ตอนที่ 1433

Monster Paradise

อาวุธสังหารเทพแท้จริง

“สายพันธุ์อันเดทและวิญญาณมากถึงเพียงนี้?!”

 

หลินฮวงขมวดคิ้วแน่นเมื่อตรวจพบกลิ่นอายผู้รุกราน แต่นั่นก็เกิดขึ้นไม่นาน

 

“หรือพวกมันจะจับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จากมิติอันเดทมา!”

 

ความคิดวิ่งเข้าหัวหลินฮวง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมการรุกรานครั้งนี้ถึงเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้

 

สิ่งเดียวที่มิติอันเดทมีอยู่มากคือเผ่าอันเดทและวิญญาณ ตลอดหกวันที่ผ่านมา ผู้รุกรานจากมหาพิภพคงจับมอนสเตอร์ท้องถิ่นจำนวนมากจากมิติอันเดทมาเป็นทัพหน้า

 

นี่ยังอธิบายได้ถึงความโกรธของเหล่ามอนสเตอร์หลังพวกมันถูกส่งมาที่นี่

 

ใครก็ตามที่ถูกลักพาตัวและจากนั้นก็ถูกบังคับให้เข้าสนามรบย่อมรู้สึกแบบเดียวกัน

 

หลินฮวงพอใจอย่างมากกับผลงานของพวกไป่ แต่ทว่า เขาเลือกจะนั่งข้ามสนามและเฝ้าดูในครั้งนี้ ไม่คิดเคลื่อนไหวใดๆ

 

เนื่องจากม่านได้ยกขึ้นแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องทำการสังหารทันทีอีก

 

ความจริงที่ว่าอุโมงค์มิตินั้นใช้งานได้ย่อมถูกพบโดยศัตรูไม่ช้าก็เร็ว

 

ในช่วงเวลาเช่นนี้ เขาชอบจะหย่อนยานเพื่อให้ผู้รุกรานเข้าใจผิด ประเมินความแข็งแกร่งของโลกกรวดผิดพลาด แสดงถึงความอ่อนแอเพื่อล่อให้ศัตรูเทพแท้จริงเข้าร่วมการต่อสู้เร็วขึ้น

 

หากโลกกรวดเริ่มสู้ด้วยพลังที่กดขี่เกินไป มันอาจทำให้ผู้รุกรานระวังตัวขึ้น การล่าสิ่งมีชีวิตหุบเหวเพื่อส่งมาเป็นแนวหน้าเป็นผลมาจากการที่โลกกรวดแสดงพลังมากเกินไปในช่วงสำรวจ หลินฮวงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีก

 

แม้มอนสเตอร์อัญเชิญจะยังไม่ใช้ความสามารถเต็มที่และเหล่าทาสดาบก็ยังปิดซ่อนพลังไว้ แต่กลุ่มเทพเสมือนในโลกกรวดก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว

 

พวกเขาใช้การโจมตีระยะไกลหลายประเภท

 

สำหรับรัฐบาลกลาง พวกเขานำอาวุธสังหารเทพแท้จริงออกมาทันที

 

แตกต่างจากอาวุธสังหารเทพที่หลินฮวงมี มันสามารถสร้างความเสียหายให้ได้แค่กึ่งเทพ อาวุธสังหารเทพแท้จริงของรัฐบาลกลางนั้นมีปากกระบอกปืนที่ทำจากหินเทวะเป็นส่วนประกอบหลัก ตัวอาวุธยังใช้ผลึกเทวะเป็นแหล่งพลังงานและเทพเสมือนก็ต้องผสานพลังเทวะตัวเองลงไปเพื่อให้มันทำงาน

 

ถ้าเทพเสมือนขั้น4ใช้อาวุธสังหารเทพแท้จริง พลังมันก็จะมากพอกำจัดเทพเสมือนขั้น6 นอกจากนี้ อาวุธสังหารเทพแท้จริงยังเป็นแบบวงกว้าง นี่ทำให้ไม่ต้องเล็งเป้า ตราบเท่าที่เป้าหมายอยู่ในระยะโจมตี พวกมันจะบาดเจ็บสาหัสต่อให้ไม่ตายก็ตาม

 

