ตอนที่ 1479

War sovereign Soaring The Heavens

อำนาจสะกดข่มของป๋ายลี่หง!

 

‘ต้วนหลิงเทียนได้รับการยอมรับจากอาวุโสป๋ายลี่หง ยังถึงขั้นกลายเป็นศิษย์น้อง?’

 

ด้านนอกทางเข้าลานว่างของคฤหาสน์หลิวฮ่วน ปรากฏร่างหนึ่งหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้า เป็นซูฉีที่เดิมทีคิดไปหาหลิวฮ่วน ทว่าพอได้ยินเสียงโวยวายด้วยโทสะของหลิวฮ่วนดังออกมาจากด้านในอย่างอาฆาตแค้น มันก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าวทันที

 

แววตาของมันเผยความซับซ้อนออกมา

 

อย่างไรก็ตามมุมปากมันพลันปรากฏรอยยิ้มบางๆหนึ่งก่อนที่จะหายไปในทันที

 

หลังจากนั้นมันก็ไม่คิดเข้าไปหาหลิวฮ่วนอีก เลือกที่จะหันหลังจากไป

 

มันย่อมรู้ดีถึงความเจ้าอารมณ์ของหลิวฮ่วน เข้าไปหาอีกฝ่ายตอนนี้ไม่ใช่รังแต่จะหาเรื่องใส่ตัวรึไง?

 

หลังจากนั้นไม่กี่วันข่าวเรื่องราวดังกล่าวก็แพร่กระจายออกมาถึงฝ่ายนอกเช่นกัน นำพาให้คนทั้งฝ่ายนอกตื่นตระหนกกันถ้วนหน้า!

 

ลำพังแค่ศิษย์ฝ่ายนอกอันโดดเด่นถูกอาวุโสฝ่ายในลอบรับตัวไปเป็นศิษย์ ก็นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจพาลให้อิจฉาอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตามนั่นไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรในสำนักจันทร์จรัสแสง

 

ทว่าเรื่องที่ศิษย์ฝ่ายนอกอยู่ดีๆกลับจับพลัดจับผลูไปเป็นศิษย์น้องของอาวุโสฝ่ายในได้นั้น นี่นับเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสำนักจันทร์จรัสแสง!!

 

เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คืออาวุโสฝ่ายในที่รับศิษย์ฝ่ายนอกเป็นศิษย์น้องคนนั้น ไม่ใช่อาวุโสฝ่ายในธรรมดาๆ

 

“อาวุโสป๋ายลี่คนนั้น รับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้องในนามของอาจารย์ตัวเอง…และกลายเป็นศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปได้หรือ?”

 

“ข่าวนี้แพร่ออกมาจากฝ่ายใน แถมได้รับคำยืนยันจากศิษย์ฝ่ายในที่ไปรับใช้อาวุโสป๋ายลี่หงด้วยตัวเอง…เช่นนั้นข่าวนี้ล้วนมิมีใดแปลกปลอมแล้ว!”

 

“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะไม่ร้ายกาจไปหน่อยรึไง!? ลำพังหากได้อาวุโสฝ่ายในเป็นอาจารย์ก็ทำให้ผู้อื่นอิจฉาแทบตาย…แต่นี้กลับเหนือล้ำไปกว่านั้น ถึงขั้นไปเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันได้!!”

 

“ที่สำคัญที่สุดก็คืออาวุโสป๋ายลี่หงนั้นมิใช่อาวุโสฝ่ายในธรรมดาๆ…หรือเจ้าไม่รู้ว่าอาวุโสป๋ายลี่หงคือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวของสำนักจันทร์จรัสแสงเรา?”

 

“ให้ตายเถอะ เท่าที่ข้ารู้มาภายใน 9 พันธมิตร บรรดาขุมพลังทั้ง 9 นอกจากสำนักจันทร์จรัสแสงเรา ก็มีอีกเพียงแค่ขุมพลังเดียวเท่านั้นที่มีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว…อีก 7 ขุมพลังหามีไม่!”

