ตอนที่ 191 นิกายดอกบัวเพลิง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

“ท-ท่านจะไม่เป็นไรหรือ” จางซิวยิงถามซูหยางด้วยใบหน้าท่าทางเป็นกังวล หลังจากเดินมาได้สองสามนาที

 

“กับอะไร” ซูหยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ท-ท่านพูดว่า กับอะไร งั้นรึ” จางซิวยิงสับสนกับท่าทางไม่รับรู้อะไรของเขา ทั้งที่เพิ่งทุบตีศิษย์ของนิกายดอกบัวเพลิงไปสองสามคนขณะที่อยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่าย

 

“ท-ท่านเพิ่งทำร้ายคนไม่เพียงแต่ศิษย์ในสามคนแต่ยังมีศิษย์หลักของนิกายดอกบัวเพลิงอีกหนึ่งคนด้วยขณะที่อยู่ในพื้นที่ของพวกเขา แต่ท่านยังคงกล้าเดินเล่นบนถนนกลางวันแสกๆ…ท่านมิกลัวว่านิกายดอกบัวเพลิงจะตามล่าท่านรึ”

 

ซูหยางยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร”

 

เขามั่นใจว่าเขาต้องสบายดีแม้ว่าต่อให้ทั้งนิกายดอกบัวเพลิงเข้ามาโจมตีเขาพร้อมกัน

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ จางซิวยิงก็ถามเขาว่า “อะไรพาท่านมาที่นิกายดอกบัวเพลิง”

 

“ข้ามีธุระกับผู้อาวุโสนิกายของเจ้าคนหนึ่ง”

 

“หรือว่าผู้อาวุโสนิกายคนนั้นเป็นผู้อาวุโสหวัง” จางซิวยิงมีความรู้สึกที่ดีที่เขาตามหาเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงประมูลดอกบัวเพลิง

 

ซูหยางพยักหน้า กล่าวว่า “ใช่แล้ว เธอเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”

 

“ผู้อาวุโสหวัง…เธอเป็น…” จางซิวยิงดูท่าทางลังเลเล็กน้อยในตอนนั้น จนทำให้ซูหยางถึงกับเลิกคิ้ว

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอรึ” เขาถาม

 

“ไม่ มิมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้อาวุโสหวัง เพียงแต่ว่า…เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสหวังระหว่างที่อยู่โรงประมูลเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน เธอเหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน”

 

“โอ ทำไมเจ้ามิอธิบายรายละเอียดให้ข้าฟังมากกว่านี้ล่ะ”

 

“ผู้อาวุโสหวังได้ก้าวข้ามวิถีการปรุงยาของเธอเองเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้สถานะของเธอภายในนิกายพุ่งพรวด ราวกับปลาคาร์ฟที่พุ่งผ่านประตูมังกร ตอนนี้เธออยู่เหนือนักปรุงยาคนอื่นภายในนิกายดอกบัวเพลิง กระทั่งเจ้านิกายเองยังต้องให้ความนับถือเธออย่างสูง ดังนั้นท่านอาจจะพบความยากลำบากในการเข้าถึงเธอ…”

 

“เป็นเช่นนั้นรึ” ซูหยางแอบดีใจที่หวังชูเหรินได้ฝึกวิชาระดับเซียนที่เขาให้เธอไป ไม่เช่นนั้นการเดินทางที่เขามาที่นี่คงเสียเที่ยวเปล่า

 

เจตนาที่เขามาเยือนนิกายดอกบัวเพลิงวันนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากว่าเขาต้องการให้หวังชูเหรินปรุงโอสถแยกวิญญาณ

 

แท้จริงแล้ว ซูหยางได้วางแผนที่จะให้หวังชูเหรินปรุงโอสถแยกวิญญาณตั้งแต่ก่อนที่เขาจะพบกับชิวเยวี่ย

 

แผนการแรกสุดนั้นก็คือให้หวังชูเหรินปรุงยาในเมื่อพลังการฝึกปรือของเขาตอนนั้นไม่เพียงพอ กระทั่งให้วิชาระดับเซียนกับเธอ อย่างไรก็ตามการที่เขาพบกับชิวเยวี่ยทำให้แผนการนี้เปลี่ยนแปลง เพราะว่าชิวเยวี่ยทำให้พลังการฝึกปรือของเขาก้าวหน้าเกินกว่าความคาดหมายของตนเอง

 

ถ้าเขาไม่ได้พบกับชิวเยวี่ย เขาต้องไม่มีโอกาสได้ฝึกปรือร่วมกับผู้ฝึกฝีมือเขตอัมพรวิญญาณถึงสองคน จนก้าวไปถึงจุดสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณและคงยังวนเวียนอยู่ในเขตสัมมาวิญญาณจนถึงตอนนี้

 

แน่นอนว่าเขาได้คิดที่จะปรุงโอสถแยกวิญญาณที่สถาบันสี่ฤดูและกระทั่งให้เจ้าสถาบันหญิงซูปรุงยา แต่อนิจจา เพราะว่าเจ้าสถาบันหญิงซูมีเจตนายืดการนัดหมายของเขาโดยเจตนา เขาจึงตัดสินใจกลับไปมายังทวีปตะวันออกเพื่อให้หวังชูเหรินปรุงยาแทน

