ตอนที่ 353: ตระกูลหลานหมิงแห่งเมืองต้าเซี่ย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 353: ตระกูลหลานหมิงแห่งเมืองต้าเซี่ย

เมื่อเจี้ยนเฉินตกลงที่จะคุ้มครองพวกเขาจนไปถึงเมือง ผู้คุ้มกันต่างก็มีความสุขเพราะว่าการที่มีเซียนปฐพีอยู่ด้วยจะทำให้พวกเขาเดินทางได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับใครก็ตามที่มีเจตนามุ่งร้าย โดยเฉพาะพวกโจรวายุดำ

เจี้ยนเฉินได้ถูกเชิญอย่างสุภาพให้เข้าไปนั่งในรถม้าโดยที่เขาไม่รู้ว่ามันตายแล้ว ม้าทั้งหมดที่พวกเขามีหากไม่ถูกฆ่าก็หนีไปแล้ว นอกเหนือจากสัตว์อสูรระดับ 3 สามตัวที่ลากรถม้าแล้วก็ไม่มีม้าตัวอื่นให้นั่งได้อีก

เมื่อไม่อาจปฏิเสธการต้อนรับด้วยความหวังดีของชายกลางคนได้ เจี้ยนเฉินเลือกที่จะนั่งบนรถม้าในส่วนที่คนขับรถม้านั่ง

น้องชาย ลมด้านนอกค่อนข้างแรง เจ้าควรกลับไปด้านใน ! ชายผู้นั้นยิ้มให้เจี้ยนเฉินด้วยความสุภาพ

เซียนปฐพีจะได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำภายในเมืองต้าเซี่ย และตระกูลหลานหมิงก็สามารถบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในสองตระกูลชั้นนำตั้งแต่ที่ผู้นำของพวกเขาได้ก้าวมาเป็นเซียนปฐพี หากพวกเขาสูญเสียผู้นำไป ตำแหน่งของพวกเขาในเมืองต้าเซี่ยก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร ผู้เยี่ยมยุทธในตระกูลเหล่านี้ก็มีเพียงไม่เท่าไรในเมืองต้าเซี่ย เพราะงั้นการที่มีเซียนปฐพีอยู่ทำให้ตำแหน่งและพลังสูงขึ้นมาก

ไม่เป็นไร ข้าเพลิดเพลินกับการนั่งตรงนี้ เจี้ยนเฉินพูด

ชายกลางคนไม่อยากพูดอีกต่อไป ถ้าพวกเขาพยายามโน้มน้าวให้เขานั่งที่อื่นแล้ว มันจะเป็นอันตรายมากกว่าดี

ในขณะนั้นกลิ่นหอมก็ลอยออกมาจากประตูด้านหลัง ขณะที่มันถูกเปิดโดยหญิงสาวเสื้อคลุมแดงและกำลังเดินออกมา นางนั่งถัดจากเจี้ยนเฉินที่อยู่บนที่นั่งของคนขับพร้อมกับมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่สวยงามของนางและพูดเบา ๆ ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา ข้าชื่อว่าหลานหยิง ข้าขอทราบชื่อนายน้อยได้หรือไม่ ?

เจี้ยนเฉินกวาดตามองสาวงามที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะหันกลับไปมองด้านหน้า เจ้ามากมารยาทไปแล้ว ข้าชื่อ หยางยู่เทียน

งั้นนี่ก็คือนายน้อยหยาง นางน้อยหยางจะเดินทาทงไปที่ไหนและนายน้อยมาจากที่ใด ? ตาของหลานหยิงจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับดวงตาที่สดใสของนาง แต่เมื่อนางเห็นคิ้วของเจี้ยนเฉิน นางก็รีบพูดอย่างเร่งรีบ ข้าขออภัย ข้าแค่อยากรู้อยากเห็น หากนายน้อยหยางไม่ต้องการบอกก็ไม่เป็นไร ยกโทษให้กับความหยาบคายของข้าด้วย

เจี้ยนเฉินหัวเราะและพูด คุณหนูจริงจังเกินไปแล้ว ข้ามาจากอาณาจักรที่ห่างไกลและเดินทางไปทั่วทวีปเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ของข้า ท้องฟ้าเป็นดั่งหลังคาและพื้นดินเป็นดั่งเตียงนอนขณะที่ข้าเดินทาง

งั้นก็ไม่แปลกใจนักที่นายน้อยหยางแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เป็นเพราะได้บ่มเพาะมากอย่างยาวนานนั่นเอง

….

รถม้ายังคงเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ขณะที่ผู้คุ้มกันอีก 10 คนเดินทางอยู่ใกล้ ๆ ด้านข้างรถม้า บนถนนพวกเขาเจอทหารรับจ้างธรรมดาหลายคนที่ขี่ม้า ชายวัยกลางคนก็ได้ใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อม้าสองสามตัวเพื่อผู้คุ้มกันขึ้นมา 2 คนต่อ 1 ตัว

2 ชั่วยามต่อมาผู้คุ้มกัน 10 คนซึ่งตัวเปียกโชกไปด้วยเลือดและรถม้าก็เข้ามาในเมือง บนถนนทุกคนเริ่มสังเกตเห็นพวกเขาและจับกลุ่มคุยกันเอง

นั่นไม่ใช่ตระกูลหลานหมิง ? ขนาดพวกเขายังได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ อีกฝ่ายที่เป็นศัตรูจะทรงพลังเพียงใด ?

