บทที่ 141 ความรู้สึกเหนือกว่า

รักหวานอมเปรี้ยว

ส้มเปรี้ยวฟังออกว่าเปปเปอร์เห็นด้วยกับคำพูดของทามทอย ดังนั้นจึงรู้สึกโกรธแค้น

เธอรู้ว่าทามทอยตั้งใจจะขุดหลุมพรางให้เธอตกลงไป ต่อให้เธอไม่อยากจะปีนก็จำเป็นต้องปีน

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เธอจำเป็นจะต้องกระโดดลงไปในหลุมนั้น ไม่เช่นนั้นก็คงจะกลายเป็นผู้หญิงอ่อนแอน่ารำคาญจริงๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ส้มเปรี้ยวก็ได้แอบด่าทามทอยอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส “คุณทามทอยพูดตลกไปแล้วล่ะค่ะ ฉันเพียงแค่บอกว่าภูเขามันสูงจัง แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับไปสักหน่อย”

“อ้อ อย่างงั้นเหรอครับ นั่นหมายความว่าคุณจะปีนเขาต่อสินะ?” ทามทอยเลิกคิ้วเอ่ยถามเธอ

ส้มเปรี้ยวพยักหน้าตอบว่า “แน่นอนสิคะ”

“เหรอครับ” ทามทอยหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรอีก

เปปเปอร์หันไปมองทางส้มเปรี้ยว “ส้มเปรี้ยวครับ อย่าไปสนใจคำพูดของทามทอยเลย ถ้าไม่อยากจะปีนต่อจริงๆ ก็……”

“ไม่เป็นไรค่ะเปปเปอร์ ฉันไปต่อได้” เธอยกมือขึ้นสัมผัสไปที่ริมฝีปากของเขา เพื่อไม่ให้เขากล่าวประโยคต่อไปออกมา

เมื่อเปปเปอร์เห็นว่าเธอทำท่าทางแน่วแน่ จึงทำได้เพียงปล่อยไป

“แหวะ! เลี่ยนจริงๆ” ชาหวานดูทั้งสองแล้วอดไม่ได้ที่จะทำท่าตัวสั่นสะท้าน

มายมิ้นท์ยิ้มแล้วถามว่า “เลี่ยนตรงไหนเหรอ?”

ชาหวานเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “พวกเรามาปีนเขากันไม่ใช่เหรอ เธอดูสองคนนั้นทำท่าทางหวานเลี่ยนเข้าสิ คิดว่ากำลังถ่ายละครอยู่เถอะ โอ๊ย เอานิ้วปิดปากด้วย ฉันดูจนขนลุกขนพองไปหมดแล้ว แบบนี้ยังไม่เรียกว่าเลี่ยนอีกเหรอ?”

มายมิ้นท์จึงได้หันหลังกลับไปมองดูเปปเปอร์และส้มเปรี้ยว ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าตอบว่า “ก็เลี่ยนนิดหน่อยนะ”

“เอาเถอะค่ะ ประธานมายมิ้นท์พวกเราอย่าได้ไปเสียเวลาดูพวกเขาเลย รกหูรกตาเปล่า ไปกันเถอะ” ชาหวานคว้าแขนมายมิ้นท์ไว้แล้วพูดออกมา

มายมิ้นท์ตอบรับแล้วปีนเขาต่อไป

ที่ด้านหลัง เมื่อเปปเปอร์ได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับชาหวาน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

หวานเลี่ยนอย่างงั้นเหรอ?

ท่าทางของเขาที่มีต่อส้มเปรี้ยว ในสายตาคนอื่นเป็นแบบนี้เหรอ?

