ตอนที่ 346 ประสบการณ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 346 ประสบการณ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้

ตอนที่ 346 ประสบการณ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้

จ้าวเหวินเทาไปแล้ว คุณแม่จ้าวจึงเป็นกังวลว่าเย่ฉูฉู่จะกลัว อีกอย่างก็เป็นเพราะกังวลใจจึงมาอยู่เป็นเพื่อน ถึงอย่างไรครั้งก่อนตอนที่มีฆาตกรวิ่งมาที่นี่ก็ทำให้ตกใจแทบแย่

“คุณแม่ ไม่เห็นต้องมาถึงที่นี่เลย ที่บ้านมีต้าเฮยกับเสี่ยวเฮยอยู่ พวกมันเก่งมากเลยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

 

คุณแม่จ้าวอุ้มเสี่ยวไป๋หยางด้วยความเอ็นดู กล่าวว่า “ต่อให้เก่งกว่านี้ก็เป็นแค่หมา จะเก่งสู้คนได้เหรอ เธออย่ามองว่าตอนที่เหวินเทาไม่ได้ออกจากบ้านและไม่ได้กลับมาจะไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วนะ ทุกคนต่างก็รู้กันหมดว่าเหวินเทาไม่อยู่บ้านหลายวัน ถ้ามีคนคิดร้ายขึ้นมาแย่เลย ตอนเช้าแม่เป็นห่วงเธอจะแย่แล้ว ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็เรียกเฮ่อซงจือมาอยู่เป็นเพื่อนเถอะ”

  

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ช่วงเช้าใครจะกล้าล่ะคะ อีกอย่าง มีคนมาสร้างบ้านทางฝั่งนี้กันทั้งนั้นเลย ตอนเช้าคนเยอะแยะขนาดนี้ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“ต่อให้เธอจะมีเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังอยู่ห่างจากกันมากเกินไปอยู่ดี ในหมู่บ้านถึงจะดูเบียดเสียด แต่อยู่ติดกันนี่แหละปลอดภัย” คุณแม่จ้าวกล่าว “ถ้าไม่ได้จริง ๆ เธอย้ายไปอยู่ที่ฟาร์มกระต่ายสักสามสี่วันดีกว่า”

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่ อากาศหนาวแล้ว ตอนค่ำอาจแข็งได้ ฉันต้องเปิดเครื่องทำความร้อนไว้ ไม่งั้นโอ่งที่ดองผักไว้คงแข็งหมด” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ก็จริงนะ” ระหว่างที่พูดคุณแม่จ้าวก็พูดถึงพี่สะใภ้สี่จ้าว “แม่ของพี่สะใภ้สี่เธอมาแล้ว แม่ยายคนนี้ช่างหาเวลามาจริง ๆ”

“พี่สี่ไม่อยู่บ้านพอดี ก็ได้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้สี่ด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว

“อยู่เป็นเพื่อนก็อยู่เป็นเพื่อนเถอะ แต่หลังจากอยู่เป็นเพื่อนเสร็จก็รอดูแล้วกัน ต้องขนของกลับไปไม่น้อยแน่ ๆ หนีไม่พ้นข้าวสารนั่นแหละ!”

“เอาไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “ไม่ใช่คนอื่นคนไกล”

 

“ฉูฉู่ เธอคงไม่รู้ บ้านแม่ของพี่สะใภ้สี่เธอไม่เหมือนกับบ้านของแม่เธอหรอกนะ น้องชายคนนั้นของหล่อนกินเก่งแต่ขี้เกียจทำงาน เดิมทีก็พึ่งพาให้พ่อแม่เลี้ยงดู ตอนนี้พ่อแม่อายุมากแล้วก็เลยพึ่งพาให้พวกพี่สาวดูแล แม่ของพี่สะใภ้สี่เธอลำเอียงแบบไร้ขอบเขต แทบจะขายลูกสาวเพื่อเลี้ยงลูกชายอยู่แล้ว!”

เย่ฉูฉู่เคยได้ยินเรื่องที่บ้านแม่ของพี่สะใภ้สี่จ้าวรักลูกชายมากกว่าลูกสาวแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติในยุคนั้นของเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเข้าใจเป็นอย่างดี แต่เข้าใจก็อยู่ในส่วนของเข้าใจ ทว่ากลับไม่ได้ชอบความคิดเช่นนี้

ยุคนี้ยังดี อย่างน้อย ๆ ก็คัดค้านความลำเอียงแบบนี้แล้ว

คุณแม่จ้าวยังพูดต่อไปว่า “พี่สะใภ้สี่ของเธอก็ไร้สมอง พ่อแม่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว ตัวเองก็ยังรักลูกชายมากกว่าลูกสาวอีก เธอดูสิ ดูที่หล่อนทำกับลูกสาวสามคนนั้น เลือดเนื้อที่เกิดออกมาเอง กลับปฏิบัติเหมือนกับเป็นหนามยอกอกเสียได้ พูดแล้วก็โมโห!”

เย่ฉูฉู่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณแม่ ตอนเที่ยงเราห่อเกี๊ยวกินกันดีไหมคะ?”

คุณแม่จ้าว “กินเกี๊ยวเหรอ ดองผักไว้หรือยัง? ถ้าเปรี้ยวแล้วก็เอามาห่อเกี๊ยวไส้ผักดองสักหน่อย”

“เปรี้ยวแล้วค่ะ แต่ไม่ได้เปรี้ยวขนาดนั้น คุณแม่ลองชิมดูนะคะ” เย่ฉูฉู่รับเสี่ยวไป๋หยางมา เธอกะเวลาได้ว่าตอนนี้ลูกคงอยากจะปัสสาวะแล้ว

คุณแม่จ้าวไปชิมผักดองแล้วก็เอ่ยขึ้น “อืม ใช้ได้ ห่อเกี๊ยวผักกาดดองแล้วกันนะ ฉูฉู่ เธอดองผักเร็วมากเลยนะเนี่ย”

 

“คงเป็นเพราะห้องร้อนน่ะค่ะ แล้วฉันก็ดองไว้เร็วด้วย” เย่ฉูฉู่ให้เสี่ยวไป๋หยางปัสสาวะไปพลางพูดคุยไปพลาง

  

คุณแม่จ้าวพูดด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวไป๋หยางเล็กขนาดนี้รู้จักยืนฉี่แล้วเหรอ!”

เสี่ยวไป๋หยางในตอนนี้ถูกเย่ฉูฉู่กอดอยู่ในอ้อมแขนทั้งสองข้าง ยืนอยู่บนพื้นและฉี่ลงไปในกระโถน คุณแม่จ้าวพูดแบบนี้ เสี่ยวไป๋หยางจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คุณแม่จ้าว

  

คุณแม่จ้าวรู้สึกดีใจมากจริง ๆ “ฉูฉู่ เธอสอนยังไงเนี่ย?”

เย่ฉูฉู่แอบรู้สึกเคอะเขิน จะพูดว่าเป็นเพราะตัวเองขี้เกียจได้เหรอ ตั้งแต่ออกจากการอยู่ไฟ เธอก็ตั้งใจสอนให้เสี่ยวไป๋หยางปัสสาวะโดยเฉพาะ เพราะเธอไม่ชอบซักผ้าอ้อม และไม่ชอบตามเช็ดปัสสาวะของลูกด้วย ยังดีที่เสี่ยวไป๋หยางไว้หน้าเธอบ้าง เพียงไม่นานก็เข้าใจถึงจิตใจของแม่คนนี้แล้ว จะปัสสาวะทีก็ส่งสัญญาณ จนกระทั่งเดินได้ไม่กี่ก้าว เย่ฉูฉู่ก็เริ่มสอนให้เขายืนปัสสาวะลงไปในกระโถน ตอนที่อุจจาระก็ให้เขานั่งยอง ๆ

“คุณแม่ เด็กโตขนาดนี้ก็น่าจะทำได้หมดแล้วมั้งคะ?” เย่ฉูฉู่กลัวว่าแม่สามีได้ยินว่าเธอไม่อยากดูแลหลานชายแล้วจะโกรธเคือง จึงพูดออกไปแบบนี้

คุณแม่จ้าวกล่าว “ใครบอกล่ะ! เด็กโตเท่านี้ยังกินยังอึเลอะเทอะอยู่เลย!”

 

“จริงเหรอคะ งั้นเสี่ยวไป๋หยางก็คงเก่งมากจริง ๆ แล้วล่ะ!” เย่ฉูฉู่ชมลูกชาย จนกระทั่งลูกชายปัสสาวะเสร็จจึงอุ้มไปล้างมือ

คุณแม่จ้าวมองออกว่าลูกสะใภ้คนนี้เป็นคนรักความสะอาด หลานชายปัสสาวะเสร็จก็พาไปล้างมือ ลูกสะใภ้ก็ล้างมือเช่นกัน นอกจากนี้ภายในบ้านก็ไม่มีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว กระโถนที่ลูกใช้ก็วางไว้ด้านนอก นางแอบส่ายหน้าอยู่ในใจ ไม่แปลกใจเลยที่เสี่ยวไป๋หยางจะสะอาดสะอ้านขนาดนี้!

เย่ฉูฉู่ล้างมือเสร็จก็ยื่นเสี่ยวไป๋หยางให้คุณแม่จ้าว “คุณแม่ เดี๋ยวฉันไปทำไส้เกี๊ยวให้ค่ะ”

คุณแม่จ้าวมีความสุขที่ได้เลี้ยงหลาน จึงรับหลานไปเล่นด้วย ระหว่างนั้นก็ดูเย่ฉูฉู่ทำงานไปพลาง ๆ

 

เย่ฉูฉู่นำผักดองออกมาล้างน้ำสามรอบ ซึ่งใช้เป็นน้ำร้อนทั้งหมด รอบแรกล้างแบบโดยรวม ส่วนอีกสองรอบแยกผักดองออกมาล้าง จากนั้นจึงเริ่มหั่น หั่นเสร็จก็บีบเล็กน้อยวางไว้ในจาน จากนั้นจึงล้างมีดล้างเขียง นำเนื้อสัตว์ไปล้างน้ำ หั่นเนื้อสัตว์แล้วนำไปสับ ใส่ลงไปในผักกาดดอง คลุกเคล้าให้เข้ากัน หยิบกล่องเครื่องปรุงแต่ละชนิดออกมาจากห้องฝั่งตะวันตก วางไว้ในกล่องใบใหญ่ หลังจากใช้เสร็จก็นำกลับไปวางไว้ที่เดิม

  

“ทำไมถึงเอาเครื่องปรุงไปวางไว้ในห้องฝั่งตะวันตกล่ะ จะใช้ยุ่งยากจะตายไป” คุณแม่จ้าวกล่าว

“เผาไฟมีขี้เถ้า เตาเผาก็มีขี้เถ้า สกปรกน่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

คุณแม่จ้าวถึงกับหมดคำพูด ในชนบทมีบ้านไหนบ้างที่ทำแบบนี้!

 

“ฉูฉู่ รักสะอาดเกินไปก็ไม่ดีหรอกนะ” คุณแม่จ้าวอดไม่ได้ที่จะพูด “ให้มันพอประมาณก็ได้แล้ว”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “คุณแม่ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” จากนั้นก็ทำงานต่อ

  

เธอนวดแป้ง ตัดเป็นชิ้นและรีดแป้งอย่างรวดเร็ว คุณแม่จ้าวเข้าใจแล้วที่ลูกชายบอกว่าเย่ฉูฉู่อยู่บ้านห่อเกี๊ยวเป็นประจำห่ออย่างไร ทำงานเร็วขนาดนี้ ได้กินเกี๊ยวก็ไม่แปลก แม้แต่ทำซาลาเปาก็ไม่ใช่ปัญหา

เย่ฉูฉู่ห่อไว้สองไส้ อย่างแรกคือใส่เนื้อสัตว์ อีกอย่างคือไม่ใส่เนื้อสัตว์ ส่วนที่ใส่เนื้อสัตว์แม่สามีกิน ส่วนเธอกินส่วนที่ไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์

“ฉูฉู่ เธอยังให้นมลูกอยู่นะ ไม่กินเนื้อไม่ได้หรอก” คุณแม่จ้าวเห็นจึงพูดขึ้น

“คุณแม่ ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อวานฉันเพิ่งดื่มซุปไก่ไป น้ำนมของฉันเพียงพอให้เสี่ยวไป๋หยางกินแล้ว” เย่ฉูฉู่มองดูลูกชายพลางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ตอนนี้เขาอยากกินข้าวมากกว่า ต้มซุปไก่กับโจ๊กข้าวฟ่างก็อร่อยแล้ว”

คุณแม่จ้าวก้มหน้ามองนัยน์ตากลมโตสีดำคู่นั้นของหลานชาย นางก้มหน้าหอมแก้มไปหนึ่งฟอด “ลูกบ้านเรารักแม่จังเลยนะ ตัวแค่นี้กินข้าวเป็นแล้ว! ตอนเหวินเทาเด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ ตอนนั้นบ้านยากจน ไม่มีอะไรให้กิน ในบรรดาพี่น้องของเหวินเทามีแค่เหวินเทาที่ได้กินนมจนถึงหนึ่งขวบ ส่วนคนอื่น ๆ ได้กินนมแค่ 6-7 เดือนก็หย่านมแล้ว หิวจนร้องไห้งอแงใหญ่เลย พ่อของเธอก็ไปยืมคนอื่นเขาทั่วไปหมด ไปคุยกับคนอื่นก็ได้ข้าวฟ่างกลับมานิดหน่อย เอามาต้มเป็นโจ๊กให้พวกเขากิน เฮ้อ เวลาผ่านไปแล้ว กว่าจะเลี้ยงลูกจนโตไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ! ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้พี่สาวใหญ่ของเธอก็มีลูกสองคน แต่ก็ตายเพราะความหิวไปแล้ว”

เย่ฉูฉู่ก็ถอนหายใจไปด้วย “แม่ของฉันเองก็เสียลูกไปสองคนเหมือนกันค่ะ อันที่จริงฉันยังมีพี่สาวใหญ่อีกหนึ่งคน แต่ยังไม่ทันได้ออกจากอยู่ไฟก็จากไปแล้ว ยังมีพี่ชายอีกคนด้วย ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นพี่รองของฉัน ตอนนั้นแต่ละครอบครัวก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น”

“ก็นั่นน่ะสิ มีบ้านไหนบ้างที่ไม่เสียลูกไป” คุณแม่จ้าวกล่าว “แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร มีลูกเยอะแยะขนาดนั้น ตายไปแล้วก็ปล่อยให้ตายไป ตอนนั้นที่เกิดเหวินเทาออกมาก็มีลูกเยอะแล้ว เขาเกิดมาในช่วงฤดูร้อนพอดี ไม่มีอะไรจะกินก็ขึ้นไปบนเขา ก็หาของกินกลับมาได้แล้ว กินไม่อิ่มก็ไม่ถึงขั้นตายเพราะความหิว คิดไม่ถึงเลยนะ หลังจากผ่านไปยี่สิบกว่าปีให้หลัง ฤดูหนาวยังมีเกี๊ยวไส้เนื้อหมูให้กิน แถมยังเป็นแป้งขาวอีก ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ!”

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ไม่มีสะใภ้คนไหนประเสริฐเท่ากับฉูฉู่อีกแล้วค่ะ งานบ้านงานเรือนจัดการได้สะอาดดีจริงๆ

ไหหม่า(海馬)