แต่ทว่า อาวุธเช่นนี้ก็มีข้อบกพร่องร้ายแรง ยิ่งระดับพลังของผู้ใช้สูง พลังที่ปล่อยมาก็ยิ่งมาก แต่ทว่า จำนวนของผลึกเทวะที่ใช้ก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน

 

สำหรับพวกเขา ผลึกเทวะถือเป็นของหายากมากในโลกกรวด หากไม่ใช่ว่ารัฐบาลกลางได้รับผลึกเทวะจำนวนมากผ่านช่องทางของขัตติยะ ผลึกเทวะที่รัฐบาลกลางมีคงทำให้พวกเขาใช้อาวุธสังหารเทพแท้จริงได้แค่ไม่กี่ครั้ง

 

นอกจากรัฐบาลกลาง องค์กรชั้นนำอื่นก็นำไพ่ตายออกมา

 

นักล่าระดับเทพเสมือนทุกคนในสมาคมนักล่านำจิตวิญญาณอสูรสองหรือสามตัวที่มีพลังใกล้เคียงกับพวกเขาออกมา

 

จิตวิญญาณอสูรคล้ายกับมอนสเตอร์อัญเชิญ แต่จิตวิญญาณอสูรไม่มีร่างกาย ดังนั้น พวกมันจึงต้านทานการโจมตีกายภาพได้ทุกประเภท แต่มีระยะเวลาเรียกออกมา

 

หลังจิตวิญญาณอสูรนับร้อยถูกเรียกออกมา ซึ่งยังรวมตัวกันเป็นค่ายกลต่อสู้ขนาดมหึมา มีรูปร่างเป็นมอนสเตอร์คล้ายมนุษย์ถือดาบยักษ์-ภาพจำแลงของค่ายกลนั้นครอบครองความสามารถที่เหนือเสียยิ่งกว่าเทพเสมือนขั้น9

 

ทุกการสะบัดดาบ ไม่ว่าคลื่นดาบจะผ่านไปทางไหน ศพมอนสเตอร์จะกองเป็นพะเนิน

 

ทางฝั่งผู้ปลดปล่อย เทพเสมือนกว่า30คนได้สร้างค่ายกลต่อสู้ รวมกันเป็นรูปทรงของพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่

 

พระพุทธรูปทองคำมีความสูงมากกว่าหมื่นจั้ง มีการท่องบทสวดออกจากปาก

 

เสียงนั้นดังสะท้อนไปทั่ว ร่างของมอนสเตอร์เริ่มลุกเป็นไฟด้วยไฟสีแดงแปลกๆ

 

ไม่นานนัก ร่างของมอนสเตอร์ก็เบ่งบานเป็นดอกบัวสีแดงน่าหลงใหล สนามรบดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสระบัว

 

ทางฝั่งนักฆ่าเงา ค่ายกลต่อสู้พวกเขารวมกันเป็นเทพแห่งความตายชุดดำ

 

วิธีการของเทพแห่งความตายชุดดำนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด

 

ด้านใต้ชุดคลุมดำ เงาของมอนสเตอร์ที่บุกรุกเข้ามานับไม่ถ้วนเหมือนมีชีวิต พันรอบร่างที่มาของเงาตัวเอง ลากพวกมันไปสู่ความมืดไร้สิ้นสุดภายใต้ชุดคลุมดำ

 

แต่ทว่า ใครก็ตามที่ถูกลากเข้าไปใต้ชุดคลุมดำจะเสียสัญญาณชีวิตทั้งหมดราวกับร่างกายและดวงวิญญาณพวกมันจมอยู่ในหุบเหวไร้สิ้นสุด

ในขณะเดียวกัน ผีเสื้อลึกลับก็ได้รวมตัวกันเป็นมอนสเตอร์คล้ายกับผีเสื้อสีแดงอมม่วง

 

มอนสเตอร์ผีเสื้อมีปากยาวกว่าร้อยเมตร แม้มันจะเล็กกว่าเงาค่ายกลอื่นๆ มันก็มีความซับซ้อนและสวยกว่า

 

ขณะที่ปีกของผีเสื้อกระพือ ประกายแสงดาวจะกระจัดกระจายไปทั่ว

 

แต่ วินาทีที่พวกมอนสเตอร์สัมผัสกับแสงดาวที่โปรยลงมาเพียงเล็กน้อย ร่างของพวกมันจะเริ่มเน่าเปื่อยทันที มีตุ่มหนองนับไม่ถ้วนผุดขึ้นจนกระทั่งเหลือแค่กองเลือด

หลินฮวงตรวจดูรอบๆและสังเกตว่าแต่ละองค์กรทำได้ดีพอสมควร

 

แต่ทว่า สิ่งที่ต้องตาเขาสุดไม่ใช่รัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าหรือนักฆ่าเงา แต่เป็นผีเสื้อลึกลับ

 

‘แสงดาวนั่น..มันดูเหมือนจะไม่ใช่สารพิษ มันเหมือนพลังงานประเภทมลพิษมากกว่า..’

