ตอนที่ 121 เซียวจิ่งช่างประจบ

 

เซียวจิ่งถูกเรียกไปที่ห้องทำงานท่านประธานทันทีที่มาถึงบริษัท เมื่อเข้าไปในห้องเขาเห็นเฉียวเหลียงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ขะมักเขม้นอ่านเอกสารและเขียนคำแนะนำแก้ไขลงไปในนั้น

 

 

เขาเดินหน้าเข้มไปนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ ถามอย่างเย็นชา “มีอะไร”

 

 

เฉียวเหลียงโยนเอกสารในมือให้เซียวจิ่ง และถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นายจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไง”

 

 

เซียวจิ่งหยิบเอกสารขึ้นมา พลิกดูหลายหน้า แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา ฮ่าๆ ในที่สุดเขาก็ค้นพบวิธีตอบโต้เฉียวเหลียง! เขากล่าวว่า “ฮื่อ นายก็รู้นี่ ไม่ว่ายังไงโหรวโหรวก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อคุณแม่ฉัน พ่อแม่แท้ๆ ของเธอหมั้นเธอไว้กับหลิวเฉิงอวี่ และฉันก็เห็นแล้วว่าหลิวเฉิงอวี่ชอบโหรวโหรวจริงๆ เขาถึงกับเปิดโปงการกระทำชั่วร้ายของเหยาจิ้นหนิงเพื่อเธอเลยนะ ตอนนี้เหยาจิ้นหนิงก็เหมือนหนูท่อข้างถนนดีๆ นี่เอง”

 

 

“ฉันหมายถึง ทำไมหลิวเฉิงอวี่ถึงรู้เรื่องนี้” เฉียวเหลียงเห็นตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วว่า หลิวเฉิงอวี่มองตามถังซีตอนเธอเดินไปที่ประตูโรงเรียน และยังเฝ้ามองเธอจากระยะไกลด้วยท่าทางหลงใหล ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

 

 

เซียวจิ่งหายจากความรู้สึกทุกข์ระทมเป็นปลิดทิ้ง เขานั่งเอนหลังสบายๆ พิงเก้าอี้ จ้องมองหน้าเฉียวเหลียงขณะตอบว่า “อ๋อ หลิวเฉิงอวี่แอบได้ยินเรื่องนี้ตอนที่เราทะเลาะกับเหยาจิ้นหนิง” จากนั้นเขาก็ยิ้มกริ่มกล่าวต่อไป “ฉันเห็นแล้วว่าหลิวเฉิงอวี่เป็นคนดีจริงๆ เมื่อเขารู้ว่าคู่หมั้นที่แท้จริงของเขาได้รับความทุกข์ทรมานมาก เขาก็เลิกกับเหยาจิ้นหนิงทันที เพราะความคิดของเขา คุณลุงคุณป้าถึงได้เปลี่ยนทัศนคติไปด้วย! ฉันได้ยินมาว่าพวกเขากระตือรือร้นรีบโอนอ่อนเข้าหาคุณพ่อคุณแม่เลยล่ะ”

 

 

เฉียวเหลียงจ้องหน้าเซียวจิ่งที่มีท่าทางตื่นเต้นอย่างใคร่ครวญ แล้วก้มลงอ่านเอกสารต่อไป เซียวจิ่งไม่พอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเฉียวเหลียงจึงถามว่า “นายคิดยังไงกับเรื่องนี้”

 

 

เฉียวเหลียงเบ้ปาก แล้วถามเซียวจิ่ง “ทำไมคุณลุงคุณป้านายถึงอยากเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลหลิวด้วยการแต่งงานมากขนาดนั้น”

 

 

“แน่นอน ก็เพราะ…” เซียวจิ่งเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียง แล้วรีบกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกไปทันที โดยเปลี่ยนคำตอบเป็นเหตุผลอื่นแทน “แน่นอน ก็เพราะคุณป้ากับแม่ของหลิวเฉิงอวี่เป็นเพื่อนสนิทกันน่ะสิ ทั้งสองคนหมั้นหมายทั้งคู่ไว้ตั้งแต่โหรวโหรวยังอยู่ในท้องคุณป้าแน่ะ”

 

 

เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว “จริงหรือ”

 

 

