หน้าประตูจวนอ๋อง เกาจ๋างสื่อพาชิงเสวี่ยและบ่าวรับใช้อีกหลายคน ยืนรอพระชายาเอกกลับ เมื่อเห็นรถม้ามาถึง ก็ลงบันไดไปต้อนรับทันที
บ่าวรับใช้ทุกคนต่างรู้ดีว่าเรื่องญาติฝั่งท่านอาของพระชายาเอก ทำให้พระชายาเอกไม่สบายใจเท่าไหร่ ช่วงนี้บ่าวรับใช้จึงถูกเกาจ๋างสื่อกำชับว่าจะทำสิ่งใดก็ควรระมัดระวังให้มาก จนทุกคนต่างก็มิกล้าส่งเสียงดังหรือเล่นสนุก วันนี้ก็เช่นกัน บ่าวรับใช้ทุกคนก้มหน้าเดินตามเกาจ๋างสื่อ
แต่อวิ๋นหว่านชิ่นไม่อยากให้บรรยากาศในจวนอึมครึม นางจึงเดินไปและพูดไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางเอ่ยถาม “จิ่นจ้งกลับมาหรือยัง” หลายวันที่มาผ่าน มัวแต่วิ่งวุ่นเรื่องท่านพี่จนไม่ได้สนใจน้องชายเลย
“ยังเจ้าค่ะ” ชิวเสวี่ยเอ่ยตอบ “คุณชายบอกว่า ขาดเรียนไปหลายวิชา บางวันก็จะอยู่ถามอาจารย์ต่ออีกสักหน่อยหลังเลิกเรียนเจ้าค่ะ พักหลังเลยกลับมาช้าเป็นประจำ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ มีบ่าวรับใช้จากจวนอ๋องคอยติดตามดูแลตลอดทางเจ้าค่ะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกดีใจ น้องคนนี้ พอขยันขึ้นมา ก็ขยันสุดๆ เหมือนกัน ความดีใจเผยให้เห็นบนใบหน้า
บ่าวรับใช้ทุกคนเห็นเหนียงเหนียงอารมณ์ดีไม่น้อย ต่างก็พากันโล่งอกดีใจ
ประตูเอกของจวนอ๋องปิดลง ห่วงคล้องเงินสั่นเบาๆ จากนั้นก็เงียบสงบเช่นเดิม
ในเวลาเดียวกันกับที่ประตูปิดลง ทางโค้งที่อยู่ใม่ไกล มีคนๆ หนึ่งขย้ำผ้าเช็ดหน้าปักลาย แล้วก็หันกลับไปพิงกับกำแพงพร้อมทำสีหน้าที่ต่างจากใบหน้าอันอ่อนหวาน
“คุณหนู เรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ” เสียงหญิงแต่งกายเหมือนสาวรับใช้เอ่ยเกลี้ยกล่อม พลางมองประตูเอกห่วงคล้องเงินอันควบคุมอย่างหนาแน่นหนึ่งที “พระชายาเอกฉินก็เข้าไปแล้วนี่เจ้าคะ”
“เสี่ยวถง เจ้าไปคอยดูข้างๆ เอาไว้ ข้า…ข้าขอรออีกสักหน่อยนะ” หานเซียงเซียงยังคงกำผ้าเช็ดหน้าไว้และเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดึงดันไม่ยอมไป
เสี่ยงถงทอดถอนใจ คุณหนูรอมาทั้งวัน ไม่กล้าเดินเข้าประตู พอพระชายาเอกกลับมา ก็ไม่กล้าเดินเข้าไปหา แล้วยังจะยืนต่ออยู่ใยอีก
ถ้าหากอยากให้ได้พบหน้าฉินอ๋องจริง ก็ไม่รู้ว่าอีกว่าฉินอ๋องจะกลับมาตอนไหน รอไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า พูดไม่น่าฟังหน่อย แม้จะรอจนได้พบหน้า ไม่แน่ ฉินอ๋องอาจจะทำเหมือนครั้งก่อน ที่หาเหตุผลมาอ้างเพื่อหลีกเลี่ยงอีก
เป็นผู้หญิงแท้ๆ ขายหน้าไปแล้วหนึ่งครั้ง ก็ควรพอได้แล้ว
แต่เสี่ยวถงเองก็มองเจ้านายออก ตั้งแต่ที่เดินทางกลับมาจากการล่าสัตว์ คุณหนูก็หลงรักฉินอ๋องไปแล้ว พอกลับเข้าเมืองลวงก็ยิ่งหลงหัวปักปัวปำ ทำให้รู้เลยว่าเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็คงไม่ฟังแล้ว ทำได้เพียงเอ่ยออกไปในอีกมุมหนึ่ง “คุณหนู กลับจวนกันเถิดเจ้าค่ะ ประตูบานนี้ สักวัน คุณหนูก็ได้ไปเข้าอยู่ดี วันที่จะได้ออกเรือนก็ใกล้เข้ามาแล้ว รอออกเรือนอยู่ที่จวนจะดีกว่านะเจ้าคะ มิเห็นต้องมาหาถึงที่ แล้วยังจะถูกผู้คนดูถูกเลยนี่เจ้าคะ”
“แต่เจ้าดูท่าทีของพระชายาเอกสิ ใช่คนที่จะยอมให้ข้าแต่งเข้าไปหรือ” หานเซียงเซียงรู้สึกเสียใจทันทีเมื่อต้องพูดถึง น้ำตาพลันคลอในดวงตา “ข้าเพียงอยากจะพูดให้พระชายาเอกใจอ่อน ก่อนที่ข้าจะแต่งเข้าไป อยากขอให้นางเห็นใจข้า และให้ฉินอ๋องรู้จักข้าให้มากขึ้น”
เสี่ยงถงเอ่ย “ถ้าเช่นนั้น คุณหนูก็ทำร้ายตัวเองมากไปแล้วกระมัง ถ้าให้บ่าวพูด บ่าวว่าคุณหนูมิสู้หาคนที่ชอบคุณหนู หรือคนที่คุณหนูชอบจะดีกว่า”
ทันทีที่ประโยคพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นมาเอ่ยว่า “บ่าวรับใช้ของเจ้ายังมองออกกว่าเจ้าเสียอีก!”
