ตอนที่ 926 เขามองดูแล้วไม่มีปัญหา

Elixir Supplier

926 เขามองดูแล้วไม่มีปัญหา

“คุณลุง ขึ้นไปบนเขามาเหรอครับ?”เจี๋ยจื้อจายทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเขารู้จักหวังยี่หลงเพราะเคยพบหน้าอีกฝ่ายที่คลินิกอยู่หลายครั้งหวังเย้าเคยเล่าเรื่องของอีกฝ่ายให้เขาฟังเขาจึงได้รู้ว่า ชายชราป่วยด้วยโรคร้ายแต่ก็ใกล้หายดีในเร็ววันนี้แล้ว

“อืม ฉันเพิ่งลงมาจากเขาน่ะ” ชายชราพูดท่าทางมีความสุข

เขาขึ้นไปบนเนินเขาตงชานเพื่อตรวจดูสมุนไพรในแปลงฤดูหนาวมาถึงแล้วเขาจึงรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้ในความเป็นจริงเรื่องรายได้จากสมุนไพรถือเป็นเรื่องรอง

เขาแค่รู้สึกว่าหวังเย้าได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการหาเงินกับครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก

พวกเขาจึงจําเป็นต้องทํางานหนักและไม่ทําให้เขาต้องผิดหวัง แต่เขาไม่จําเป็นต้องกังวลเลย

เพราะสมุนไพรในแปลงไม่ได้รับผลกระทบจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยเขายังรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เดินขึ้นไปบนเขาทั้งยังรู้สึกดีกว่าเวลาอยู่ที่บ้านด้วยซ้ำ“คุณลุงดูแข็งแรงดีนะครับ” เจี๋ยจื้อจายพูด

“ใช่ ฉันแข็งแรงขึ้นมาก” หวังยี่หลงพูดด้วยรอยยิ้ม

หลายคืนที่ผ่านมา เขามักจะดื่มเหล้าแก้วเล็กๆในตอนที่กินมื้อเย็น เดิมทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาต่างก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แต่หลังจากที่หวังเย้าพูดไปเมื่อวันก่อนว่าเขาสามารถดื่มได้เมื่ออยากดื่ม ขอแค่ควบคุมปริมาณที่ดื่มก็พอหลังจากนั้นลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาก็ไม่ พูดถึงเรื่องนี้อีกแถวพวกเขายังได้ดื่มเหล้าราคาแพงด้วยในหนึ่งเดือนแรกที่ลูกชายของเขาเริ่มงานใหม่ในโรงงานผลิตยาเจ้าของบริษัทก็ได้ให้โบนัสกับเขามันยังรวมไปถึงเหล่าอย่างดีที่เขาเอากลับมาด้วยเหล้าหนึ่งกล่องนั้นมีราคาหลายร้อยหยวน เมื่อดูจากราคาแล้วสําหรับคนระดับพวกเขาเหล่านี้ถือเป็นเหล้าชั้นดีได้เลย

“ถ้ามีเวลาก็แวะมาที่บ้านของฉันได้นะ” หวังยี่หลงชักชวน

เขารู้ว่าชายคนนี้ที่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหวังเย้า ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเรียนอะไรก็ตามทีและที่มากไปกว่านั้นเขากับภรรยายังเลือกมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านนี้ด้วย

ตราบใดที่พวกเขาเข้ากันได้ดีกับหวังเย้า เขาก็ไม่ถือว่าพวกเขาเป็นคนนอก

“ได้สิครับ” เจี๋ยจื้อจายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ตอนกลางวัน ไม่มีคนไข้มาที่คลินิก อากาศดีและค่อนข้างอบอุ่น ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวอุณหภูมิก็ยังไม่นับว่าหนาวเย็นเกินไปนัก

