บทที่ 504 ลงทะเลเพลิงครั้งแรก

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 504 ลงทะเลเพลิงครั้งแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังเป่าเล่อแสนพึงพอใจที่ในที่สุดก็ได้ถ้ำที่พักส่วนตัวบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ ถ้ำที่พักที่ได้รับมาก็น่าอยู่ยิ่งนัก มีถึงแปดห้อง นอกจากบริเวณที่ใช้ฝึกวิชาแล้วยังมีบ่อวิญญาณอยู่ใจกลางถ้ำด้วย น้ำในบ่อก่อตัวจากปราณวิญญาณส่งผลให้ทั่วบริเวณมีปราณวิญญาณอัดอยู่หนาแน่น

แต่ละห้องมีไว้เพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป มีห้องหนึ่งใช้ปลูกสมุนไพร ห้องหนึ่งใช้เลี้ยงอสูรวิญญาณ ส่วนอีกห้องใช้หลอมโอสถ ห้องที่สร้างความแปลกใจให้หวังเป่าเล่อที่สุดคือห้องที่มีแผ่นหินตั้งอยู่ แผ่นหินนี้เชื่อมต่อกับศิลายักษ์ที่ใช้รับภารกิจในเกาะหลังสำนักวังเต๋าไพศาล ทำให้ชายหนุ่มสามารถรับภารกิจต่างๆ ได้ที่นี่

แต่แผ่นหินนี้ก็ใช้รับภารกิจได้เพียงอย่างเดียว หากปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ต้องกลับไปยังเกาะหลักเพื่อรับการประเมินผลแล้วจึงจะได้รับแต้มการรบ ถึงกระนั้นก็ยังน่าพึงพอใจไม่น้อย เพราะสามารถช่วยประหยัดเวลาการเดินทางไปได้มากโข

ถ้ำที่พักแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตอบรับการใช้ชีวิตของผู้ฝึกตนได้ทุกอย่าง

นอกจากนี้ พอชายหนุ่มออกไปหยุดยืนบนยอดเขานอกที่พัก ก็ยังเห็นบรรยากาศโดยรอบได้อย่างชัดเจน นอกจากจะเห็นสิ่งต่างๆ ในระยะกว้างแล้ว ถ้ำที่พักแห่งนี้ยังตั้งอยู่กึ่งกลางวงแหวนป้องกันด้วย

หลังจากชมรอบๆ จนทั่ว หวังเป่าเล่อก็เลือกห้องหนึ่งไว้เป็นบริเวณที่พักหลัก เขาจัดแจงข้าวของ จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ เริ่มครุ่นคิดถึงแผนการต่อจากนี้

ข้าต้องหาแต้มการรบให้ได้ไวๆ และศึกษาเรื่องสำนักวังเต๋าไพศาลและกระบี่สำริดเขียวโบราณไปด้วย… หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หวังเป่าเล่อก็เดินไปยังห้องที่มีแผ่นหินรับภารกิจ เขากดมือขวาลงบนแผ่นหิน พลันรายชื่อภารกิจก็ปรากฏขึ้นในหัว

ชายหนุ่มไม่สนใจภารกิจที่ได้แต้มการรบเพียงหนึ่งหลัก เขาตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ภารกิจซึ่งได้แต้มการรบประมาณห้าสิบแต้ม ภารกิจที่ได้แต้มมากกว่านั้น ถ้าไม่ยากเกินไปก็กินเวลาไม่น้อย หวังเป่าเล่อจึงปัดทิ้งไปด้วยเช่นกัน

หลังจากเลือกอยู่พักหนึ่ง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเมื่อได้เห็นภารกิจหนึ่งเข้า

มันคือภารกิจค้นหาหนูเพลิงนรกและรวบรวมแก่นอสูรสดใหม่ แก่นอสูรหนึ่งชิ้นแลกได้ถึงสามสิบแต้ม!

ภารกิจมีรายละเอียดคร่าวๆ ของหนูเพลิงนรกเขียนบอกไว้ หนูเพลิงนรกเป็นอสูรที่อาศัยอยู่ในทะเลเพลิง มีรูปลักษณ์คล้ายหนู ไม่ได้กล้าแกร่งสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่น มีเพียงราชาหนูเพลิงนรกเท่านั้นที่อยู่ขั้นกำเนิดแก่นใน

ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสามารถปฏิบัติภารกิจนี้ได้หากความยากของภารกิจมาจากหนูเพลิงนรกเพียงเท่านั้น แต่ภารกิจนี้มีเพียงผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่สามารถทำได้ เนื่องจากหนูเพลิงนรกไม่ค่อยออกจากทะเลแห่งเพลิง จึงสามารถพบเจอได้ในทะเลเท่านั้น

ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นไม่สามารถเข้าไปในทะเลเพลิงได้ พวกเขายังไม่ทันจะหายใจได้ทั่วท้องก็โดนเผาเป็นจุลแล้ว มีเพียงผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่สามารถทนอยู่ในทะเลเพลิงได้เป็นเวลานานโดยใช้คาถาป้องกันช่วย

เพราะเหตุนี้ ภารกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับทะเลเพลิงจึงมีเพียงผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในเท่านั้นที่สามารถรับได้

หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งขณะอ่านรายละเอียดภารกิจ เขาส่งข้อความเสียงไปหาผู้ฝึกตนอ้วนที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในสำนักวังเต๋าไพศาลเพื่อถามหารายละเอียดเกี่ยวกับหนูเพลิงนรกเพิ่ม ชายอ้วนส่งข้อมูลทั้งหมดที่มีให้โดยไม่ลังเลใจ

ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณจากนั้นก็อ่านรายละเอียดภารกิจต่อ นัยน์ตาของเขาค่อยๆ หรี่เล็กลง

“หนูเพลิงนรกอาจไม่ได้เก่งกาจเรื่องการสู้รบ แต่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากเมื่ออยู่ในทะเลเพลิง…นอกจากนี้ ผู้ฝึกตนที่ลงไปในทะเลเพลิงจะโดนพิษทะเลเพลิงกัดกร่อนแม้จะมีคาถาป้องกัน ปราณวิญญาณในทะเลเพลิงไม่ค่อยมั่นคงจึงไม่สามารถดูดซับได้ ทำให้ไม่สามารถใช้คาถาได้พร่ำเพรื่อ โปรดระวังว่าความเร็วของผู้ฝึกตนจะลดลงเมื่ออยู่ในทะเลเพลิง”

หวังเป่าเล่ออ่านข้อมูลจนจบจากนั้นก็นิ่งเงียบไป พลันความมุ่งมั่นก็ฉายชัดขึ้นในแววตา เขากดรับภารกิจหนูเพลิงนรกอย่างไม่ลังเลใจ

ชายหนุ่มหันมองฟ้ายามเย็นที่เริ่มคืบคลานเข้ามา ตามข้อมูลที่ได้จากผู้ฝึกตนอ้วน ทะเลเพลิงจะเป็นพิษน้อยลงในช่วงกลางคืน แม้ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นจะไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แต่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในสามารถทนอยู่ในทะเลเพลิงได้นานขึ้น

เขาไม่มัวเสียเวลา รีบเดินออกจากถ้ำที่พัก ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้ารวดเร็วราวสายรุ้ง ลืมเหลียงหลงที่ยังติดอยู่ในระฆังยักษ์ไปเสียสิ้น

หวังเป่าเล่อออกจากเกาะเพลิงเขียว มุ่งหน้าไปยังทะเลเพลิง เขาสำรวจดูการเคลื่อนไหวในทะเล หวังในใจว่าจะเจอหนูเพลิงนรกขึ้นมาบนผิวน้ำ อีกทั้งยังคอยมองฟ้าไปด้วย หนึ่งชั่วโมงผ่านไปฟ้าก็มืดลง ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หยุดการเคลื่อนไหว ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปหยุดอยู่บนทะเลเพลิงไม่ได้บุ่มบ่ามพุ่งลงทะเลไป เขาลอยอยู่บนทะเล ตรวจสอบให้มั่นใจว่าตนจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวจมลงทะเลไป

โลกรอบตัวกลายเป็นสีเลือดหมูเข้มขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆ จมหายลงไปในทะเล เสียงเปลวไฟปะทุดังก้องในหูขณะที่ไอร้อนจากทั่วสารทิศพัดเข้าใส่ร่าง

โชคดีที่หวังเป่าเล่อไม่ได้เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน ร่างกายของเขาเองก็อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในเช่นกัน ระดับพลังป้องกันของเขาเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้นคนอื่นๆ ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยเมื่อจมลงไปในทะเลลาวาแต่ไม่นานก็หาย

รอบตัวเขามีลาวาคอยขัดขวางวิสัยทัศน์ แต่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในก็สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งรอบกายโดยไม่ต้องเหลือบมอง แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ในระยะที่กว้างมาก

ตอนที่หวังเป่าเล่อสร้างแก่นในหัวใจนั้น เขายังได้สร้างจิตสัมผัสวิญญาณที่แม้แต่หลี่ซิงเหวินยังต้องตื่นตกใจขึ้นมาด้วย ตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่รู้ตัวแน่ชัด แต่พอได้ลงมาอยู่ในทะเลลาวาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แตกต่างไป

ชายหนุ่มทั้งแปลกใจและยินดีเมื่อพบว่าตนไม่ต้องใช้ตาในการมองผ่านลาวาที่ขวางกั้นวิสัยทัศน์อยู่ ภาพสิ่งรอบกายปรากฏขึ้นเด่นชัดในหัว และเขาสามารถมองเห็นได้ไกลถึงสิบเมตร

ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนอื่นคงจะตื่นตะลึงเป็นแน่เมื่อได้รู้ เพราะพวกเขาสามารถจับสัมผัสได้ไกลเพียงสองเมตรเท่านั้นในลาวา ด้วยเหตุนี้หนูเพลิงนรกจึงมีมูลค่าสูง

ลองปล่อยยุงออกมาทดสอบดูดีกว่า… หวังเป่าเล่อปล่อยยุงออกมาหลังจากมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนในหัว ยุงสิบตัวบินออกมาจากภายในกายทันที ทว่าน่าเสียดายที่บางตัวไม่สามารถทานทนลาวาได้จึงละลายหายไป มีเพียงยุงสีเทาที่ดูจะไม่เป็นอะไร

หลังจากลองอยู่หลายครั้งหวังเป่าเล่อก็พบว่ายุงธรรมดาสามารถทนอยู่ได้ประมาณสี่สิบลมหายใจก็ตาย

โชคดีที่ข้ายังสามารถปล่อยยุงธรรมดาออกมาได้… ดวงตาของชายหนุ่มฉายแสงวาบ เขาส่งยุงกระจายตัวออกไปเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ตนเองได้ถึงหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นก็ทะยานลึกเข้าไปในทะเลเพลิงเพื่อตามหาหนูเพลิงนรก

หวังเป่าเล่อปล่อยยุงฝูงใหม่ออกมาเปลี่ยนกับฝูงเดิมทุกๆ ชั่วสามสิบลมหายใจเพื่อรักษาวิสัยทัศน์หนึ่งร้อยเมตรเอาไว้

ด้วยวิสัยทัศน์ในตอนนี้ที่เหนือชั้นกว่าคนในระดับเดียวกันถึงหนึ่งร้อยเท่า ทำให้ช่วยเร่งเวลาในการตามหาหนูเพลิงนรกได้มากขึ้น แต่ก็ติดตรงที่ใช้ปราณวิญญาณมากเกินไป หลังจากประเมินปริมาณพลังปราณที่ใช้ไปและคำนวณดูว่าตนจะอยู่ในทะเลเพลิงได้นานเท่าใด หวังเป่าเล่อก็เรียกยุงจำนวนหนึ่งกลับมา เหลือทิ้งไว้แค่สามตัวคอยช่วยยุงสีเทาในภารกิจค้นหา ยุงทั้งสี่ครอบคลุมพื้นที่รอบๆ ได้เกือบหมด

สองชั่วโมงผ่านไป ชายหนุ่มเหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะถึงขีดจำกัด ทันใดนั้นจิตสัมผัสของเขาก็ปั่นป่วนเมื่อเห็นแสงสีแดงเข้มผ่านทางสายตาของยุงสีเทา แสงนั่นเคลื่อนไหวรวดเร็วมากจนเห็นเป็นภาพไม่ชัดเจน แต่หวังเป่าเล่อก็ทันเห็นเค้าร่างที่คล้ายหนูของมัน

แสงนั่นคือหนูเพลิงนรก!

เจอแล้ว! นัยน์ตาของเขาฉายแววดีใจ ชายหนุ่มไม่ลังเล รีบปล่อยยุงทุกตัวให้กระจายตัวไปเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ตน ทันใดนั้นเอง หวังเป่าเล่อก็เห็นหนูเพลิงนรกห่างออกไปไม่ไกล

เหมือนว่ามันจะสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย จึงรีบทะยานหนีออกไปด้วยความเร็วสูง

พยายามจะหนีหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบขณะพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เขาสั่งยุงให้ช่วยหยุดอสูรเบื้องหน้า หนูเพลินนรกพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มมีวิสัยทัศน์กว้างเพียงพออีกทั้งยังมีความเร็วที่เสริมด้วยพลังกายระดับขั้นกำเนิดแก่นใน หนูเพลิงนรกร้องลั่นเมื่อฝูงยุงเข้าไปขัดขวาง หวังเป่าเล่อยังไม่ทันจะได้เข้าไปใกล้ ยุงสีเทาก็พุ่งเข้าไปเจาะกะโหลกอสูรเบื้องหน้า จนทำให้หนูเพลิงนรกตัวสั่นเทิ้ม

ชายหนุ่มตามมาถึง เขายกมือขวาคว้าอากาศ พลันแก่นอสูรสีแดงรูปทรงคล้ายผลึกแก้วก็ลอยออกมาจากตัวหนูเพลิงนรกเข้าไปอยู่ในมือของหวังเป่าเล่อ

ได้แล้ว! ชายหนุ่มดีใจยิ่งนัก เขากำลังจะตรวจดูแก่นอสูร ทันใดนั้น เสียงแม่นางน้อยก็ดังขึ้นในหัว

“เป่าเล่อ ดำลึกลงไปอีก ข้าสัมผัสได้ถึงชิ้นส่วนหน้ากากข้างล่างนั่น!”