ้างจำนวนมากได้เข้ามาในโรงเตี้ยม หลังจากที่ทานอาหารแล้วก็มีคนหนึ่งได้เดินเข้ามายังห้องที่เขาจองเอาไว้

“ปัง ! “

ไม่นานก็ได้ยินเสียงทั้งโรงเตี้ยมในขณะที่มีคนตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว สารเลวเอ้ย เถ้าแก่ เจ้าเป็นเจ้าของโรงเตี้ยมประเภทไหนกันถึงได้มีห้องพักที่ทรุดโทรมเช่นนี้ ! มีรูเฮงซวยอยู่ที่พื้นและข้าก็ตกลงมาจากชั้น 3 ยังชั้น 2 !

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธ คนที่เฝ้าเจี้ยนเฉินก็ตกตะลึงและตอบสนองโดยทันที วิ่งไปที่ชั้นสองทันทีที่ห้องของเจี้ยนเฉิน พวกเขาเปิดประตูออกมาและเห็นมีชายคนหนึ่งกำลังก่นด่าอยู่ที่พื้นอย่างรุนแรง บนเพดานมีรูกว้างเพียงครึ่งเมตร

ไม่ได้การแล้ว เขาหนีไปได้ ! ทุกคนเริ่มใบหน้าซีดเซียว พวกเขารีบไปบอกคนอื่นก่อนที่จะออกเดินทางเพื่อตามหาเขา

ไม่นานหลังจากนั้น ข่าวที่เจี้ยนเฉินหายไปอย่างกะทันหันก็เข้าหูตระกูลเจียเต๋อและผู้อาวุโสของตระกูลชิ ทันใดนั้นผู้เฒ่าทั้งสองก็ระเบิดความโกรธออกมาและก่นด่าคนพวกนั้นอย่างรุนแรง

ใช้การไม่ได้ เจ้ามันพวกสวะที่เลี้ยงไว้เสียข้าวสุก ! พวกเจ้าแต่ละคนตาบอดกันหรือไง ? พวกเจ้าทุกคนมันไร้ประโยชน์จริง ๆ ! คนตั้งมากตั้งมายแค่เฝ้าจับตามองคนคนเดียว มันยังหายไปจากสายตาของเจ้าได้ ! เร็วเข้า รีบออกไปตามหาเขา ! หากเจ้าไม่อาจหาเขาได้ ก็ไม่ต้องกลับมาอีก ! ผู้อาวุโสของตระกูลชิคำรามออกมา

ผู้อาวุโสสามยังคงสงบกว่าผู้อาวุโสสี่ เขามองไปที่ชายที่คุกเข่าด้านหน้าและถามว่า เจ้าไม่เห็นเจี้ยนเฉินออกไปงั้นรึ?

ชายผู้นั้นก็บอกสิ่งที่รู้ให้กับผู้อาวุโสสามทันที

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสก็เพียงแค่ครุ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินคนนี้จะแปลงโฉมของเขาและลอบออกไปอย่างลับ ๆ ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีทักษะเช่นนี้ด้วย

ผู้อาวุโสสาม เช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรดี ? ผู้อาวุโสสี่พูด อาวุโสสามนั้นเป็นคนฉลาดกว่าผู้อาวุโสหนึ่งและสอง ดังนั้นเขาจึงถามหาแผนการเพื่อที่จะได้หาวิธีใหม่

มีอะไรอีก ? ให้ทุกคนเริ่มหาเจี้ยนเฉินและส่งข่าวกลับไปยังตระกูลเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือ จากนั้นก็ให้คนไปตั้งรางวัลค่าหัวของเจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสสามพูด

เจี้ยนเฉินเป็นราชาทหารรับจ้าง ถ้าเราไปที่สมาคมทหารรับจ้างเพื่อไปตั้งค่าหัวของเขา อย่างนั้นคนทั้งเมืองจะรู้หรือไม่ว่าเราได้เป็นศัตรูของเขา ? สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกคนมองเราในแง่ไม่ดี ผู้อาวุโสสี่กลัวผลกระทบที่ตามมา

ไม่ต้องกังวล ผู้อาวุโสสี่ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ เมืองก็จะไม่มายุ่งกับเรา มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีความสัมพันธ์กันถึงจะเข้ามาแทรกแซง แต่นอกเหนือไปจากนั้น พวกเขาจะไม่ลงมือ ผู้อาวุโสสามพูดอย่างมั่นใจ

ฝากความหวังไว้กับผู้อาวุโสสาม อาวุโสสี่ก็สั่งการออกมา เจ้าทุกคนได้ยินคำพูดของอาวุโสสามแล้วนี่ ไปจัดการซะ !

ในเวลาเดียวกันตระกูลเจียเต๋อก็จ้องมองไปที่ชายทั้งสองอย่างฉุนเฉียวเบื้องหน้าของพวกเขา ไม่ได้เรื่อง ! เร็วเข้า ไปตามหาเขา ! จ้างคนในเมืองเพื่อค้นหาเขาและถ้าเจ้าไม่พบ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมา !

ขอรับ ขอรับ ข้าจะไปทันที ชายในห้องรับคำเพื่อหวังว่าจะลดหย่อนโทษของพวกเขาก่อนที่จะออกไปจากห้อง

…..

หลังจากสองวันก่อนออกเดินทาง เจี้ยนเฉินก็ได้คิดแล้วว่าเขาคงจะเดินทางห่างจากเมืองทหารรับจ้างไปกว่า 10,000 กิโลเมตรและตอนนี้เขาก็ได้ปลอดภัยชั่วคราว

เจี้ยนเฉินได้อาบน้ำที่ข้างลำธารเล็ก ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่จากเข็มขัดมิติ รูปร่างหน้าตาของเขาก็เปลี่ยนกลับมากลายเป็นเด็กหนุ่มก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง

เนื่องจากการแข่งขัน มีหลายคนรู้จักเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของเขา

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ลดความเร็วลง จากสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับตำแหน่งเมืองชั้นสองตามแผนที่นั้นอยู่ห่างจากเขาไปประมาณ 100 กิโลเมตร

ได้ยินเสียงการต่อสู้อยู่ไม่ไกล เมื่อสังเกตใกล้ ๆ เจี้ยนเฉินก็เห็นว่ามันเป็นเหมือนกับการต่อสู้ของพวกขุนนาง ขณะที่มองเห็นคนขี่ม้ากว่าร้อยคน ขณะที่ดูจากรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นโจรแล้ว ฝั่งตรงข้ามที่มีเพียง 30 คนก็พยายามที่จะปกป้องกองคาราวานที่ดูหรูหรา

เมื่อเห็นอย่างนี้เจี้ยนเฉินก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพียงแค่คิดว่าถึงตอนที่โจรไร้ขอบเขตได้โจมตีเขาขณะที่เขาหลบหนีออกมาจากอาณาจักรเกอซุน ในตอนนั้นเจี้ยนเฉินยังเป็นแค่เซียนตัวน้อย ๆ และถูกไล่ต้อนโดนเซียนผู้เชี่ยวชาญ ในตอนนั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษก็แข็งแกร่งอย่างมาก

แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว แม้กระทั่งเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษก็ยังไม่อาจต่อกรกับเขาได้ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เจี้ยนเฉินอดที่จะถอนหายใจไม่ได้