 

สุดท้ายมันก็จะเป็นความพยายามที่สูญเปล่าถ้าเขาไม่ได้ใช้หวังชูเหรินเมื่อเขาได้เตรียมทุกสิ่งไว้แล้ว

 

“พูดถึงหวังชูเหรินแล้ว…” ซูหยางพลันมองดูเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับทางเจ้ารึ หรือเจ้าสุนักหวังนั่นยังคงก่อกวนเจ้า”

 

เมื่อซูหยางอ้างถึงหวังหมิง ญาติของหวังชูเหริน จางซิวยิงมีท่าทางขื่นขม

 

“แม้ว่าเขาได้หยุดสั่งข้าไปหาเขายังที่พักหลังจากที่ผู้อาวุโสหวังกล่าวกับเขาแล้วก็ตาม ข้ารู้สึกว่าเขายังวางแผนบางอย่างไว้… การที่เขาจ้องมองข้าอย่างเย็นชาเมื่อเราเดินผ่านกันภายในเขตศิษย์ในทำให้ข้าหนาวสันหลังเสมอ…นั่นทำให้ข้ากลัว…”

 

การพูดคุยระหว่างพวกเขาหยุดไปชั่วขณะก่อนที่ซูหยางจะเปิดปากพูดขึ้น “เจ้าต้องการให้ข้าจัดการเขาให้เด็ดขาดไปหรือไม่”

 

จางซิวยิงมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง แม้ว่าจริงแล้วเธอต้องการที่จะรับข้อเสนอของเขา แต่เธอไม่ต้องการรบกวนเขาอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทุกสิ่งที่เขาได้ทำให้กับเธอ

 

“ข้าซาบซึ้งกับความคิดของท่านแต่ข้ามิอาจยอมรับข้อเสนอนั้น” เธอลังเลก่อนจะส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธข้องเสนอของเขา “ท่านตัดสินใจช่วยข้าแม้ว่าแม้ว่าจะเป็นการกระทำที่บีบบังคับของข้า และข้าได้รับความกรุณาจากท่านมาพอแล้ว ข้ามิกล้าที่จะขอมากไปกว่านี้ ในเมื่อมันจักเพียงทำให้ข้ารู้สึกผิดกว่าเดิมเหมือนยามที่ข้าเอาเปรียบท่าน…”

 

ซูหยางหัวเราะหลังจากที่ได้ยินคำของเธอ “ถ้าข้าต้องการปฏิเสธเจ้าไปจริงตอนนั้น ข้าสามารถสลัดเจ้าออกไปอย่างง่ายๆ ดังนั้นมิต้องคิดว่ามันเป็นการบังคับที่เจ้าใช้กับข้า ในสายตาของข้าเจ้าเป็นเพียงเด็กหญิงก้าวร้าวและห้าวเล็กน้อยเท่านั้น และพูดอย่างซื่อสัตย์แล้ว ข้าชอบคนที่มีทัศนคติแบบนั้น”

 

เพราะว่าคนรักคนแรกของเขาก็เป็นคนประเภทที่ห้าวและก้าวร้าว ซูหยางจึงชื่นชอบคนที่มีคุณสมบัติคล้ายแบบนั้นเป็นพิเศษ

 

“จ-จริงรึ” จางซิวยิงพลันหน้าแดงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

 

“แต่ข้ายังมิอาจยกโทษให้ตนเอง…” เธอถอนใจหลังจากนั้นไม่นาน

 

แม้ว่าซูหยางไม่ได้ถือว่าการกระทำของเธอเป็นการบังคับแต่เป็นความห้าวหาญ นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอได้สิ้นหวังในเวลานั้นและบีบให้เธอมีความปรารถนาต่อเขา คนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงในตอนนั้น และจางซิวยิงยังคงไม่อาจยกโทษให้ตนเองกับการกระทำของเธอในวันนั้นไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม

 

ซูหยางไม่ได้กล่าวอะไรหลังจากนั้นและปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนั้น และทั้งคู่ก็เดินต่อไปในเมืองดอกบัว

 

หลังจากที่เดินไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงนิกายดอกบัวเพลิง

 

“ศิษย์พี่หญิง”

 

“คารวะศิษย์พี่หญิง”

 

บรรดาศิษย์นอกที่เป็นยามให้กับนิกายดอกบัวเพลิงกล่าวทักทายจางซิวยิงเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้มากพอ

 

“ข้ามีแขกมากับข้าถ้าพวกเจ้ามิรังเกียจ”

 

“ตราบเท่าที่ศิษย์พี่หญิงได้บอกกล่าวกับผู้อาวุโสนิกายที่อาคารบริหารนั่นย่อมมิมีปัญหา”

 

“ตกลง”

 

ดังนั้นซูหยางจึงได้เข้าไปในนิกายดอกบัวเพลงโดยไม่พบกับอุปสรรคใด