 

“กระทั่งท่านเจ้าสำนักเรายังไม่กล้าละเลยผ่อนปรนท่าทีปฏิบัติยามพบอาวุโสป๋ายลี่ด้วยซ้ำ เพราะหากอาวุโสป๋ายลี่ไม่พอใจอะไรสำนักจันทร์จรัสแสงเรากระทั่งจากไป คงเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของสำนัก!”

 

……

 

เมื่อข่าวคราวนี้มาถึงส่วนที่พักของผู้อาวุโสและผู้ดูแลฝ่ายนอก ก็ทำให้ผู้คนทั้งหลายในเขตที่พักแทบคลั่ง

 

ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้อาวุโสหรือผู้ดูแลที่กำลังปิดด่านฝึกฝนอยู่ ล้วนได้ทราบข่าวกันหมด!

 

คฤหาสน์หลังหนึ่ง อันตั้งโดดเดี่ยวอยู่ในพื้นที่ไกลห่างของฝ่ายนอก ด้านอาวุโสตงฟางพอได้ทราบข่าวนี้ครั้งแรก มันก็ถึงกับสำลักน้ำชาที่ดื่มอยู่จนพ่นออกมาเป็นฝอย “นี่ต้วนหลิงเทียนไปมีสัมพันธ์สนิทสนมกับอาวุโสป๋ายลี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

 

หลังจากที่ตงฟางเฉวียน พยายามกลืนน้ำชาให้หมดจอก มันก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ใบหน้าเผยความตกใจนัก

 

ฐานะของมันในสำนักจันทร์จรัสแสงย่อมไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสฝ่ายในทั่วๆไป อันที่จริงยังนับว่าเหนือกว่าผู้อาวุโสฝ่ายในทั่วไปไม่น้อย!

 

อย่างไรก็ตามหากพบกับป๋ายลี่หงมันต้องก้มหัวแสดงความเคารพ!

 

ทั้งหมดไม่ใช่เพราะพลังฝีมือของป๋ายลี่หง แต่เป็นเพราะฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว!

 

ในสำนักจันทร์จรัสแสงนั้น หากถามว่ามันหวาดกลัวผู้ใดที่สุดนอกจากตัวตนระดับเซียนกับเจ้าสำนัก ต้องบอกเลยว่าอาวุโสป๋ายลี่นับเป็นหนึ่งในนั้น!

 

ทว่าตอนนี้มันกลับได้รับทราบว่าอาวุโสป๋ายลี่คนนั้นรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง?

 

“อาวุโสป๋ายลี่มิใช่คนหุนหันพลันแล่นทำอะไรวู่วาม…ไฉนอยู่ๆถึงไปรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้องได้”

 

ตงฟางเฉวียนหรืออาวุโสตงฟาง เอ่ยพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ

 

สุดท้ายก็ได้แค่คาดเดาจากข้อมูลที่มันรู้

 

“หรือเพราะต้วนหลิงเทียนเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่ออาวุโสป๋ายลี่…อาวุโสป๋ายลี่ถึงได้รับตัวเป็นศิษย์น้องเพื่อปกป้องคุ้มครองต้วนหลิงเทียนไม่ให้มีภัย?”

 

เพราะนอกจากเรื่องนี้มันไม่อาจหาเหตุผลอื่นได้อีกแล้ว

 

มันไม่คิดว่าอาวุโสป๋ายลี่จะรู้จักกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน

 

หากต้วนหลิงเทียนรู้จักกับอาวุโสป๋ายลี่มาก่อน ทำไมต้วนหลิงเทียนต้องใช้หินเซียนระดับ 4 กับ 5 มาขอแรงมันให้ช่วย ไม่ให้อาวุโสป๋ายลี่เป็นสักขีพยานแทน?

 

ดังนั้นมันมั่นใจมากว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งรู้จักกับอาวุโสป๋ายลี่!

