นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 501 หลงทาง
วันต่อมา ซูฉิงมาที่หน้าโรงแรมตามที่นัดไว้
โจเซฟเดินวิ่งออกมาจากห้องโถงของโรงแรม เขาแต่งตัวที่ดูออกว่าเลือกคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว ตอนที่เห็นซูฉิงเขาก็ยกยิ้มหน้าบาน
“ซูฉิง เธอมาได้ตรงเวลามากเลย! วันนี้เราจะไปที่ไหนหรอ”
ซูฉิงฝืนยิ้มออกมา ลดมือที่บดบังแสงอาทิตย์ลงแล้วพูดกับโจเซฟ :”จะพานายไปที่อุโมงค์ป่าที่มีชื่อเสียงที่สุดของเรา ไปกันเถอะ ที่นั่งวิวสวยมาก ที่นั่นมีกระเช้าลอยฟ้าด้วยถ้าหากนายอยากจะนั่งก็ได้”
โจเซฟพยักหน้า ระหว่างทางดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ แล้วหาเรื่องมาคุยกับซูฉิงมากมายไม่หยุด แต่ซูฉิงก็ตอบเขาไปตามมารยาทเท่านั้น ไม่ถึงกับดูไม่เป็นมิตรแต่ก็ไม่ได้ไม่รักษาน้ำใจ
ทั้งสองคนได้มาเที่ยวที่อุโมงค์และนั่งกระเช้าลอยฟ้าจนมาถึงเวลาสิบเอ็ดโมง โจเซฟก็หยิบเอาแซนด์วิชออกมาจากกระเป๋าสองอัน อันหนึ่งก็ยื่นให้กับซูฉิง แล้วถาม:”ที่นี่มีทางลัดมั้ย ฉันอยากไปพจญภัย! แบบลัดเลาะไปตามทางเล็กๆ อย่างนี้ถึงจะเร้าใจ”
ซูฉิงมองเขาอย่างสงสัยแล้วพูด:”ทางเล็กๆ หรอ นายคิดจะทำอะไร เดี๋ยวสักพักเรานั่งกระเช้าลอยฟ้ากลับกันดีมั้ย”
โจเซฟที่เป็นคนที่นิสัยเฟรนลี่และชอบผจญภัยอยู่แล้ว เชื่อชอบที่จะทำเรื่องท้าทายและเรื่องแปลกใหม่ และยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ตนไปเที่ยวกับเพื่อนก็มักจะไปปีนหน้าผา ลองทำกิจกรรมที่ท้าทายตื่นเต้น แม้แต่เดินป่าเขาก็เคยลองมาแล้ว ดังนั้นสำหรับนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา และแววตาเต็มไปด้วยตาวาว
แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือถ้าหากซูฉิงไปกับเขาด้วย เขาก็จะมีโอกาสปกป้องผู้หญิงที่ตนรัก!
“ไม่ ฉันชอบความท้าทาย อีกอย่างกว่าพวกเราจะได้มาเที่ยวด้วยกันสองคนสักครั้ง ซูฉิง เธอวางใจเถอะ ถ้าหากเธอเกิดอันตราย ฉันจะปกป้องเธอแน่!”
โจเซฟหันมามองซูฉิงด้วยแววตาที่อยากจะลองไปเที่ยว และยังตบเข้าที่หน้าอกตัวเอง ให้เห็นว่าเขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก
ซูฉิงเห็นอย่างนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เลยได้แต่พยักหน้าตกลง ถ้าหากไม่ตกลงละก็ ก็ไม่รู้ว่าโจเซฟจะสรรหาเหตุผลอะไรมาอีก เลยรีบที่พูดเอาใจเขาเหมือนเอาใจเด็ก
หลังจากที่ทั้งสองกินแซนด์วิชอิ่มแล้ว ก็ไม่ได้เดินทางตามที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรก แต่กลับเดินเข้าไปในป่าลึกเข้าไปอีก จนมองไม่เห็นรั่วที่ล้อมไว้ โจเซฟถึงได้นั่งพัก ดูธรรมชาติ ซูฉิงก็ไม่ได้รั้นให้เขานั่งกระเช้าลอยฟ้าลงเขาไป ทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับโจเซฟเที่ยวผจญภัย
ใบไม้แห้งที่ร่วงลงมาบนพื้นดิน พอเหยียบก็ได้ยินเสียงคอกแคก โจเซฟเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ซูฉิงก็เดินตามเขาไป
เดินไปตามทางขึ้นเขาที่ขลุขละ ทั้งสองเดินจนรู้สึกเมื่อยล้า ถ้าหากว่าหยุดเดิน เกรงว่าจะได้กลิ้งลงบนเขาแน่ ช่วยไม่ได้ ซูฉิงกำไม้ปีนเขาไว้ในมือแน่น
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยของผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าโจเซฟคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับทำหน้าเจ็บปวด มือข้างขวาของเขายังกุมเข้าที่ข้อเท้าส่วนนั้นอยู่
“นายเป็นอะไรหรอ”ซูฉิงรู้สึกตกใจ แล้วรีบวิ่งเข้าไปถาม และยังคุกเข่าลงมองขาของโจเซฟว่าตรงไหรมีแผลมั้ย “รับบาดเจ็บหรอ สาหัสมั้ย”
โจเซฟเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรู้สึกขอโทษ และแววตาเต็มไปด้วยความประหม่า อ้ำอึ้งอยู่สักพักแล้วถึงได้พูด:”…..เมื่อกี้รีบร้อนอยากจะรีบลงเขาเดินไปหน่อย เลยไม่ทันระวังเดินสะดุด ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“………..”ซูฉิงนิ่งเงียบ มีท่าทางเอือม แต่ว่าไม่นานเธอก็ดึงสติกลับมา ที่นี่ไม่ใช่ทางที่จะเดินลงเขา แม้โจเซฟจะเท้าเคล็ด พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่อยู่ได้ ท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว
เธอเม้มปาก คิ้วขมวดเป็นเส้นตรง นิ่งอยู่นานถึงได้ทำการตัดสินใจแล้วยื่นมือไปฉุดโจเซฟ :”มา นายลองดูว่าลุกขึ้นได้มั้ย ฉันจะพยุงนายลงเขา ไม่งั้นฟ้ามืดก่อนแล้วจะเดินทางลำบาก พวกเราอาจจะไปไม่ถึงได้”
โจเซฟอึ้ง เงยหน้าขึ้นมองซูฉิงสักพัก เขาคิดไม่ถึงว่าซูฉิงจะพูดอย่างนี้ และยิ่งกว่านั้นเข้าเป็นผู้ชาย จะให้ผู้หญิงช่วยเหลือตนได้ยังไง
ซูฉิงที่มองดูท่าทางของเขา ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เม้มปากพูด:”เร็วๆ สิ ฉันจะฉุดนายขึ้นมา ไม่งั้นวันนี้พวกเราได้นอนอยู่บนเขาแน่”
โจเซฟก็รู้ว่าซูฉิงพูดนั้นเป็นความจริง ช่วยไม่ได้ เขาเลยยื่นมือให้กับซูฉิง แล้วก็ถูกเธอฉุดขึ้น ซูฉิงลองฉุดแขนข้างขวาของโจเซฟ กัดฟันคิ้วขมวดแล้วค่อยๆ พยุงเขาลงเขา
ดั่งคำโบราณว่าไว้ ขึ้นเขานั้นง่ายลงเขานั้นยากนัก ยิ่งไปกว่านั้นจุดชมวิวตรงนี้สูงชันมาก ซูฉิงที่เดินไปได้สักพักก็รู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้ว ขาก็เริ่มอ่อนแล้ว มีหลายครั้งที่ลื่นไถล แต่เธอก็ไม่กล้าวางใจได้ ยังต้องพยุงโจเซฟ ความเร็วเลยช้าลงไปมาก
ตอนที่พวกเขาลงมาจากเขาได้สำเร็จแล้ว ใช้เวลาไปสองชั่วโมง ซูฉิงก็ล้มไปตามพื้นถึงได้ถอนหายใจโล่ง แล้วก็หันไปทางแขนของโจเซฟ พูด:”เมื่อกี้ฉันมองเห็นป้ายบอกทาง ว่าเดินไปตามทางเหนือไปประมาณแปดร้อยเมตรก็จะเจอหน้าประตูทางเข้า ตอนนี้ฟ้ามือแล้ว พวกเรารีบออกไปกันเถอะ ขอของนายก็ฝืนทนอีกหน่อยได้มั้ย”
โจเซฟกัดฟัน ข้อเท้าของเขาตอนนี้บวมขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังพยักหน้า รู้สึกเสียใจอยู่ภายในใจ ถ้าหากว่าไม่ใช่เขาที่รั้นบอกว่าอยากจะผจญภัย ข้อเท้าของเขาก็คงไม่เคล็ด จนต้องทำให้ซูฉิงพลอยลำบากไปด้วย ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของป่าแล้ว และยังต้องเดินไกลอีก
เขามองซูฉิง แล้วก็พูดขอโทษอย่างระมัดระวัง:”ซูฉิง ขอโทษนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็คงไม้ต้องมาติดอยู่ที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าตัวเอง…….”
“ไม่เป็นไร “ซูฉิงพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดเบาๆ เรื่องเกิดมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่อยากจะโทษโจเซฟอะไร โจเซฟที่มีนิสัยหันหุน “พวกเรารีบออกไปกันเถอะ ถ้าหากขาของนายไม่ไหวก็บอกฉันนะ จะได้หยุดพัก”
น่าเสียดายที่ ความฝันที่สวยงามตอนนี้กลับน่าเศร้าอนาถขนาดนี้
ทั้งสองที่ตอนนี้ออกเดินทางด้วยความเร็วที่ช้าลง และโจเซฟยังหยุดพักบ่อย ท้องฟ้าก็มืดเร็วมาก ตอนนี้โดยรอบพวกเขาก็มืด และพวกเขาก็ยังออกไปไม่ได้
โจเซฟมองไปรอบๆ พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ:”ทำให้เธอลำบากแล้ว ยังต้องมาติดอยู่กับฉันที่นี่……..”
ซูฉิงที่ตอนนี้ไม่มีแรงเดินต่อแล้ว เธอหายใจหอบ เดินช้าๆ :”ช่างเถอะ ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์
ตอนนี้ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท นายรอฉันอยู่ตรงนี้นะฉันดูก่อนว่าที่นี่คือที่ไหน”
ซูฉิงมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าโดยรอบล้วนมีแต่ป่าและต้นไม้ แม้แต่เงาคนเดียวยังไม่เห็น ไม่ต้องถามเลยว่าพวกเขานั้นหลงทางแล้ว
ทันใดนั้นเองท้องฟ้าก็มืดอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นก้อนเมฆมืดครึ้มเคลื่อนต่ำลงมา และได้ยินเสียงฟ้าร้อง
ซูฉิงคอหดลง ต้องวิ่งหนีหลบฝน พวกเราตอนนี้ยังหาทางออกไม่เจอ และยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ตอนที่ออกมาก็ไม่ได้พกร่มติดตัวมาด้วย
“หรือว่า…….จะฝนตกแล้วหรอ”