ตระกูลหลานหมิงเป็นหนึ่งในสองตระกูลชั้นนำของเมืองต้าเซี่ย ข้าได้ยินมาว่าผู้นำของพวกเขาคือเซียนปฐพีอีกด้วย ใครขวัญกล้าบังอาจกระตุ้นตระกูลหลานหมิงและตระกูลโห่วไหน่…

เจี้ยนเฉินที่สวมชุดดำนั่งอยู่ที่นั่งคนขับรถม้า ผู้คุ้มกันยังคงนำทางอยู่ใกล้ ๆ ขณะที่หลานหยิงยังคงอยู่ในรถม้า

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้นอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับกลุ่มขี่สัตว์อสูรขนาดใหญ่ได้พุ่งเข้ามาหารถม้าด้วยความโกรธ คนที่พุ่งนำหน้าคือชายชราที่กำลังขี่สัตว์อสูร หมาป่าพายุ ระดับ 4

ในเวลานั้นชายกลางคนที่ได้เห็นชายชราก็ยิ้มและทักทายออกไปว่า ท่านผู้นำ ! ท่านผู้นำมาแล้ว!

ผู้นำแห่งตระกูลหลานหมิงได้มาถึงกลุ่มของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้คุ้มกันที่อยู่ในกลุ่มพูดออกมาอย่างยินดี คารวะท่านผู้นำ !

เขาพุ่งออกมาพร้อมกับความวิตกกังวลก่อนที่จะตะโกนเสียงดังว่า หยิงเอ๋อ หยิงเอ๋อ เจ้าสบายดีหรือไม่ !

ประตูรถม้าเปิดออก ขณะที่หลานหยิงที่อยู่ในเสื้อคลุมสีแดงเดินออกมา เมื่อนางเห็นผู้เฒ่า นางก็เริ่มร้องไห้ออกมาทันทีและพูดว่า ท่านปู่ !

เมื่อเห็นว่าหลานหยิงไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ใบหน้าของผู้เฒ่าก็คลายกังวลลงขณะที่เขากระโดดกอดหลานหยิง ไม่เป็นไร ตอนนี้ทุกอย่างไม่เป็นไรแล้ว นี่เป็นความผิดของปู่ที่ไม่ได้จ้างผู้คุ้มกันให้ดีพอและหลานสาวของข้าต้องทุกข์ทรมาน

ผู้เฒ่าคนนี้เป็นผู้นำของตระกูลหลานหมิงและอยู่กับหลานสาวของเขา นางเป็นดั่งไข่มุกของตระกูลและต้องมีคนปกป้องนางอยู่เสมอ เมื่อเขาได้ยินว่าผู้คุ้มกันหลายคนของตระกูลหลานหมิงต่างก็ตัวเต็มไปด้วยเลือดเมื่อผ่านหน้าประตูเมือง เขาก็ทราบทันทีว่าผู้คุ้มกันที่ปกป้องหลานหยิงต้องถูกซุ่มโจมตี ด้วยความที่ว่าเขากลัวว่าจะมีอันตรายต่อหลานสาวของเขา เขาก็รีบวิ่งมาที่ประตูเมืองทันทีราวกับไฟไหม้

ในขณะที่เขาปลอบใจหลานสาวของเขา เขาก็หันไปมองหน้าชายกลางคนที่ปกป้องนาง ผู้คุ้มกันหยุน เกิดอะไรขึ้นระหว่างเดินทาง ? ใครกันที่กล้ามาขวางเส้นทางตระกูลหลานหมิงของเรา ?

ท่านผู้นำ เราได้เจอกับกลุ่มโจรวายุดำที่สามารถเอาชนะเราได้ หากไม่ใช่เพราะนายน้อยหยางผ่านมาในเวลานั้นพอดี เราก็กลัวว่าเราคงไม่อาจมาพบท่านได้ ผู้คุ้มกันหยุนพูดด้วยความเสียใจ

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผู้นำตระกูลหลานหมิงก็หันหน้าไปมองเจี้ยนเฉินที่กำลังนั่งอยู่บนรถม้าพร้อมกับรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว เขาก็ป้องมือและพูดว่า ข้าต้องขอขอบคุณน้องชายด้วยที่ให้ความช่วยเหลือ ตระกูลหลานหมิงของข้าต้องตบรางวัลให้เจ้าอย่างแน่นอน

เจี้ยนเฉินหัวเราและกลับมาอยู่ในท่าทางที่สุภาพ ท่านผู้นำสุภาพเกินไปแล้ว แค่คำขอบคุณก็เพียงพอ อย่างอื่นไม่ต้อง ข้าแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น