“แน่นอน!” เซียวจิ่งตอบทันที “ตอนที่คุณป้ายังนิสัยไม่ดีเธอมุ่งมั่นกับเรื่องนี้มาก แล้วตอนนี้เธอก็พยายามเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณแม่และโหรวโหรวด้วย ใช่แล้ว ถ้าโหรวโหรวย้ายไปอยู่กับคุณป้า กลับไปอยู่กับพ่อแม่แท้ๆ เมื่อไร หลิวเฉิงอวี่ก็จะกลายเป็นคู่หมั้นโหรวโหรวในทันที จริงไหม” เขามองเฉียวเหลียงด้วยสายตาเวทนาสงสาร และเสริมว่า “แต่นายอย่าเศร้าไปเลย ถึงยังไงนายก็จะเป็นคนที่โหรวโหรวรักตลอดไป”

 

 

เฉียวเหลียงพยักหน้าและตอบว่า “ฉันไม่เศร้าหรอก ฉันคิดว่านายต่างหากที่น่าจะเศร้า”

 

 

เซียวจิ่งร้องออกมาเสียงดัง “ทำไม!”

 

 

เฉียวเหลียงยิ้ม ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาวาเชอรอง คอนสแตนติน “ตอนนี้เก้าโมงสิบห้า นายไปตอกบัตรไม่ทันแล้ว วันนี้นายมาสายสิบห้านาที ประธานเซียว ฉันขอเตือนนายว่า นายกล่าวอำลาโบนัสสามสิบล้านหยวนของปีนี้ได้เลย”

 

 

เสียงคำรามดังก้องห้องทำงานเฉียวเหลียง “เฉียวเหลียง!”

 

 

เฉียวเหลียงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองดูเซียวจิ่งด้วยรอยยิ้มบางๆ ส่งเสียงเป็นเชิงถาม “หือ”

 

 

เซียวจิ่งโน้มตัวลงเท้าโต๊ะ ยิ้มหวานด้วยท่าทางประจบเต็มที่ พร้อมกับกล่าวว่า “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดจริงๆ ฉันไม่ควรหัวเราะเยาะนาย ฉันควรช่วยนายสิ อย่าหักโบนัสฉันเลยนะ อยากให้ฉันช่วยอะไรนายบอกฉันได้เลย! ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ยอมให้คนอื่นมาเข้าใกล้น้องสาวฉันเด็ดขาด รวมทั้งหลิวเฉิงอวี่ด้วย! ฉันจะเตะเขาให้กระเด็นไปถึงแอฟริกาเลย ถ้าเขาบังอาจมาเข้าใกล้น้องสาวฉัน! ขอโบนัสให้ฉันคืนเถอะนะ”

 

 

“ไม่ได้ ฉันบอกให้พนักงานจัดการไปแล้ว ถึงฉันจะเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎระเบียบได้” เฉียวเหลียงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

เซียวจิ่งใกล้จะร้องไห้อยู่แล้วเมื่อเฉียวเหลียงกล่าวขึ้นมาอีกในทันทีว่า “แต่ฉันให้รางวัลพิเศษสามสิบล้านหยวนแก่นายได้ นายจะเอาไหม”

 

 

ดวงตาเซียวจิ่งเปล่งประกายขึ้นตามคำพูดเฉียวเหลียง เขาถามว่า “ต้องทำยังไง ฉันถึงจะได้”

 

 

“ฉันอยากดื่มน้ำชากับซีซีบ่ายวันนี้” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายช่วยจัดการเรื่องนี้ทางซีซี ได้ไหม”

 

 

เซียวจิ่งมองหน้าเฉียวเหลียง “ง่ายมาก”

 

 

เฉียวเหลียงพยักหน้ารับ “ถ้านายจัดการเรื่องนี้ให้ฉันสำเร็จ ฉันจะให้เงินนายสามสิบล้านหยวน…”

 

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เซียวจิ่งก็ตะโกนว่า “ตกลง!”