 

หลินฮวงสังเกตเห็นว่าร่างกายมอนสเตอร์ที่รุกรานนั้นเน่าเปื่อยและมีตุ่มหนองผุดขึ้นหลังสัมผัสแสงดาว ไม่ใช่เพราะสารพิษ มันเป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดจากมลพิษทางพลังงาน

 

แม้จะปิดบังไว้ ผีเสื้อลึกลับก็ล้มเหลวในการปิดบังมันจากหลินฮวงผู้ใช้พลังกฏเทพได้

 

ตลอดมา หลินฮวงไม่สนใจองค์กรใหญ่นี้มากนัก แต่ตอนนี้ มันดูเหมือนผีเสื้อลึกลับจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าหุบเหว

 

แต่ทว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสงคราม หลินฮวงไม่มีแผนซักผ้าสกปรกของผีเสื้อลึกลับตอนนี้

 

หลินฮวงมีอีกเหตุผลที่ไม่อยากหาเรื่องตอนนี้ แค่เพราะผีเสื้อลึกลับมีทักษะที่เกี่ยวกับหุบเหว มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยู่ทางฝั่งเผ่าหุบเหว ตัวอย่างนั้นคือตัวหลินฮวงเอง เขาคือเจ้านายราชินีเผ่าแมลงและมีกองทัพเผ่าแมลงรวมถึงรังกาแล็กซี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาอยู่ข้างเผ่าแมลง

 

‘ข้าหวังว่าพวกเขาจะแค่หยิบยืมความสามารถเหล่านี้มาใช้’หลินฮวงพึมพำ

 

นอกจากองค์กรใหญ่ต่างๆ องค์กรอื่นเองก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขาไม่มีใครหย่อนยานกันเลย

 

ทุกคนเข้าใจดีว่าถ้าพวกเขาแพ้ศึกนี้ มันจะเทียบเท่ากับการยอมยกโลกกรวดให้ผู้รุกราน ไม่มีใครอยากเป็นทาส และก็ไม่อยากเห็นบ้านเกิดตัวเองถูกทำลายล้าง ดังนั้น พวกเขาจึงต้องทุ่มสุดตัว

 

ครั้งนี้ แม้แต่คุณฟู่ก็ยังถกแขนเสื้อและร่วมสู้ด้วย

 

คุณฟู่ปล่อยพลังเต็มที่โดยไม่มีการเก็บรั้งไว้ พุ่งใส่ฝูงมอนสเตอร์โดยตรงในชุดเกราะเต็มตัว

 

หลินฮวงยังปล่อยจิตเทวะคลุมตัวคุณฟู่เพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของคุณฟู่

 

แน่นอน สนามรบไม่มีใครที่หย่อนยานเลย

 

นอกจากมอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวง เหล่าทาสดาบเองก็ไม่ได้ปล่อยพลังเต็มที่ ไม่มีใครปลดผนึกระดับพลังตัวเองเป็นเทพแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีอู่โม่และหลินซวน

 

ทั้งคู่รู้ว่าบทสรุปของการต่อสู้ทั้งหมดไม่ใช่ปัจจุบัน พวกเขาต่างรักษาพลังเทวะไว้เพื่อเตรียมรับมือกับเหล่าเทพแท้จริง สำรับพวกเขา ศึกนี้เป็นแค่การอุ่นเครื่องและไม่ต้องให้ความสนใจมากนัก

 

ในขณะเดียวกัน หลินฮวงไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใดๆ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครบ่น

ทุกคนได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของเขามาแล้ว พวกเขาจึงแค่คิดว่าเขาคงเก็บพลังไว้สำหรับศึกสุดท้าย