 

ในขณะที่ตงฟางเฉวียนตื่นตระหนกกับข่าวที่อาวุโสป๋ายลี่รับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง หวงเฉิงที่เป็นอาวุโสฝ่ายนอกเองก็ได้รับรายงานเรื่องนี้เช่นกัน

 

เคร๊ง! เพล้ง! ปง!!!

 

ทันทีที่ได้ยินข่าวนี้กาน้ำชา ถ้วยชาก็ถูกมันปัดร่วงโต๊ะจนแตก กระทั่งสุดท้ายยังตบฟาดฝ่ามือป่นโต๊ะหินอ่อนเป็นผง!

 

“ข่าวนี้ยืนยันแน่แล้วหรือไม่?”

 

หวงเฉิงกล่าวถามศิษย์ฝ่ายนอกที่มารายงานเรื่องราว

 

“ยืนยันแน่ชัดแล้วท่านอาวุโส เป็นศิษย์ฝ่ายในที่ทำหน้าที่รับใช้อาวุโสป๋ายลี่ออกมายืนยันด้วยตัวเอง”

 

ศิษย์ฝ่ายนอกกล่าวตอบ

 

“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่รอบ หวงเฉิงพลันสะบัดมือไล่ศิษย์ฝ่ายนอกดังกล่าว

 

หลังจากที่ศิษย์ฝ่ายนอกคนนั้นจากไปแล้ว สีหน้าหวงเฉิงเผยความดุร้ายกล่าวออกเสียงเหี้ยม “เช่นนั้นหมายความว่าเรื่องระหว่างข้ากับต้วนหลิงเทียนจำต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้งั้นเหรอ…มิใช่ว่าข้าจักต้องเสีย 360,000 คะแนนอุทิศไปเปล่าๆรึไร!?”

 

มันไม่ยอม!

 

สุดท้ายหวงเฉิงก็พยายามระงับโทสะ ค่อยกล่าวพึมพำกับตัว “ต้วนหลิงเทียน…ในสำนักข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้เพราะมีอาวุโสป๋ายลี่ให้ท้าย…อย่างไรก็ตาม เจ้าออกนอกสำนักเมื่อไหร่ข้าจะให้เจ้าตายอนาถ!!”

 

เห็นได้ชัดว่าจนแล้วจนรอดหวงเฉิงก็ไม่มีทางเลิกราง่ายๆ

 

ขณะเดียวกันทางด้านเติ้งเหว่ยผู้ดูแลฝ่ายนอก พอรับทราบข่าวคราวนี้หน้ามันก็ถอดสีทันที ไม่นานก็เริ่มเผยความเคร่งเครียดจริงจัง “ข้าอยากรู้นักต้วนหลิงเทียนทำความดีความชอบอันใด ถึงได้เป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่เช่นนี้…”

 

จังหวะนี้มันรู้ดีว่าโอกาสในการแก้แค้นของมันจืดจางลงจนแทบไม่มีเหลือ

 

“ไม่ได้..ไม่ได้แล้ว! ที่ข้าคิดล้างแค้นต้วนหลิงเทียนล้วนเป็นเพราะอวี้เอ๋อ ในเมื่อตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีอาวุโสป๋ายลี่หนุนหลัง ไร้ประโยชน์อันใดที่ข้าจะตั้งตัวเป็นศัตรูมันอีก…ทำไม่ได้!”

 

ต่างจากหวงเฉิง เติ้งเหว่ยเลือกที่จะละทิ้งความแค้น

 

“เรื่องนี้ต้องแจ้งให้อวี้เอ๋อรู้ด้วย…หากปล่อยให้อวี้เอ๋อเจ็บแค้นต้วนหลิงเทียนจนทำอันใดโง่ๆย่อมมิได้การแน่ ต้องให้ล้มเลิกความแค้นนี้ไปเสีย!!”

