ตอนที่ 1502

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1502  งานชุมนุมเทพยุทธ์ (3)

“เป็นเขาจริงๆ”  จวินอู๋เสียพูดเบาๆ

“อะไรนะ?”  เย่ฉางง

“ไม่มีอะไร”  จวินอู๋เสียส่ายหัวเล็กน้อย  ขณะที่ดวงตาของแมวดำที่อยู่ด้านข้างเปล่งประกายขึ้นมา

[เจ้านาย  ท่านจะบอกว่าพี่ฮัวเหมาะกับคำบรรยายว่า “เหมือนปีศาจ” ในสายตาท่านเหรอ!  เดี๋ยวก็เสียเพื่อนไปหรอก!  คิดอะไรของท่านเนี่ย!]

“พี่ฮัวสู้กับคนอื่นหรือ?”  จวินอู๋เสียนึกถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อเมื่อครู่

ฮัวเหยาใจเย็นและมีสติอยู่เสมอ  กล่าวได้ว่าเป็นคนที่มีเหตุผลอย่างมาก  ถ้าบอกนางว่าเขาเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องทะเลาะเบาะแว้งที่ไม่จำเป็นจนถึงขั้นสู้กันก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขาล่ะก็  จวินอู๋เสียก็ไม่อยากจะเชื่อนักหรอก  ถ้าเป็นเฉียวฉู่ก็ว่าไปอย่าง  มันจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุดและไม่ผิดคาดอะไร

“ขอรับ”  เย่ฉาพยักหน้า

“กับใคร?”

“คุณชายเฉียวขอรับ”

“………..”  สีหน้าของจวินอู๋เสียแข็งค้างไปชั่วขณะ

[โอเค  งั้นก็พอจะเข้าใจได้]

“ช่วงนี้มีเหตุการณ์อะไรแปลกๆเกิดขึ้นบนภูเขาฝูเหยารึเปล่า?”  จวินอู๋เสียถามไปตามปกติ

เย่ฉาบอกว่าทุกอย่างปกติดี  คนจากสิบสองวิหารมาถึงแล้ว  ทุกวิหารส่งผู้อาวุโสมาอย่างน้อย 1 คน  ดูท่าทางแล้วพวกเขาคงวางแผนการใหญ่บางอย่างที่นี่

“คนจากเก้าอารามก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน  แต่พวกเขาปิดบังซ่อนเร้นกันมาก  หลังจากตามพวกเขาอยู่ระยะหนึ่ง  ข้าก็ไม่ได้ตามต่อ  เกรงว่าจะทำให้ศัตรูไหวตัวขอรับ”

จวินอู๋เสียพยักหน้า  พรุ่งนี้จะเป็นวันที่การแสดงจะเริ่ม  และตอนนี้กลุ่มอำนาจจากฝ่ายต่างๆก็ได้มารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้

หลังจากเล่นกับท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตอยู่พักหนึ่ง  จวินอู๋เสียก็ฝึกฝนพลังของนางต่อ  เย่ฉาและเย่กูถอยออกไปจากห้องและซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อคอยปกป้องจวินอู๋เสียให้ปลอดภัย

หลังออกจากห้องของจวินอู๋เสีย  สีหน้าของเย่กูก็ยังแปลกๆเล็กน้อย

“เจ้าเป็นอะไร?”  เย่ฉามองหน้าเย่กูอย่างงุนงง

เย่กูขมวดคิ้วนิ่วหน้า  หลังเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเย่ฉาด้วยสายตาโกรธเคือง

“เจ้าไม่สังเกตหรือ?”

“สังเกตอะไร?”

“พลังวิญญาณของคุณหนูดูเหมือน……ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสี่แล้ว”  เย่กูพูด

เย่ฉาตกใจ  พลังของเขาลดลงไปบ้างเนื่องจากสถานการณ์บางอย่าง  และเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด  ดังนั้นประสาทสัมผัสของเขาจึงไม่ไวต่อระดับพลังวิญญาณของจวินอู๋เสีย  และตัวเขาเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก

แต่ถ้าเขาจำไม่ผิด  ก่อนที่จวินอู๋เสียจะเข้าไปในวิหารหยกวิญญาณ  พลังวิญญาณของนางอยู่แค่ระดับเริ่มต้นของพลังวิญญาณสีม่วงขั้น 4 เท่านั้น  กว่าจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ยังอีกยาวไกล

เมื่อพลังเพิ่มขึ้น  ระดับพลังวิญญาณยิ่งสูง  ก็ยิ่งก้าวข้ามขอบเขตไปสู่ระดับต่อไปได้ยากขึ้น  เนื่องจากปริมาณพลังวิญญาณที่ต้องการจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  จากความเร็วของคนทั่วไปแล้ว  การที่จวินอู๋เสียจะขึ้นจากจุดเริ่มต้นขั้นสี่ไปยังจุดสูงสุดเพื่อท้าทายขั้นที่ห้านั้น  อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี

แต่นี่แค่ครึ่งเดือน  นางก็สามารถไปสัมผัสขอบเขตของพลังวิญญาณสีม่วงขั้นที่ 5 ได้แล้ว  ความเร็วขนาดนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ!

“มันเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?”  เย่ฉาอดตกใจไม่ได้

เย่กูพูดว่า  “ข้าก็ว่ามันแปลก  เกิดอะไรขึ้นตอนที่คุณหนูอยู่ที่วิหารหยกวิญญาณ?  ขนาดบรรลุพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสี่แล้ว  นางก็ยังเพิ่มพลังได้เร็วจนน่ากลัว  ข้าอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆ”

เย่ฉาและเย่กูยังไม่สามารถหาคำอธิบายในเรื่องนี้ได้  แม้ว่าจะครุ่นคิดกันอยู่เป็นเวลานาน  และสิ่งที่จวินอู๋เสียไม่ได้พูดถึง  พวกเขาก็จะไม่มีวันถาม  ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเก็บคำถามนั้นไว้ในใจ

แต่พวกเขาเชื่ออย่างยิ่งว่า  ด้วยพลังในตอนนี้ของจวินอู๋เสีย  เมื่องานชุมนุมเทพยุทธ์เริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้  คุณหนูของพวกเขาจะสามารถสยบฝูงชนและจัดการทุกคนได้ในพริบตา!

จวินอู๋เสียที่นั่งอยู่ในห้องไม่ได้รู้เลยว่าคนจากกองทัพราตรีทั้งสองที่เฝ้าปกป้องนางอยู่ในความมืด  ขณะนี้กำลังรอคอยให้ถึงวันพรุ่งนี้ด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น