ตอนที่ 924 ก็แค่รวยเท่านั้น

Elixir Supplier

924 ก็แค่รวยเท่านั้น

“ปกติพวกเขาจะไม่ใช้กันเหรอ?”หลู่ซิ่วเฟิงถาม

“พวกเขาแทบจะหรือไม่ใช้สมุนไพรตัวนี้เลยครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด “เพราะมีสมุนไพรหลายตัวที่มีฤทธิ์คล้ายกันที่จะนํามาใช้แทนกันได้อยู่และความอันตรายก็น้อยกว่ามากขอแค่คนคนนั้น

สามัญสํานึกพอพวกเขาก็จะไม่เสี่ยงนํามันมาใช้งาน”

“นี่ถือเป็นการค้นพบใหม่”หยางกวนเฟิงพูด

“แล้วมีอย่างอื่นอีกไหม?”

เมี่ยวชิงเฟิงมองไปทางเมี่ยวฉางหงที่ยังคงตรวจดูศพอยู่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าตอบเขา

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่ม”เมี่ยวฉางหงพูด

“อืม” หยางกวนเฟิงผงกหัว

“ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่เราต้องทําตอนนี้ก็คือการตรวจสอบเรื่องไม้ห้าพิษ”

“ใช่ มันคือเบาะแสอย่างหนึ่ง” หยางกวนเฟิงพูด“ตรวจสอบดูว่ามีการบันทึกสมุนไพรตัวนี้เอาไว้รึเปล่า”

แล้ว”

อยู่ๆเมี่ยวชิงเฟิงก็เงยหน้าขึ้นถาม“ผมขอดูตัวอย่างเลือดของพวกเขาได้ไหมครับ?” “ตัวอย่างเลือด?”หลู่ซิ่วเฟิงตกตะลึงในทีแรก แล้วเขาก็ยิ้มและตอบกลับไปว่า“ได้แน่นอนอยู่

พวกเขาเจาะเอาตัวอย่างเลือดออกมาเล็กน้อยหลังจากได้รับมาแล้วเมี่ยวฉางหงก็ดื่มเลือดไปจํานวนหนึ่งด้วย

น่ะ?”

“เฮ้ย!”

“เขาจะไม่ติดพิษเหรอ?”

“ไม่หรอกครับ” เดี่ยวชิงเฟิงส่ายหน้า

“ได้อะไรบ้างไหม?”

เมี้ยวฉางหงหลับตาและจดจ่อไปที่ความรู้สึกภายในร่างกายของเขา แล้วก็ส่ายหน้า “ขอโทษด้วยผมคงต้องใช้เวลาคิดนานกว่านี้”

เขาหยิบขวดน้ําขึ้นมาดื่มเพื่อล้างปากลิ้นของเขาเริ่มชาและร่างกายสั่นเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเมี่ยวชิงเฟิงก็รีบเข้าไปหาเขาและถาม “เป็นอะไรไหม?”

“ฉันไม่เป็นไร”เมี่ยวฉางหงตอบแล้วโบกมือปฏิเสธ

“ฉันคงต้องพักสักหน่อย”

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผู้กองหยาง”

“ไม่เป็นไร ผมจะให้คนไปส่งพวกคุณเดี๋ยวนี้เลย”

รถมาถึงในเวลาไม่นาน และพาพวกเขากลับไปพักที่โรงแรม หลู่ซิ่วเฟิงได้ติดตามพวกเขาไป

เขาสังเกตเห็นว่า สีหน้าของเมี่ยวฉางหงซีดลง “คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล

“แค่ได้พักสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ” เมี่ยวฉางหงตอบ

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปพักเถอะ” หลู่ซิ่วเฟิงพูด“ถ้าต้องการอะไรก็โทรหาผมได้ทุกเมื่อ“ได้ครับ”

หลู่ซิ่วเฟิงกลับไป ทิ้งทั้งสองไว้ที่โรงแรม

เมี้ยวชิงเฟิงถาม “ไม่เป็นอะไรแน่นะ?”

“มันคือไม้หาพิษกับวิสทีเรีย” เมี่ยวฉางหงพูด

“วิสทีเรีย? แน่ใจนะ?”เมี่ยวชิงเฟิงถามอย่างแปลกใจ

“ฉันแน่ใจ” เมี่ยวฉางหงผงกหัว

“เป็นไปได้ยังไงกัน?”เมี่ยวชิงเฟิงประหลาดใจ“แม้แต่ในหุบเขาก็ยังมีการควบคุมการใช้สมุนไพรชนิดนี้”

“ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”เมี่ยวฉางหงพูด“ฉันอาจไม่ได้มีความสามารถอื่นแต่เรื่องการจําแนกสมุนไพรคือความสามารถที่ฉันมี”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นปัญหาแล้ว”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“แสดงว่าในหุบเขาของเรามีหนอนบ่อนไส้อยู่”“มันไม่จําเป็นต้องเป็นคนในหุบเขาก็ได้” เมี่ยวฉางหงพูด“เมื่อก่อนก็มีคนในหุบเขาที่หนีออกไปอยู่หลายคนไม่ใช่เหรอ?อาจจะมีคนในหมู่คนที่หนีออกไปมีความรู้เรื่องนี้อยู่ก็ได้จริงไหม?” “มันแสดงให้เห็นว่าผู้นําใจดีและใจอ่อนเกินไป จนทําให้เกิดอันตรายครั้งใหญ่ขึ้นแบบนี้”เมี่ยว

ชิงเฟิงพูดพร้อมถอนหายใจ“เราคงไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราด้วยคําพูดได้อีกแล้วเราเป็นเหยื่อแท้ๆแต่กลับต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแทน”“ผู้นําก็ส่งพวกเรามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ใช่รึไง?”เมี่ยวฉางหงถาม

“แล้วเราจะพิสูจน์ได้ยังไงล่ะ?”

“เรารู้ที่อยู่ของคนพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” เดี๋ยวฉางหงถาม

“ใช่ เรามีข้อมูลของพวกเขาอยู่” เมี้ยวชิงเฟิงพูด“คิดอะไรอยู่เหรอ?” หลังจากคิดดูแล้วเมี่ยวชิงเฟิงก็พอจะคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้พวกเขาจะโยนโทษไปให้คนพวกนั้นแทน

ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถใส่ร้ายพวกเขาได้ พวกเขาก็ทําแบบเดียวกันนี้ได้เช่นกัน ถ้าท่าแบบนั้นพวกเขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยไปได้แล้วคนพวกนั้นก็คือคนที่หนีออกไปจากหุบเขา แค่สืบเล็กน้อยก็จะรู้ได้แล้วและทําให้ความคิดนี้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น“นายคิดว่ายังไง?”เดี่ยวฉางหงถาม

“เป็นความคิดที่ดี” เมี่ยวชิงเฟิงใช้ความคิด เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง

“มันเป็นความคิดที่ดีก็จริง แต่เราก็ต้องคิดหาวิธีทําให้สําเร็จด้วย” เขาพูด “เราต้องไม่ถูกอีกฝ่ายรู้ตัวและจะทําให้พวกตํารวจรู้ไม่ได้ด้วย เพราะที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายคนรวมไปถึงพวกคนที่มาจากตัวจังหวัดด้วยสองคนนั้นก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกถ้าพวกเราผิดพลาดแค่เล็กน้อยพวกเขาก็จะตามกลิ่นเจอจนได้

เขาอยู่กับหยางกวนเฟิงและหลู่ซิ่วเฟิงที่หุบเขาพันโอสถแทบจะตลอดเวลาถึงเขาจะไม่ได้เข้าใจคนทั้งสองอย่างลึกซึ้งแต่เขาก็พอรู้ถึงความสามารถของพวกเขาคําถามที่เหมือนจะออก

นอกเรื่องและไม่เกี่ยวข้องกันกลับมีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่

“เราต้องคิดเรื่องนี้ให้ดีและต้องทําให้มั่นใจว่าจะไม่มีจุดบอดอยู่ตรงไหน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ที่นี่เป็นด้านนอกเราไม่ได้อยู่ในหุบเขาแล้ว

“อืม”

ภายในห้องส่วนตัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ร้านนี้ใช่ได้เลย” หลู่ซิ่วเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมเคยมากินตอนที่มาทําธุระนานแล้วไม่คิดว่าผ่านไปหลายปีร้านนี้จะยังอยู่จนถึงตอนนี้ได้

“พอเป็นเรื่องของกิน คุณก็โชคดีตลอด!”

“ส่วนคุณก็อย่าขมวดคิ้วตลอดทั้งวันสิ ท่าหน้าอย่างกับท้องฟ้าจะถล่มลงมาอย่างนั้นล่ะ”หลู่ซิ่วเฟิงเทเหล้าใส่แก้วให้กับหยางกวนเฟิง

“คนในสายงานอย่างพวกเรา ขอแค่ไม่ทําผิดหลักการและพยายามอย่างสุดความสามารถก็พอ”เขาพูดด้วยรอยยิ้มแล้วจุดบุหรี่“อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ผมคิดสําหรับเรื่องการไขคดีแม้แต่เทพเซียนบนสวรรค์ก็รับประกันอะไรไม่ได้หรอกจริงไหม?”

“ถ้าว่ากันตามทฤษฏีมันก็ถูก”หยางกวนเฟิงพูด“แต่เวลาที่พวกเราต้องไขคดีโดยเฉพาะคดีฆาตกรรมและเราไขคดีไม่ได้มันก็กลายมาเป็นปมในใจของพวกเรามันทําให้เรารู้สึกว่าเรากําลัง

ทําให้คนตายต้องผิดหวังอยู่”

“เพราะอย่างนั้น คุณก็เลยแก่เร็วยังไงล่ะ”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“ดูตัวคุณเองสิหน้าเต็มไปด้วยรอยตีนกาแล้วแล้วดูผมไม่เห็นเหรอว่าผมยังดูเหมือนดอกไม้งามอยู่น่ะ?”