 

เติ้งเหว่ยคิดได้ก็เร่งดำเนินการทันที มันส่งหยกบันทึกเสียงและฝากให้คนของมันเร่งนำไปส่งที่สกุลเติ้งโดยเร็ว

 

มันไม่อยากให้เติ้งอวี้คิดล้างแค้นอะไรต้วนหลิงเทียนอีก หาไม่แล้วคงเป็นการชักนำเภทภัยใหญ่หลวงมาสู่สกุลอวี้!

 

“อาวุโสป๋ายลี่? ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวของสำนักจันทร์จรัสแสง?!”

 

ในลานฝึกซ้อมเล็กๆของบ้านเดี่ยวพร้อมลานหลังหนึ่ง ลูกตาของเยี่ยหมานเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่น้อย “ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน! หรือที่แท้เจ้าเป็นดาวข่มข้าเยี่ยหมานผู้นี้มาเกิด?! ข้าไม่ยอม!!”

 

หลังจากพึมพำด้วยอาฆาต เยี่ยหมานก็ตะโกนดังลั่น

 

ตอนนี้มันพบว่าไม่ว่าจะอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เหนือล้ำกว่ามันไปเสียหมด

 

ในลานเล็กๆอีกแห่ง เฮ่อจงเองก็ได้รับทราบข่าวคราวนี้เช่นกัน “ถึงแม้จะเป็นไปมิได้ แต่ข้ายังอยากให้ท่านลุงปล่อยวาง…อาวุโสป๋ายลี่คือตัวตนที่กระทั่งอาจารย์ข้ายังไม่อาจตอแยด้วยได้…”

 

อาจารย์ของมันนั้น แม้จะเป็นรองเจ้าสำนัก ทว่าพลังฝึกปรือเพียงอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวบรรลุเซียน!

 

อย่างไรก็ตามพลังฝีมือนี้ไม่นับเป็นอะไรสำหรับอาวุโสป๋ายลี่!

 

นั่นเพราะอาวุโสป๋ายลี่มีศาสตราเซียนระดับปฐพีโดดเด่นที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวถึง 3 อาคม! ทำให้กำลังรบของอาวุโสป๋ายลี่สามารถสู้ทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตเซียน ทั้งๆที่ยังอยู่ในขอบเขตสู่เซียนเท่านั้น!!

 

สุดท้ายเฮ่อจงก็ขบฟันกรอด และด้วยความที่คิดว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ มันก็เร่งออกจากบ้านไปหาลุงของมันอย่างหลิวฮ่วนทันที

 

หลิวฮ่วนนั้นจะอย่างไรก็นับว่าเป็นลุงแท้ๆของมัน มันคิดว่าจำเป็นต้องไปกล่าวเรื่องนี้ให้กระจ่าง!

 

“ข้าเข้าใจดี…”

 

เผชิญหน้ากับวาจาโน้มน้าวของเฮ่อจง หลิวฮ่วนพยักหน้ารับแข็งขัน

 

ทว่าด้านเฮ่อจงนั้นแม้เห็นหลิวฮ่วนพยักหน้ารับแข็งขัน แต่มันรู้ดีว่าลุงมันแค่กระทำอย่างขอไปที “ท่านลุง..พอเถอะ ต้วนหลิงเทียนมันเป็นศิษย์น้องอาวุโสป๋ายลี่ไปแล้ว…ข้ากลัวว่าต่อให้เป็นอาจารย์ข้าก็ไม่กล้าตอแยล่วงเกินมันให้ขุ่นเคือง”

 

“ข้ารู้”

 

หลิวฮ่วนพยักหน้ารับเบาๆ “ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

 

เฮ่อจงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างอับจน เมื่อได้ยินวาจาส่งแขกของหลิวฮ่วน

 

อย่างไรก็ตามมันได้พยายามพูดเกลี้ยกล่อมอย่างดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยๆก็ไม่นับว่ากระทำผิดต่อมารดาที่ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน

 

หลังจากที่เฮ่อจงกลับไปแล้ว หลิวฮ่วนก็สบถอย่างเกรี้ยวกราด “ให้ข้าปล่อยวางเรื่องราวเพียงเท่านี้หรือ? ไม่มีวัน! ข้าสาบานว่าผู้คนของเมืองชงซันหากไม่พินาศก็ต้องเป็นสุนัขรับใช้ใต้อาณัติข้า…มิมีผู้ใดเป็นข้อยกเว้น ต้วนหลิงเทียนนั่นก็ไม่!!”