หญิงสองคนพลันตกใจจึงหันไปตามเสียง พบว่าเป็นเยี่ยนอ๋องสวมชุดสีม่วง ทิ้งรถม้า และปลีกตัวออกมาจากผู้ติดตาม
หานเซียงเซียงยังมิจำเรื่องครั้งก่อนได้ไม่ลืม และยังคงรู้สึกเขินอายเหมือนเดิม แต่ก็หลบไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงถวายความเคารพพร้อมกันกับสาวรับใช้พลางเอ่ยถาม “ท่านอ๋องมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
เจ้าคิดว่าข้าอยากมางั้นรึ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพี่สามบอก ตอนนี้ข้าคงเล่นขี่ม้าโปโลแต่เช้าแล้ว แต่เยี่ยนอ๋องกลับเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้ามาจวนฉินอ๋องมันดูน่าแปลกรึ คุณหนูหานต่างหากที่น่าแปลกกว่า ยังไม่ทันออกเรือน ก็มาที่จวนอ๋องแทบทุกสองสามวัน”
หานเซียงเซียงใบหน้าบวมแดงก่ำเมื่อเห็นเขาพูดจาไม่สุภาพกับตน พลันดึงเสี่ยวถงและเอ่ย “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ไม่รบกวนเยี่ยนอ๋องเข้าจวนแล้วเจ้าค่ะ” พูดเสร็จก็เตรียมจากไปทันที
“ช้าก่อน”
หานเซียงเซียงชะงัก แล้วเขาก็เดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมสดชื่นจากตัวชายหนุ่มลอยมาจนได้กลิ่น และก็ต้องถอยออกมาครึ่งก้าว “ท่านอ๋อง”
เยี่ยนอ๋องเห็นท่าทีหญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกันของนาง ก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “คุณหนูหานมาแอบดูท่านพี่สามของข้าที่จวนฉินโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ข้าเพียงเข้ามาพูดด้วยไม่กี่คำ คุณหนูหานถึงกับต้องหลบเพียงนี้! คุณหนูหานใจร้ายกับข้ามากไปหรือเปล่า จะว่าไป ข้าแย่ขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร”
หานเซียงเซียงหน้าร้อนผ่าว พลันยกมือขึ้นอธิบาย “ท่านอ๋องอย่าพูดอย่างนั้น ท่านอ๋องเป็นโอรสของมังกร เหนือมนุษย์โลก จะแย่ได้อย่างไรกัน ข้า ข้าไม่ได้จะมาหาฉินอ๋อง แท้จริงแล้ว วันนี้ข้ามาหาพระชายาเอก”
เสี่ยวถงอธิบายเพิ่ม “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูได้ยินว่าคุณชายสวี่เกิดเรื่อง แล้วนายท่านก็มีญาติสนิทอยู่หลิงหนาน เป็นตระกูลชั้นสูง สนิทชิดเชื้อกับทางการในท้องที่พอสมควร คุณหนูขอให้นายท่านส่งข่าวไปบอกกับญาติทางนั้น เมื่อใดที่คุณชายสวี่ไปถึง จะได้ไปช่วยดูแล อย่างน้อยเรื่องที่พักอาศัย อาหารก็คงดีกว่าหลายเท่า วันนี้ที่มาที่นี่ เพียงแค่อยากมาบอกข่าวนี้ให้กับพระชายาเอกทราบ เพื่อให้นางสบายใจ เพียงแต่…ไม่กล้าเข้าไปก็เท่านั้นเอง”
เยี่ยนอ๋องยิ่งหัวเราะชอบใจใหญ่ ตนหยอกล้อกับนาง แต่นางกลับฟังไม่ออก ทั้งยังกลัวว่าตนจะเสียใจ จนต้องอธิบายปลอบใจ ช่างน่าสนใจเสียจริง!
หญิงผู้นี้แม้เป็นคนดื้อ หลุ่มหลงไปมากหน่อย แต่ก็ถือว่าใสซื่อบริสุทธิ์
คุณหนูในตระกูลผู้ดีมีจิตใจราวกับรูดอกบัว มีใครบ้างที่ไม่ใช่คนซับซ้อน
การที่ยังหลงเหลือคนขาวดุจกระดาษเช่นนี้ ก็ยากที่จะเห็นเช่นกัน
คิดๆ ไป พลางเอ่ยขึ้น “แล้วเจ้าเป็นห่วงพี่สะใภ้ข้าขนาดนี้ ก็มิใช่เพื่อให้ตัวเองได้แต่งเข้าไปอย่างราบรื่น ให้ท่านพี่ปราบปลื้มหรอกหรือ พูดว่ามาขอพบพระชายาเอก กับแอบมองท่านพี่ มันต่างกันตรงไหน สุดท้ายก็มีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น”
หานเซียงเซียงฟังคำพูดที่ไร้ความปราณีของเขา ด้วยความเป็นคนหน้าบาง ทนฟังต่อไม่ไหวพลันคว้ามือเสี่ยวถงจะจากไป แล้วก็ถูกเยี่ยนอ๋องขวางอีกครั้ง
หานเซียงเซียงเป็นคนอ่อนแอ เห็นว่าเขาเป็นองค์ชายก็มิกล้าขัด แต่ก็ไม่อยากอยู่ต่อเช่นเดียวกัน ใบหน้าของนางแดงก่ำจนเหมือนพุทราที่สุกจนใกล้เน่า ก็พลางเอ่ยถามที่แฝงความโกรธไว้ “องค์ชายยังมีสิ่งใดจะรับสั่งอีกหรือเจ้าคะ”
“ผ้าเช็ดหน้าของข้าล่ะ เจ้าลืมมันสนิทเลยหรือ”
หานเซียงเซียงตะลึงงัน พลางกัดริมฝีปากเอ่ยออกไปเสียงต่ำ “มิกล้าลืมหรอกเจ้าค่ะ ข้านำไปซักให้องค์ชายแล้ว แต่วันนี้ข้าไม่คิดว่าจะได้พบกับองค์ชาย เลยไม่ได้ติดมือมาด้วย ครั้งหน้า ข้าจะสั่งให้คนนำไปส่งให้เจ้าค่ะ”
“ส่ง ส่งไปที่ไหน ข้ายังไม่มีจวน เจ้าจะให้พ่อเจ้าส่งไปที่วังหลวง หรือให้ข้าส่งคนไปรับที่จวนของเจ้า นี่เจ้ากำลังทำแบบขอไปทีกับข้าอยู่นะ” เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว
หานเซียงเซียงร้อนผ่าวไปถึงปลายจมูก จะให้ท่านพ่อรู้เรื่องได้ไงกัน แต่…เรื่องนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน แล้วเขาก็ไอค่อกแค่กสองสามที “อย่างนี้ก็แล้วกัน อีกห้าวัน ข้าพอมีเวลาว่าง ยามเซิน สามสิบนาที มาพบข้าที่ศาลาตรงเนินเขาเจ็ดลี้ เอามาให้ข้าตอนนั้นแล้วกัน”
ต้องมาพบหน้าด้วยเหรอ หานเซียงเซียงกำลังรู้สึกงงงวย กลับเห็นเขาหันหลังจากไปเรียบร้อย อยากจะเรียกให้เขาหยุดก่อน แล้วสั่งให้คนไปส่งให้ นางจะได้ไม่ต้องไป แต่เห็นชัดว่าเขาไม่ปล่อยให้ตนมีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในตอนนั้น เสี่ยวถงก็พลันดึงนาง “คุณหนู เนินเขาเจ็ดลี้ค่อนข้างไกลลับตาคน ก็ยังดีกว่าเมืองหลวงที่เต็มไปผู้คนนะเจ้าคะ บ่าวคิดว่าเยี่ยนอ๋องก็เป็นคนละเอียดนะเจ้าคะ” เสียงเอ่ยโทนต่ำ แต่น้ำเสียงกลับแฝงความใจแคบไว้เล็กๆ “บ่าวรู้สึกว่า เยี่ยนอ๋องเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย เข้าใจผู้อื่น ดีกว่าคนเย็นชาแข็งทื่อราวกับท่อนไม้อย่างฉินอ๋องนะเจ้าคะ”
“พูดพล่อยๆ อะไรของเจ้า” หานเซียงเซียงดุไปหนึ่งที พอถูกเยี่ยนอ๋องขัดขวาง กะจิตกะใจที่รอพบก็หายหมด “เสี่ยวถง กลับกันเถอะ”
เสี่ยวถงตอบรับเสร็จก็วิ่งเหยาะๆ ไปเรียกคนบังคับรถม้าและสั่งให้จูงรถม้ามาตรงนี้