 

 

เฉียวเหลียงแอบยิ้ม ขณะอ่านเอกสารในมือต่อไปเขาก็โยนแฟ้มปึกหนึ่งลงบนโต๊ะให้เซียวจิ่ง พร้อมกับกล่าวว่า “ทำงานนี้ให้เสร็จก่อน”

 

 

เซียวจิ่งเปิดแฟ้มอ่านไปหลายหน้า แล้วหรี่ตาลงถามเฉียวเหลียง “สุดท้ายแล้วนายก็จะกำจัดคนพวกนี้ออกไปหรือ”

 

 

“ถึงเวลาที่ต้องลงมือแล้ว” เฉียวเหลียงตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่แตะต้องพวกเขาเพราะไม่อยากให้พวกเขากวนใจฉันในตอนนั้น แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างกัน ถึงเวลาแล้ว”

 

 

เซียวจิ่งไม่พูดอะไร ใช่… ก่อนหน้านี้จิตใจเขาอยู่ที่ถังซี เขาจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะจัดการกับแมลงเม่าพวกนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าถังซียังมีชีวิตอยู่และรักเขามาก เขาจึงมีเวลาและมีพลังที่จะจัดการกับคนเหล่านั้น

 

 

ขณะที่เซียวจิ่งกำลังจะเดินออกจากห้องทำงานพร้อมกับแฟ้มเหล่านั้น เฉียวเหลียงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันจะคิดบัญชีพวกเขาครั้งนี้ครั้งเดียว เป็นครั้งสุดท้าย เฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุปไม่ต้องการหมาป่าลอบกัด ในเมื่อพวกเขาจงรักภักดีต่อคนคนนั้นเหลือเกิน ก็ควรปล่อยให้คนคนนั้นให้อาหารพวกเขา”

 

 

เซียวจิ่งพยักหน้าเดินออกไป และปิดประตู

 

 

เฉียวเหลียงลูบหัวคิ้ว หลับตาลง แล้วลืมตาอ่านเอกสารต่อไป

 

 

หลังจากนั้นไม่นานอาห้าก็เข้ามา เห็นเฉียวเหลียงกำลังยุ่งอยู่กับงานไม่วางมือ เขาก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “นายน้อย ได้โปรดพักผ่อนบ้างเถอะครับ นายน้อยอดนอนติดๆ กันมานานแล้วนะครับ”

 

 

เฉียวเหลียงส่งเสียงคำรามเบาๆ แต่ไม่ขยับเขยื้อน เวลาที่เขาล้มตัวลงนอนลงบนเตียงแล้วนอนไม่หลับ เขารู้สึกว่าน่าจะลุกขึ้นทำงานจะดีกว่า

 

 

อาห้ากล่าวด้วยความสงสารว่า “นายน้อยครับ จะอดนอนอยู่แบบนี้ตลอดเวลาไม่ได้นะครับ”

 

 

เฉียวเหลียงคำรามเบาๆ อีกครั้ง “ฉันรู้แล้ว นายมีงานอะไรก็ไปทำ”

 

 

อาห้าถอนหายใจหันหลังกลับ และไปที่ห้องทำงานเซียวจิ่ง ความประหลาดใจฉายแวบผ่านดวงตาเซียวจิ่งเมื่อเขาเห็นอาห้า เขาเลิกคิ้วกล่าวว่า “อาห้า นายดูหล่อขึ้นนะ ตั้งแต่กลับมาจากทะเลแปซิฟิกกับนายน้อยของนาย ดูผิวนายสิ เข้มดีจริงๆ”

 

 

อาห้าเม้มปากแล้วถามว่า “คุณเซียวจิ่งครับ ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”

 

 

เซียวจิ่งมองดูอาห้าอย่างระแวดระวัง “ฉันไม่มีเงินให้ยืมนะ นายน้อยของนายเพิ่งหักโบนัสฉันสามสิบล้านหยวน ฉันหมดตัวแล้ว…” และดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ยังเป็นหนี้น้องสาวสุดหวงของเขาอยู่ด้วย!

 

 

โอ! เขาช่างน่าสงสาร!

 

 

อาห้าหน้าตาบูดบึ้งและกล่าวอย่างจริงจังที่สุด “คุณเซียวจิ่งครับ ผมไม่ได้มาล้อเล่นกับคุณนะครับ นายน้อยไม่ได้นอนมาสิบกว่าวันแล้ว ถ้าเขายังไม่นอนอีก เขาอาจตายได้ทุกนาทีนะครับ คุณก็รู้ว่าเขาไม่ฟังพวกเราหรอก คุณช่วยพูดโน้มน้าวให้เขานอนหน่อยได้ไหมครับ”