หลังจากรออยู่สักพักหวังเย้าก็ปิดประตูคลินิกในตอนสี่โมงเย็นและกลับขึ้นไปบนเขา

บนเนินเขาหนานชานเต็มไปด้วยต้นไม้และพืชผล ความเขียวขจีจากต้นสนปกคลุมภูเขาไปกว่าครึ่ง

มันหนาแน่นขึ้น! หวังเย้ายืนอยู่บนเขาและมองดูทางด้านหลังของเนินเขาหนานชานความชันของด้านหลังเนินเขาค่อนข้างมากมันไม่ได้ชันเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งแต่เป็นเกือบทั่วทั้งด้านหลังเนินเขา ความชันของเนินเขาลากยาวไปจนถึงช่วงตีนเขาและได้เชื่อมต่อกับทางเดินเขาสายหนึ่งเพียงวูบเดียวเขาก็มาถึงที่บริเวณตีนเขา

ใช่จริงๆด้วย พลังงานจากค่ายกลรวมวิญญาณบนเนินเขาหนานชานกระจายออกไปทั่วเขาคิดเขาค้นพบเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว ค่ายกลรวมวิญญาณมีไว้เพื่อรวบรวมพลังวิญญาณจากทั่วทุก สารทิศให้มารวมอยู่ที่เนินเขาหนานชานแต่พลังวิญญาณเหล่านั้นไม่สามารถตีกรอบเอาไว้ได้

จํานวนของพวกมันไม่มากก็น้อยที่กระจายออกไปและกลับไปยังที่ที่พวกมันจากมาหวังเย้า

สังเกตเห็นปัญหานี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือท่าอะไรกับมันในเมื่อเขาสามารถรวบรวมพลังวิญญาณให้มารวมในจุดที่เขาต้องการได้มากพอในตอนนี้พวกมันกระจายออกไปส่วนหนึ่ง เขาจึงถือว่าเป็นการชดเชยแทน

พื้นที่ทั้งสองด้านของเนินเขาต่างได้รับผลจากพลังวิญญาณที่กระจายตัวออกมาทําให้พืชพันธุ์เขียวขจี

วช…วูซ…วูซ…

ทีม?

หวังเย้าหยุดฝีเท้าของเขา งูสีดําตัวใหญ่เลื่อยออกมาไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่นัก มันเป็นงูขนาดใหญ่ที่มีความยาวมากกว่า 3 เมตรและมีลําตัวหนาพอๆกับแขนข้างหนึ่งของผู้ใหญ่มันเป็นช่วงเวลาของฤดูหนาวแล้ว แต่งูสีดําตัวนี้กลับไม่ได้จําศีลมันยังคงเลื่อยไปมาอยู่ตามป่าเขา “เสี่ยวเฮย”

หลังจากเห็นว่าเป็นหวังเย้า งูสีดาก็ขดตัว

“นายอยากไปเดินเล่นกับฉันไหม?”

หวังเย้าเดินนําหน้างูดําาไม่นานมันก็เลื่อยตามเขาไปด้วยท่าทางกระตือรือร้น

เมื่อเขาเดินไปจนถึงบริเวณตีนเขา เขาก็พบว่า ต้นหญ้าบนเขาเติบโตจนสูงถึงเอวของเขาแล้วถึงพวกมันจะแห้งเหี่ยวเพราะความหนาวเย็นในฤดูหนาวแต่พวกมันก็ยังไม่ได้แห้งตาย

เมื่อเขาเดินลงไปเรื่อยๆ หวังเย้าก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปมองเนินเขาหนานชานที่อยู่ด้านหลังของเขาเมื่อมองจากจุดนี้ ถึงแม้ว่าเนินเขาจะไม่ได้สูงมากแต่มันก็ถือว่าชันมากคนทั่วไปคง