“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”หยางกวนเฟิงพูดกลั้วหัวเราะ

ในหมู่บ้านที่ห่างออกไปหลายพันไมล์

คนไข้ที่น่าสนใจคนหนึ่งได้มาที่คลินิก

“บอกผมมาได้เลยว่าหมอต้องการเงินเท่าไหร่?”

นี่คือชายที่รวยมากเพราะแหวนหยกขนาดใหญ่ที่นิ้วมือของเขาก็พอจะบอกได้แล้วทั้งยังคําพูดหรือการกระทําของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยเขาคือเศรษฐีและมีเหมืองทองสรุปแล้ว

ก็คือ เขาไม่ขาดเงิน

“ผมรักษาให้คุณไม่ได้หรอกครับ”หวังเย้ายิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้า

โรคที่เขาเป็นออกจะแปลกอยู่สักหน่อยมันคือโรคน่าอับอายเมื่อพูดออกไป

ไม่มียาชนิดไหนที่รักษาเขาได้ผลซึ่งมันทําให้เขาเป็นกังวลอย่างมากเขาเคยไปรักษากับแพทย์แผนจีนแต่ก็ไม่หายาในฐานะที่เป็นชายที่ร่ำรวยคนหนึ่งเขารักษาไม่หายได้ยังไง?เขาจึงไล่ถามไปทั่ว แล้วสุดท้ายเขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของหมอหนุ่มมากฝีมือที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งเขาเป็นหมอที่สามารถรักษาได้แทบทุกโรค ดังนั้น เขาจึงได้เดินทางมาถึงที่นี่แต่สุดท้ายคำตอบที่เขาได้รับก็คือ “ผมไม่รักษาคุณมันน่าประหลาดใจสําหรับเขามากแน่นอนว่า เขาคิดว่าเป็นเพราะเรื่องเงินในความคิดของเขาปัญหาส่วนใหญ่ในโลกนี้สามารถแก้ได้ด้วยเงินความจริงสิ่งที่เขาคิดก็คือเรื่องจริง แต่ปัญหาที่เขาเจอในครั้งนี้กลับไม่สามารถใช้เงินแก่ได้

ถ้าหวังเย้าไม่ต้องการรักษาเขา เขาก็ไม่สามารถทําให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจได้ ถึงว่าเขาจะเอาทองมากองเป็นภูเขาก็ตามที

“หนึ่งหมื่นเป็นไง?”

หวังเย้าเปิดหนังสือไปอีกหน้าหนึ่ง

เขาไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับคนไข้ที่ความคิดบิดเบี้ยวแบบนี้ พูดตามตรง เขาไม่ได้รับคนไข้ที่พิเศษแบบนี้มาได้สักพักแล้ว คนที่คิดว่าแค่รวยก็สามารถมีทุกอย่างได้แบบนี้

“สามหมื่น”

หวังเย้าเปิดหนังสือไปอีกหน้าหนึ่ง

แทนที่จะหมดความอดทนหรือโมโห เขากลับเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาแทนเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกและน่าสนใจที่สามารถใช้เงินในการแก้ปัญหาได้ยกตัวอย่างเช่นนักวิชาการที่ต่อต้านการรับสินบนและโกงกินกลับถูกเขาฟาดด้วยเงินจนโงหัวไม่ขึ้นเวลานี้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่นักวิชาการเห็นเขาก็จะก้มหัวให้เขาอยู่เสมอ ศาสตราจารย์ที่แปลกแยกกลับตกลงไปในหลุมที่โสมมยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์และไม่สนใจเขาแต่ไม่มีใครคนไหนที่สามารถต้านทานแบงค์เป็นปึกในมือของเขาได้ดังนั้นเขาจึงคิดว่า หมอคนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เหมือนกับคนอื่นๆที่เขาเจอมา

“ห้าหมื่น”

เขายังคงเพิ่มจํานวนเงินขึ้นเรื่อยๆตอนนี้เขารู้สึกว่าเรื่องการรักษากลายเป็นเรื่องรองไปแล้ว

เรื่องหลักในตอนนี้ก็คือการทําลายหน้ากากที่เสแสร้งและอวดดีของชายหนุ่มลงและทําให้อีก

ฝ่ายก้มหัวยอมแพ้ให้กับเขา

“หนึ่งแสน”ราคายังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

หวังเข้าวางหนังสือลงและจ้องมองชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา

เขาคิดฮ้ะ!มีรอยแตกแล้ว!เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เขาไม่ยอมรักษาให้ฉันหรือไง?เงินจํานวนนี้ทําให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป!เขาแค่เสนอเงินจํานวนมากไปแล้วดูเหมือนหมอจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว