ภาคที่ 3 บทที่ 60 ปัจฉิมบท (2-1)

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

ทันทีที่เห็นรองเท้าปักดิ้นลายดอกไม้ข้างนั้น ในใจราชาศักดิ์สิทธิ์ก็สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ผิดปกติ ในชีวิตของคนเรา มีเรื่องมากมายที่จะจำได้ แต่ก็มีหลายเรื่องที่ลืมไปแล้ว ทว่าสิ่งนั้นยังสลักอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ และมักจะคอยย้ำเตือนตนอยู่เสมอ

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณก็เป็นเช่นนั้น

เด็กหนุ่มผู้ฮึกเหิม เอาชนะทุกคนในเผ่า จนได้เป็นผู้นำของเผ่าเพียงคนเดียวมานานหลายปี แต่กลับถูกเจ้าหัวขโมยหญิงจากนอกเผ่าทำร้าย จะว่าไปแล้ว เจ้าหัวขโมยนั่นอายุน้อยกว่าเขาหลายปีเห็นจะได้ กระนั้นเขาก็ไม่ทันมองแม้แต่รูปร่างหน้าของนาง ก็ถูกนางทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส จนลงไปนอนกองอยู่บนพื้น สิ่งเดียวที่เขาจดจำได้ก็คือรองเท้าปักดิ้นคู่สะอาดประดับไข่มุกคู่นั้น

ต่อให้ผ่านไปอีกสิบยี่สิบปี เขาก็ยังจะหนีรองเท้าปักดิ้นโดยสัญชาตญาณ

มือของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณซึ่งยื่นออกไปเก็บไข่มุกวิญญาณชะงักในทันใด ไม่ใช่เพียงเพราะรองเท้าปักดิ้นข้างนั้น หากแต่เป็นเพราะท่าทางที่รองเท้าข้างนั้นกำลังเหยียบอยู่บนไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ดูราวกับว่ากำลังเหยียบอยู่บนศีรษะของเขาอย่างวางอำนาจบาตรใหญ่

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณรีบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

หากไม่มองก็คงไม่รู้ แต่ทันทีที่มอง…เขาก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง!!!

ทำไมจึงเป็นสตรีคนนี้ไปได้

ต้องบอกว่าใบหน้าของนางนั้นตราตรึงอยู่ในใจของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมาโดยตลอด มิใช่เพราะเพียงถูกนางทำร้าย แต่เป็นเพราะหลังจากถูกทำร้ายแล้ว ยังถูกนางโกนผมอีกด้วย

ใบหน้างดงามดุจนางสวรรค์กลับกลายเป็นฝันร้ายของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์จำนวนไม่น้อย คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ปรารถนาที่จะตามสังหารนางโดยเร็วที่สุด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่านางมาจากที่ใด นางเป็นใคร และมีชื่อว่าอะไร

อยู่ๆ นางก็ปรากฏตัวบนเรือของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์มีสายเลือดที่เป็นเลิศกว่าคนทั่วไป ทำให้หน้าตาของคนในเผ่าดีกว่าคนนอกเผ่าอยู่หลายส่วน แต่สตรีที่ลอบขึ้นมาบนเรือนั้น กลับมีใบหน้าที่งดงามเหนือคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ งามประหนึ่งเซียนบนสวรรค์ลงมาจุติ

ทันทีที่นางเอ่ยปากพูด เสียงของนางก็อ่อนแรง เหมือนคนป่วยกระเสาะกระแสะ น่าสงสารยิ่งนัก

แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าสตรีอ่อนแอเช่นนี้ สุดท้ายแล้วจะกลายมาเป็นผู้ที่นำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่ต่อเผ่า!

หลายปีมานี้ ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณคิดแก้แค้นนางมาโดยตลอด เขาฝึกฝนอย่างหนัก ในที่สุดก็ได้บรรลุระดับพลังสูงสุด ด้วยพลังของเขานั้น แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกลัวเจ้าหัวขโมยคนนี้

เขาเพียงแต่รู้สึกตกใจ จนลืมเรื่องราวในตอนนั้นไปเสียสนิท

ตอนนี้เขาเดินออกมาจากความทรงจำนั้นแล้ว!

เขาไม่เกรงกลัวผู้ใดอีก!

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหายใจเข้าลึก แล้วปล่อยพลังออกมากดอีกฝ่ายไว้ “เจ้ามาก็ดีแล้ว! ความแค้นในตอนนั้นข้ายังไม่ได้คิดบัญชี! เจ้าก็มาหาถึงที่!”

“ท่านยาย!”

“ท่านยาย!”

เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าร้องเรียก

นางเจียงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หลานชายทั้งสาม แล้วมองไปยังราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณด้วยสายตาเย็นเยียบ “เสี่ยวเป่าบอกว่าให้เจ้าปล่อยเขาลง ไม่ได้ยินหรืออย่างไร”

“ใช่แล้วๆ! ปล่อยข้า!” เสี่ยวเป่าพูดด้วยความโกรธ “ปล่อยต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าด้วย!”

ไม่ว่าในช่วงเวลาปกติพวกเขาจะทะเลาะกันอย่างไร ในช่วงเวลาคับขัน พวกเขาก็คือพี่น้องกันอยู่ดี! จะถูกจับก็ถูกจับด้วยกัน! จะปล่อยก็ต้องปล่อยด้วยกัน!

“เหอะๆๆ…” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหัวเราะออกมา “คนมาอยู่ในมือของข้าแล้ว เจ้าบอกว่าปล่อยข้าก็ต้องปล่อยรึ เจ้าเห็นข้าเป็นอะ…”

ยังพูดไม่ทันจบ ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหววูบหนึ่ง เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็สัมผัสได้ว่ามีสายลมเย็นเคลื่อนมาปะทะหน้า จากนั้นเด็กน้อยทั้งสามก็หายไปจากมือของเขาแล้ว

“ท่านยายๆ!”

จุ๊บ!

จุ๊บ!

จุ๊บ!

เด็กน้อยทั้งสามหอมแก้มนางเจียง!

นางเจียงอุ้มพวกเขามา แล้ววางลงกับพื้น

ต้าเป่ามีขวดนมแล้ว นางเจียงจึงนำขวดนมซึ่งหยิบติดมือมาจากเรือนส่งให้เอ้อร์เป่าและเลี่ยวเป่า “กินนมรอไปก่อน ประเดี๋ยวยายมา”

เด็กทั้งสามคนพยักหน้า รับขวดนมใบเล็กจากนางเจียงมาดื่ม!!

นางเจียงมองเด็กทั้งสามด้วยความเอ็นดู นางหันกลังกลับไป มองไปยังราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณด้วยสายตาดุร้ายดังพญามัจจุราช “ตอนนี้ พวกเราจะได้เริ่มคิดบัญชีกันสักที”

นางไม่ได้พูดเสียงดัง ทว่าน้ำเสียงที่นางใช้นั้นดุดัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ราชาศักดิ์สิทธิ์จึงรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณกำหมัดแน่น ไม่สิ เขาเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด พลังของเขาเหนือกว่าเจ้าหัวขโมยนี่ นางไม่มีทางสู้เขาได้ พลังของนางนั้นเป็นเพียงพลังจอมปลอม เหอะ เขาไม่ออมมือให้นางแน่!

สายตาของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณตวัดไปยังไข่มุกวิญญาณข้างเท้าของนางเจียง แล้วแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ “ข้ามิใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสตรี เจ้าคุกเข่าให้ข้าแล้วโขกศีรษะสามครั้ง และมอบไข่มุกวิญญาณคืนมาให้ข้า ข้าก็จะพิจารณาว่าจะไว้ชีวิตน้อยๆ ของเจ้าดีหรือไม่!”

นางเจียงหัวเราะ “คุกเข่าหรือ? โขกศีรษะสามครั้งหรือ? ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันถึงเพียงนั้นก็ได้กระมัง?”

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณพูดด้วยความเย่อหยิ่งว่า “หากเจ้าคิดว่าน้อยไป จะโขกสักหกทีก็ได้! หรือว่า…พวกเขาสามคน โขกศีรษะคนละสามครั้ง ข้าก็อาจจะไว้ชีวิตพวกเขาด้วย!”

“โอ้” นางเจียงเลิกคิ้ว “คนละสามครั้งหรือ เจ้าพูดแล้วนะ อย่าคืนคำก็แล้วกัน”

สตรีคนนี้…ตอบรับเร็วเหลือเกิน? แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็ไม่น่าแปลก อย่างไรเสียตนเองก็เป็นถึงราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด หากนางยังกล้าแข็งข้อกับเขาก็เห็นจะยาก?

ราชาศักดิ์สิทธิ์ยืดอก เชิดหน้าขึ้น รอให้นางเจียงพาเด็กทั้งสามมาโขกศีรษะตรงหน้าเขา ไม่คิดเลยว่าทันใดนั้นเอง หัวเข่าของเขาก็ดังแกร็ก ร่างล้มลงกับพื้น

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณปล่อยพลังออกมา แต่ยังไม่ทันได้ปล่อยออกมาทั้งหมด กลิ่นอายรุนแรงสายหนึ่งก็พุ่งกลับเข้าหาจุดตันเถียนของเขา!

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณแทบกระอักเลือดออกมา!

นางเจียงลอยตัวขึ้น คว้าคอเสื้อด้านหลังของเขา ยกเขาลอยขึ้น แล้วฟาดลงกับพื้นเต็มแรง

พลั่ก!

หน้าผากของเขากระแทกกับพื้น

โขกศีรษะครั้งที่หนึ่ง

“ข้าบอกแล้วอย่างไร ว่าไม่ต้องเกรงใจ”

นางเจียงคว้าเขาอีกครั้ง เหวี่ยงขึ้นสูง แล้วฟาดลงกับพื้น

พลั่ก!

หน้าผากของเขากระแทกกับพื้นอีกครั้ง

โขกศีรษะครั้งที่สอง

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณอยากจะบ้าตาย!

เกิดอะไรขึ้น วรยุทธ์ของเขาเล่า ทำไมทุกครั้งที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของสตรีคนนี้ เขาถึงใช้พลังไม่ได้เล่า

อันที่จริงคงต้องโทษข้อได้เปรียบด้านระดับพลังของเขา แม้จะบอกว่าเขาไม่เสี่ยงอันตราย แต่ก็ไม่อาจออกแรงมาก จึงทำได้เพียงใช้เด็กทั้งสามข่มขู่นางเจียง ทั้งยังให้พวกเขาโขกศีรษะให้ตนอีก

เด็กทั้งสามนั่งดื่มนม พลางคิดว่าลุงคนนี้ประหลาดเสียจริง

ภาพเหตุการณ์ต่อมานั้นไม่เหมาะกับเยาวชน นางเจียงจึงตัดสินใจลากราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณออกไปนอกจวน

ในตอนนั้นเอง ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรก็ตามมา

ก่อนหน้านี้ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณได้ปล่อยพลังออกไป ทั้งสองคนก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ คุยกันเสียดิบดีว่าทางที่ดีอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณปล่อยพลังออกมาเช่นนี้ ก็หมายความว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอีก

แต่ก็น่าแปลก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างจากที่พวกเขาคิด!

สำหรับพวกเขาแล้ว ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยพลังออกมาเช่นนี้ ก็เพราะเขากำลังจัดการผู้อื่นอยู่ ไฉนถึงกลายเป็นว่าเขาถูกจัดการเสียเอง…

ฉิบหายแล้ว!

เอาอีกแล้ว?

จะโกนผมอีกแล้ว!

นางเจียงจับราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกวัดแกว่งมีดเงาวับเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เป็นนาง!” ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมจำผู้หญิงจอมโหดเหี้ยมคนนี้ได้!

ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรกุมศีรษะทันที!

ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมอดถลึงตาใส่เขาไม่ได้ “เป็นอะไรไป พวกเราเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์แล้ว! สามคนร่วมมือกัน จะสู้นางไม่ได้เชียวหรือ?”

“จะว่าไป…ก็จริง” ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรปล่อยมือลง ความกล้าของเขาเริ่มกลับมาแล้ว เขาคำรามลั่น แล้วพุ่งเขาใส่นางเจียง

“หืม? มีอีกสองคน” ดวงตาของนางเจียงเป็นประกายวาบ ยังไม่ทันได้ลงใบมีด ก็ต้องเก็บไปแล้ว นางกำหมัดแน่น แล้วต่อยลงไปที่อกของราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร

ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ฝึกฝนวรยุทธ์ที่แตกต่างกัน ราชาศักดิ์สิทธิ์สามคนที่เหลือล้วนมีอาวุธคู่กาย มีเพียงราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรที่ฝึกฝนความแกร่งของร่างกาย กำปั้นของเขาหนักหมื่นจิน ร่างกายของเขาแข็งแรงดุจเหล็กกล้า พลังภายในของเขาล้ำลึกดุจมหาสมุทร ยอดฝีมือเช่นนี้ นับว่าน่าสะพรึงกลัวเมื่อต้องต่อสู้กับมนุษย์ทั่วไป

นางเจียงปล่อยหมัดออกไป

ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรไม่ขยับ

“หืม?” ดวงตาของนางเจียงเป็นประกาย นางเหวี่ยงราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณซึ่งจับอยู่ออกไป แล้วรัวหมัดใส่หน้าอกของราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร

ไม่ขยับหรือ?

นางเจียงทะยานขึ้นฟ้า เหนือพื้นไปหนึ่งร้อยฉื่อ ง้างหมัดขึ้นสองข้าง แล้วต่อยลงเบื้องล่าง

ทันทีที่นางกำลังจะโจมตีเข้าที่หน้าอกของราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรก็ยื่นมือออกมา แล้วทำท่าราวกับบอกให้นางหยุด

นางเจียงน้อยชะงักไป กะพริบตาปริบๆ มองเขา

ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขากดหน้าอก กลอกตา แลบลิ้นออกมา แล้วล้มลงไปกับพื้น…

ฉิบหายแล้ว!

นางเป็นสตรีจริงหรือ?

เขาเจ็บเจียนตาย!!!

ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรล้มโครมลงไปจนเป็นหลุมลึกสิบฉื่อ โคลนสาดกระเซ็นออกมาใส่ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม

ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมตื่นตะลึง แม้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรจะไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ระดับสูงสุด แต่กลับเป็นคนที่ทนไม้ทนมือมากที่สุด ยามที่แลกเปลี่ยนวิชากับราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ นางและราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพานั้นพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย มีเพียงราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ความหวาดหวั่นถาโถมขึ้นในใจของราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม แต่ที่มีมากกว่าก็คือความแค้น นางดึงแส้เพลิงแดงซึ่งเหน็บอยู่ข้างเอวออกมา แล้วโจมตีนางเจียงในทันใด “เอานี่ไป!”

แส้เพลิงแดงเป็นอาวุธชั้นสูงของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่อีกฝ่ายถูกโจมตี บนร่างก็จะมีรอยแผลเป็นประหนึ่งถูกไฟไหม้ จึงได้ชื่อนี้มา

พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์มิได้อ่อนด้อยแต่อย่างใด ทว่าเมื่อมีแส้เพลิงแดง พลังของนางก็น่ากลัวขึ้นมาถนัดตา แม้แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณซึ่งมีพลังระดับสูงก็ไม่อาจล้มนางได้ง่ายๆ

แส้นี้ตวัดกลางอากาศ ตรงไปยังนางเจียง

ทันทีที่เห็นแส้ฟาดเข้ามาทางตน นางเจียงก็ยกมือขึ้นมาจับแส้ไว้

ขณะที่นางกำลังจะจับแส้ ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมก็หัวเราะออกมา

นางโง่ กล้าจับแส้เพลิงแดงด้วยมือเปล่า หากครานี้มือของเจ้าไม่เละ ข้าก็คงไม่เหมาะจะเรียกตนเองว่าเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์แล้ว!

ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมปล่อยพลังภายในใส่ในแส้ เพลิงสีแดงลุกโชติช่วง เผาไหม้มือของนางเจียง!

ฟู่!

ไฟมอดลง

ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมตะลึงงัน

…………