“เปปเปอร์ กำลังคิดอะไรอยู่คะ?” ส้มเปรี้ยวเอ่ยถามแล้วเขย่าแขนของเขา

เปปเปอร์จึงได้สติกลับคืนมา ดวงตาของเขาเป็นประกายกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ

ทั้งสองคนจึงได้เดินเข้าไปที่ปากทางเข้า

เนื่องจากคนอื่นล้วนไม่มีใครอยากจะเดินไปกับพวกเขา ดังนั้นเปปเปอร์และส้มเปรี้ยวจึงได้เดินรั้งท้าย

ในตอนแรกทั้งเจ็ดคนก็เดินไปด้วยกัน

แต่เมื่อถึงกลางทาง ปีโป้ได้เสนอขึ้นมาว่าจะทำการแข่งขัน ใครถึงยอดเขาก่อนชนะ

เมื่อตอนที่เขาเสนอข้อคิดเห็นนี้ออกมา ยังแกล้งทำเหล่ตามองดูลาเต้

แน่นอนว่าลาเต้คงไม่อาจจะยอมแพ้เจ้าเด็กคนนี้ได้ จึงได้เห็นด้วยกับการแข่งขัน

ทามทอยก็นึกสนุกเข้าร่วมด้วยเช่นกัน

ที่จริงชาหวานก็อยากจะเข้าร่วมด้วย แต่กลับถูกลาเต้รั้งเอาไว้แล้วสั่งให้คอยดูแลมายมิ้นท์อยู่ข้างกาย

ถึงอย่างไรเสียเขาก็ไม่วางใจถ้ามายมิ้นท์จะเดินไปกับเปปเปอร์และส้มเปรี้ยวสองคน

ด้วยเหตุนี้เอง ชายหนุ่มทั้งสามจึงได้ออกเดินหน้าวิ่งไปพร้อมกัน เหลือไว้เพียงมายมิ้นท์ชาหวาน เปปเปอร์และส้มเปรี้ยวแค่สี่คนที่ค่อยๆเดินตามไปด้านหลัง

เดินไปได้ไม่นานนัก จู่ๆส้มเปรี้ยวก็นั่งลงบนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ทำท่าทางเหนื่อยหอบแล้วกล่าวว่า “เปปเปอร์คะ ฉันเหนื่อยจังเลย”

เปปเปอร์จึงได้หยุดฝีเท้าลงเช่นกันแล้วหยิบน้ำขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เปิดฝาออกยื่นให้แก่เธอ “ดื่มก่อนสิครับ”

“ขอบคุณค่ะเปปเปอร์” ส้มเปรี้ยวยิ้มแล้วรับน้ำไปดื่ม

จากนั้นเปปเปอร์ก็หยิบน้ำอีกขวดหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งไปให้มายมิ้นท์

แม้ว่ามายมิ้นท์จะรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ในที่สุดเธอก็ปฏิเสธไป แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “ขอบคุณค่ะประธานเปปเปอร์ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันกลัวว่าพอฉันรับน้ำมาดื่มแล้ว คู่หมั้นของคุณจะเกิดอาการกำเริบทางประสาทขึ้นมาอีก ถ้าเธอฆ่าฉันจะทำยังไง?”

เมื่อพูดจบ เธอก็จูงมือชาหวานเดินจากไป

เปปเปอร์มองเห็นเธอเดินไปก็เม้มริมฝีปากแล้วเก็บน้ำคืนกลับมา

ส้มเปรี้ยวมองออกว่าเขาดูไม่พอใจนัก มือข้างที่ถือขวดน้ำไว้กำแน่น ทำเอาเสียจนขวดน้ำนั้นเปลี่ยนรูปร่างไปเลยทีเดียว

เขาอารมณ์ไม่ดีเพราะมายมิ้นท์ปฏิเสธอย่างงั้นเหรอ?

ส้มเปรี้ยวก้มหน้าลง พยายามปิดบังความชั่วร้ายนั้นเอาไว้ในใจ เธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษนะคะเปปเปอร์ เป็นเพราะฉันแท้ๆ จึงทำให้คุณมายมิ้นท์……”

“มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณหรอกครับ” เปปเปอร์นำน้ำขวดนั้นใส่เข้าเก็บไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม ก่อนจะหันไปทางเธอแล้วพูดว่า “พักพอหรือยังครับ?”

ส้มเปรี้ยวพยักหน้า “พอแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเดินต่อไปเถอะ” เปปเปอร์ยื่นมือออกมาทางเธอตั้งใจจะดึงตัวเธอลุกขึ้น

แต่ส้มเปรี้ยวยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อน “ขอโทษนะคะเปปเปอร์ ดูเหมือนว่าขาฉันจะเจ็บมาก เดินไม่ไหวน่ะค่ะ”

“เจ็บขาเหรอครับ?” เปปเปอร์ขมวดคิ้วแล้วมองไปทางขาของเธอ “ข้อเท้าพลิกหรือเปล่า?”

“เปล่าค่ะ” เธอส่ายหน้า “อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ ก็เลย……”

เปปเปอร์เข้าใจความหมายของเธอ ก่อนจะเอามือขึ้นกุมขมับจากนั้นนำกระเป๋าเป้สะพายไว้ด้านหน้า หันหลังย่อตัวลงตรงหน้าส้มเปรี้ยว “ขึ้นมาสิครับ”

แววตาของส้มเปรี้ยวมีประกายแห่งความยินดีปรากฏขึ้น แต่มันก็จางหายไปในชั่วพริบตา เธอทำท่าทางเสแสร้งเป็นแปลกใจ “เปปเปอร์คะ คุณกำลังจะทำอะไรเนี่ย?”

“ผมจะแบกคุณขึ้นไปเอง” เปปเปอร์มองไปยังทางด้านหน้าแล้วพูดออกมาเบาๆ

ส้มเปรี้ยวรีบโบกมือแล้วตอบว่า “ไม่ดีหรอกมั้งคะ อีกตั้งไกลกว่าจะถึงยอดเขา”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขึ้นมาเถอะ” เปปเปอร์พูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ในครั้งนี้ส้มเปรี้ยวไม่ปฏิเสธอีก เธอเอนกายไปเกาะที่หลังของเขา

เปปเปอร์แบกเธอเอาไว้แล้วลุกขึ้นยืนเดินตรงไปด้านหน้า

ในไม่ช้าทั้งสองคนก็เดินตามทันมายมิ้นท์กับชาหวาน

เมื่อเห็นเงาของร่างทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า สายตาของส้มเปรี้ยวก็กลอกไปมา เธอจงใจชี้ไปที่หินก้อนหนึ่งแล้วตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “เปปเปอร์ ดูที่ตรงนั้นสิคะ หินก้อนนั้นรูปร่างประหลาดจังเลย!”

เมื่อได้ยินเสียงของเธอมายมิ้นท์และชาหวานก็หันหลังกลับไปดูตามสัญชาตญาณ

พบว่าเปปเปอร์กำลังแบกส้มเปรี้ยวเดินตรงเข้ามา ทั้งสองคนได้แต่ตกตะลึง

“ให้ตายสิ ประธานเปปเปอร์คิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์แมนหรือยังไงถึงแบกส้มเปรี้ยวขึ้นภูเขาแบบนี้?” ชาหวานกระซิบเบาๆ

มายมิ้นท์ยักไหล่ “เขายินดีจะทำก็เรื่องของเขาเถอะ เราจะยุ่งเรื่องอะไรเขาได้ล่ะ”

“ฉันไม่อยากจะยุ่งสักหน่อยค่ะ” ชาหวานเหล่ตามองบน “ฉันก็แค่รู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยที่เห็นท่าทางส้มเปรี้ยวดูหยิ่งผยองแบบนั้น คิดว่าพวกเราไม่รู้หรือไงว่าเมื่อครู่ที่เธอตะโกนออกมาเสียงดังขนาดนั้นเพราะต้องการจะให้เราหันไปมองดูว่าประธานเปปเปอร์แบกเธอเอาไว้น่ะ!”

มายมิ้นท์ยิ้มแล้วพูดว่า “เอาละๆ หล่อนเดินมาแล้วพอได้แล้ว”

ชาหวานแลบลิ้นออกมาแล้วหลับตา

“คุณมายมิ้นท์คะ คุณชาหวานคะ” เมื่อเดินมาอยู่ข้างกายของมายมิ้นท์กับชาหวาน ส้มเปรี้ยวก็ได้โบกไม้โบกมือให้ทั้งสองคน

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจเธอ พากันนั่งลงที่ข้างทางแล้วใช้มือพัดระบายความร้อนตรงใบหน้า

เปปเปอร์มองไปทางมายมิ้นท์

ดูเหมือนว่าเธอจะเหนื่อยมาก มือข้างหนึ่งกำลังทุบไปที่ต้นขา

ชาหวานนั่งลงข้างกายเธอจากนั้นยื่นน้ำส่งไปให้

เธอเอื้อมมือมารับไปก่อนจะหันไปยิ้มให้กับชาหวานอย่างสดใส

เปรียบเทียบกับที่เมื่อสักครู่เขาเอาน้ำให้เธอดื่ม มันช่างเยือกเย็นเหลือเกิน แววตาของเปปเปอร์ดูมืดมนลงไป ในใจเขารู้สึกอึดอัด สีหน้าก็ดูมืดมนลงเล็กน้อย ก่อนจะแบกส้มเปรี้ยวเดินตรงไปด้านหน้า

ชาหวานมองไปทางร่างของทั้งสองที่จากไป ก่อนเอนศีรษะเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “แปลกจัง ดูเหมือนประธานเปปเปอร์จะกำลังโมโหอยู่นะคะ ใครไปทำให้เขาโมโหกันล่ะเนี่ย?”

“ใครจะไปรู้ล่ะคะ?”มายมิ้นท์ดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่งก่อนจะมองไปทางด้านหน้าและตอบกลับเบาๆ

ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าพวกเธอทั้งสองคนกำลังมองอยู่ ดังนั้นส้มเปรี้ยวสุดหันศีรษะกลับมาแล้วยิ้มให้กับมายมิ้นท์อย่างท่าทางมีชัย จากนั้นกอดไปที่ลำคอของชายหนุ่มเพื่อประกาศว่าตนเป็นเจ้าของ

มายมิ้นท์ยังไม่ทันมองออก แต่ชาหวานกลับโมโหเสียจนหัวเราะขึ้นว่า “ประธานมายมิ้นท์คะ ผู้หญิงคนนั้นกำลังท้าทายคุณอยู่นะ ตอนนี้คุณไม่ได้รักประธานเปปเปอร์แล้ว แต่เธอก็ยังทำแบบนี้คิดว่าคุณจะอิจฉาเธอหรือไง?”

มายมิ้นท์ดื่มน้ำแล้วยิ้มขึ้นเบาๆ ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเธอเอาความคิดนี้มาจากไหน เธอคงคิดว่าฉันยังรักเปปเปอร์อยู่ แล้วก็คงจะอิจฉาเธอ เอาล่ะค่ะอย่าไปมัวแต่ไปพูดถึงคนพวกนี้เลย พวกเราเดินหน้ากันต่อเถอะ พวกลาเต้คงจะถึงยอดเขาแล้วมั้งคะ”

“ค่ะ” ชาหวานปิดฝาขวดน้ำและสะพายกระเป๋าขึ้นอีกครั้ง

มายมิ้นท์ก็เช่นกัน

ทั้งสองคนเดินไปพลางสนทนาพยายามรักษาระยะห่างระหว่างเปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวไม่ให้ไกลหรือใกล้จนเกินไป

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงทุกคนก็เดินทางมาถึงยอดเขา

เมื่อลาเต้มองเห็นมายมิ้นท์ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ที่รักครับ!”

เขาวิ่งเข้าไปเล็กน้อยก่อนจะรับกระเป๋าสะพายจากมายมิ้นท์มา

ส่วนชาหวานนั้น เขามองข้ามไปเอาดื้อๆ

ถึงอย่างไรชาหวานก็ไม่จำเป็นให้เขามาถือกระเป๋าให้ เธอกลอกตามองแล้วเดินไปทางแคมป์

มายมิ้นท์เหงื่อออกท่วมเต็มตัว เธอมองไปทางลาเต้แล้วถามว่า “พวกคุณมาถึงกันนานรึยังคะ?”