 

5 วันต่อมา คฤหาสน์ของอาวุโสหลิวฮ่วน ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน

 

“อาวุโสป๋ายลี่”

 

เมื่อเห็นหน้าตาผู้มาเยือนชัด แม้จะประหลาดใจไม่น้อย แต่หลิวฮ่วนก็ประสานมือก้มหัวทักทายไปอย่างมากมารยาท

 

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอาวุโสฝ่ายในดุจเดียวกับมัน แต่ความสำคัญต่อสำนักรวมถึงบารมีของอีกฝ่ายนั้น…ไม่ใช่อะไรที่มันจะเทียบได้เลย!

 

“อาวุโสหลิวฮ่วน…”

 

ผู้มานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คือป๋ายลี่หงผู้เป็นศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียนไปแล้วนั่นเอง “ข้ามิคิดอ้อมค้อมอันใด วันนี้ข้ามากล่าวเตือนเจ้าเอาไว้ให้เจ้ารู้ ว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนคือศิษย์น้องของข้า..และใครก็ตามที่ล่วงเกินศิษย์น้องข้า ก็นับว่าล่วงเกินข้าหลิวฮ่วน..”

 

ถึงแม้น้ำเสียงป๋ายลี่หงจะเรียบสงบ หากแต่ในวาจากลับแฝงเร้นไปด้วยอำนาจสะกดข่มยากขัดขืน

 

“ยินดีด้วย…อาวุโสป๋ายลี่ได้รับศิษย์น้องอันประเสริฐเช่นนี้ ช่างเป็นที่น่าอิจฉาของผู้คนนัก…”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่งเพื่อระงับความขุ่นแค้น หลิวฮ่วนปั้นหน้ายิ้มกล่าวแสดงความยินดีออกไปอย่างเป็นมิตร

 

“ที่ข้าคิดพูดก็มีเท่านี้ หวังว่าเจ้าคงรู้ดีว่าควรทำตัวอย่างไร”

 

ป๋ายลี่หงมากล่าววาจาไม่กี่คำ ก็มองหลิวฮ่วนด้วยสายตาเย็นเยือกค่อยจากไป…ดุจสายลมพัดผ่านคฤหาสน์ของหลิวฮ่วนก็ไม่ปาน มาไวไปไวนัก!

 

หลังจากที่ป๋ายลี่หงจากไป สีหน้าหลิวฮ่วนที่ปั้นยิ้มก็กลายเป็นถมึงทึงกล่าวรำพันออกมาด้วยความเคียดแค้นชิงชัง “ต้วนหลิงเทียน หากเจ้าไม่ตายข้าหลิวฮ่วนไม่ขออยู่เป็นคน! เว้นเสียแต่เจ้าจะหดหัวอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสงไปชั่วชีวิตเหมือนตัวขี้ขลาด หาไม่แล้วเจ้ามิมีวันหนีความตายพ้น!!”

 

ทันทีที่กล่าววาจารำพันจบประโยค ร่างหลิวฮ่วนก็มุ่งหน้าออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปทันที

 

หลังออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว หลิวฮ่วนก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปด้วยความเร็วสูง

 

ทิศทางนั้นเป็นทิศทางที่ตั้งของเมืองหานเหอ

 

เมืองหานเหอเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญที่สุดภายในเขตปกครอง 9 พันธมิตร

 

นอกจากเป็นเมืองใหญ่ที่คึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวาแล้ว เมืองหานเหอยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตรอีกด้วย