หวาดกลัวและไม่ยินดีที่จะเสี่ยงเพื่อปีนขึ้นไปตามเส้นทางนี้

เขาเดินต่อไปและย้อนกลับขึ้นไปบนเขาตรงข้ามจากจุดที่เขาเพิ่งเดินลงไปพื้นที่อื่นๆต่ำกว่าเนินเขาหนานชานเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่บนยอดเขาเขาจึงสามารถมองเห็นยอดเขาอื่นๆได้และถนนที่พาดผ่านไปตามภูเขาที่อยู่ทางทิศเหนือเขารู้สึกได้ถึงพลังของเนินเขาหนานชานจากภูเขาเหล่านั้นน้อยมาก

“มันจบที่ตรงนี้ ไม่เลว” หวังเย้าพยักหน้า

“เสี่ยวเฮยหน้าหนาวนี้นายไม่จําศีลเหรอ?”เขาก้มตัวลงไปลูบศีรษะของงูดําแววตาของมัน

เป็นประกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

“กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานกันเถอะ”

หนึ่งคนกับงูหนึ่งตัวพากันขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

“อืม แค่นี้ก็พอ เสี่ยวเฮย นายไปทําธุระของนายเถอะ”ดูเหมือนว่างูด่าจะเข้าใจคําพูดของหวังเย้ามันจึงเลื่อยหายเข้าไปในป่า

“ไม่จําศีลในหน้าหนาว แล้วยังเที่ยวไปทั่วอีก” หวังเย้าพึมพํากับตัวเองยิ้มๆ

ด้านล่างภูเขา ภายในหมู่บ้าน ที่บ้านหลังหนึ่ง

“แม่ ทําไมถึงได้ไม่ระวังแบบนี้?นีนียังเด็กมากทําไมถึงปล่อยให้เธอไปจับกระติกน้ำร้อนได้?มันอันตรายมากนะคะ!”เมื่อลูกสะใภ้ของหญิงชรากลับมาถึงบ้านเธอก็ไม่พอใจที่ได้ยินว่าลูกสาวของเธอถูกน้ำร้อนลวกถาม

“เฮ้อ แม่ไม่ระวังเอง” หญิงชราพูด “มันเป็นความผิดของแม่เอง”

“ขอดูแผลหน่อยสิคะ” ลูกสะใภ้ของเธอพูด

“เราไปหาหวังเข้ามาแล้วเขาทายาให้และตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

“เขาเป็นแค่เจ้าของคลินิกเล็กๆ แล้วการรักษาของเขาจะได้ผลเหรอคะ?”ลูกสะใภ้ของเธอ

“คนในหมู่บ้านก็ไปรักษากับเขากันทุกคน” หญิงชราพูด “ไม่ใช่แค่ยาของเขาจะดีเท่านั้นแต่เขายังคิดเงินไปแพงอีกด้วย”

“ฉันว่า แม่ก็แค่อยากประหยัดเงินก็เท่านั้น” หลังจากได้ยินแบบนั้น ลูกสะใภ้ของหญิงชราก็ไม่พอใจ

“มีเรื่องอะไรกันเหรอ? ทําไมถึงได้เสียงดังกันขนาดนี้?”ในเวลานี้เอง ลูกชายของหญิงชราก็เดินเข้ามาในบ้าน

“นีนีโดนน้ำร้อนลวกน่ะสิ”

“หา โดนน้าร้อนลวก? แล้วเป็นอะไรมากไหม?” เขารีบถาม

“พวกเขาไปหาหมอในหมู่บ้านของคุณมาแล้ว” ภรรยาของเขาพูด “เขาเชื่อถือได้ไหมคะ?”

“ได้สิ เขาเชื่อถือได้แน่นอน” เขาตอบ “คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมได้เห็นฝีมือการรักษาของหวังเย้ามากับตาเขาเก่งมาก”

“ฉันว่า ยังไงก็พาไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยก็ดีนะคะ” ภรรยาของเขาพูด “มันเป็นแผลโดนน้ำร้อนลวกนีนียังเด็กมากถ้าเกิดเป็นแผลเป็นขึ้นมาจะแย่เอา!”

ชาน

“ไม่ต้องไปหรอก” เขาโบกมือไม่เห็นด้วย

“แม่ ถ้าโทษตัวเองเลยนะครับ เพราะเด็กคนนี้ดื้อเอง”เขาพยายามปลอบโยนแม่ของตนเอง

จากนั้นเขาก็หันไปถามลูกสาว “นีนียังเจ็บที่แขนอยู่ไหม?”

“หายเจ็บแล้วค่ะ”

“เห็นไหม มันไม่เจ็บอีกแล้วไม่ต้องพาไปตรวจที่อื่นอีกหรอก”

“คุณยังเป็นพ่ออยู่รึเปล่า?”ภรรยาของเขาไม่พอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้
“ดูสิคะ”

“พอได้แล้ว เราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันสักครั้งก็ดีเหมือนกัน จะได้สบายใจ” หญิงชราพูด

“ได้ครับ ไปตรวจที่โรงพยาบาลกันเถอะ” เขาพูดขึ้นมา หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง

สามคนพ่อแม่ลูกพากันขึ้นนั่งบนรถ เขาขับรถพาลูกสาวและภรรยาเข้าไปในตัวเมืองเหลียน

ภายในรถ เธอหันไปถามลูกสาว“นีนีบอกแม่มาตามตรง หนูเจ็บไหม?”

“แม่ มันไม่เจ็บแล้ว หนูไม่ได้โกหกนะคะ”เด็กน้อยตอบ

ตอนนี้ เธอไม่รู้สึกเจ็บเลย

“อืม” หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เธอก็โล่งใจเล็กน้อย

เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาลมันก็ใกล้ได้เวลาที่จะเลิกงานกันแล้ว

พวกเขาไปรับคิวและรอตามคิว แล้วในที่สุด พวกเขาก็ได้เข้าพบแพทย์ก่อนที่อีกฝ่ายจะเลิกงานพอดี “หมอคะ ลูกสาวของฉันโดนน้ำร้อนลวกมา หมอช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ?”

“แผลถูกพันมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” หมอถามขึ้นมา เมื่อมองไปที่แขนของนีนี

“พอดีได้ไปรักษาที่คลินิกแถวบ้านก่อนจะมาที่นี่น่ะค่ะ แต่ฉันก็ยังกังวลอยู่ดี”เธอพูด

“ได้ครับ ผมจะดูให้” หมอแกะผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง

เด็กหญิงยังคงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ความเจ็บก็หายไปในเวลาไม่นาน

“ไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ!” หมอตรวจดูแผลอย่างละเอียด แต่ก็พบว่ามีรอยแดงเล็กน้อยเท่านั้น

“แผลแห้งแล้ว เธอโดนน้ำร้อนลวกตอนไหนเหรอครับ?”

“เมื่อเช้าค่ะ”

“เมื่อเช้า? มีผ้ากันผิวหนังเอาไว้ชั้นหนึ่งใช่ไหมครับ?”

“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่แม่สามีของฉันบอกว่า ตอนนั้นมันเป็นแผลพุพองใหญ่มาก” เธอพูด เธอได้ยินมาแบบนั้นเต็มสองหู

“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ” หมอพันแผลกลับไปอย่างเดิม

“แล้วเราต้องใช้ยาอะไรเพิ่มไหมคะ?”

“ถ้าอยากได้ยาก็ได้ครับ” หมอพูด “พวกคุณมาจากหมู่บ้านไหนเหรอครับ?”

ฝ่ายสามีบอกชื่อหมู่บ้านที่พวกเขาอยู่

หมอตกตะลึง

“นั่นไม่ใช่ที่หมอหวังอยู่เหรอ? พวกคุณได้ไปหาเขามารึยังครับ?”

“ไปมาแล้วค่ะ”

“อ้อ ในเมื่อไปหาเขามาแล้ว ทําไมถึงยังมาที่โรงพยาบาลอีกล่ะครับ? ฝีมือการรักษาของเขาดีกว่าพวกเราซะอีก!”