น้องชายคนนี้ได้ช่วยชีวิตหลานหยิงของข้า นี่จะทำให้ตระกูลหลานหมิงไม่มีวันลืมบุญคุณ หากเจ้าสามารถมาเป็นแขกของตระกูลหลานหมิงได้ จะถือว่าเป็นเกียรติของข้า” ผู้นำพูดอย่างจริงจัง

เจี้ยนเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ตอบด้วยรอยยิ้ม งั้นก็ต้องลำบากพวกท่านจัดเตรียมที่พักแล้ว

ลำบาก ? ไม่ได้ลำบากเลย ! ผู้นำโบกมือพร้อมกับหัวเราะร่าเริง

ในเวลานั้นผู้คุ้มกันหยุนก็ชี้ไปที่โจรทั้งสามที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาและพูดกับผู้นำว่า ท่านผู้นำ ทั้งสามคนนี้เป็นกลุ่มโจรวายุดำ นายน้อยหยางเป็นคนจับพวกเขาและตอนนี้กำลังรอให้ท่านตัดสิน !

โจรทั้งสามถูกมัดปากแน่นและส่งเสียงได้เพียงอู้อี้เท่านั้นและทำท่าอ้อนวอนอยู่แทบเท้าของผู้นำ

แววตาของบรรพชนกลายเป็นเย็นชาพร้อมกับสั่ง เอาตัวพวกเขาไป

….

เดินทางไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองต้าเซี่ย ไม่นานก็มาถึงกลุ่มบ้านหลังใหญ่และกว้างขวางสวยงามเป็นพิเศษ แม้กระทั่งของตกแต่งก็ยังได้เพิ่มความงามให้กับมัน ขณะที่ผู้นำได้นำเจี้ยนเฉินมายังโถงรับรองและพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน พร้อมกับที่ผู้นำก็พยายามคิดถึงตัวตนของเขา

เจี้ยนเฉินตอบทุกคำถามอย่างสงบ แต่เมื่อเกี่ยวกับคำถามของตัวเขา เขาก็ตอบไปตามที่บอกกับหลานหยิง

เจี้ยนเฉินปกปิดพลังทำให้ผู้นำไม่สามารถยืนยันความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินได้ อย่างไรก็ตามผู้คุ้มกันหยุนก็รับประกันว่าเจี้ยนเฉินได้เป็นเซียนปฐพีอย่างแท้จริง ดังนั้นผู้นำจึงสุภาพกับเขาอย่างมากโดยไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งแต่อย่างใด

จากนั้นเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนหัวข้อโดยถามว่า ผู้นำ ท่านเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าประตูมิติหรือไม่ ?

ประตูมิติ ? มันคืออะไร ? ผู้นำสับสนและไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเหยเก จุดประสงค์ของเขาที่มาตระกูลหลานหมิงเพื่อสืบหาว่ามีประตูมิติอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่ ที่แห่งนี้อยู่ไกลจากอาณาจักรเกอซุนมาก เขาต้องเดินทางผ่านประตูมิติเพื่อลดระยะการเดินทาง ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อลดระยะการเดินทางซึ่งสิ้นเปลืองพลังเซียนสูงมากอย่างน่าเหลือเชื่อ

ย้อนกลับไปเมื่อเขาออกจากอาณาจักรวายุคราม ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรเพื่อนบ้านก็ตึงเครียดมากขึ้น น่าเสียดายที่สถานที่ที่ของเขาอยู่ตอนนี้ไกลเกินกว่าจะได้รับข่าวของอาณาจักรเกอซุน อย่างไรก็ตามอาณาจักรเกอซุนนั้นค่อนข้างเล็กและจำนวนของอาณาจักรในทวีปนี้ก็มีเป็นร้อย ๆ แม้ว่าจะหายไปอาณาจักรหนึ่ง อาณาจักรอื่น ๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไป

คืนนั้น เจี้ยนเฉินและสมาชิกระดับสูงคนอื่น ๆ ของตระกูลหลานหมิงได้กินอาหารรสเลิศ ตอนนี้ตระกูลหลานหมิงกำลังพูดคุยกับแขกใหม่อย่างกระตือรือร้น ขณะเดียวกันในห้องลับสมาชิกระดับสูงคนอื่น ๆ ก็กำลังคุยกัน

ท่านพ่อ ข้าไม่คิดว่าวิธีนี้จะเหมาะสม เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวตนของหยางยู่เทียนและเราก็รู้จักเขาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของเขา เราจะหมั้นเขากับหยิงเอ๋อง่าย ๆ ได้อย่างไร เราไม่ควรประมาทเรื่องนี้ ชายวัยกลางคนที่พูดคือพ่อของหลานหยิง

ผู้นำ ชายผู้นี้เป็นเซียนปฐพี ในขณะที่ตัวตนของเขาเมื่อเทียบกับเซียนปฐพีทั่วไป การที่มาถึงขั้นนี้ได้แสดงให้เห็นว่าศักยภาพของเขานั้นมีไม่จำกัด เป็นไปได้ว่าเขาจะทะลวงกลายเป็นเซียนสวรรค์ได้ในไม่ช้า ในกรณีนี้เราจะได้รับการช่วยเหลือจากเซียนสวรรค์ ตระกูลของเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย