ตอนที่ 463 พิโรธ
จ้าวจิงอวี้รู้สึกได้ ว่าตนสามารถจัดการฉินหยุนอย่างง่ายดาย กระนั้น
กฎของสถานที่เป็นสิ่งที่ห้ามปรามเขาไม่ได้ลงมือ
ใบหน้าของเขาขณะนี้กราดเกรี้ยว นํ้าเสียงเย็นเยือกกล่าวใส่ฉินหยุน
“เจ้าสิหัวขโมย รู้หรือไม่เหตุใดตําหนักจารึกเทวะจึงไม่คุ้มกันเจ้าอีก
ต่อไป? เพราะเจ้ามันหัวขโมยอักขระ!”
“เจ้าไม่มีทั้งอํานาจหรือคนหนุนหลัง มีชาติกําเนิดตํ่าต้อย แต่แล้ว
กลับมีอักขระหายากอยู่ในมือ ถึงกับสามารถขัดเกลายันต์ไล่ล่าอสูร!
หากนี่ไม่ใช่สิ่งที่ขโมยมา อย่างนั้นแล้วมันมาจากที่ใดกันเล่า?”
“น่าเสียดาย ตําหนักจารึกเทวะหาหลักฐานได้ไม่มากพอว่าเจ้าขโมย
พวกมันมา!”
ฉินหยุนยังเยาว์ ด้วยไม่มีอาจารย์ผู้ชี้แนะ เขากลับสามารถรู้และ
เข้าใจอักขระหายาก นี่ถือเป็นหนึ่งในข้อสงสัยที่อยู่ในใจของผู้คน
“ศิษย์ของสํานักจากแดนวิญญาณอ้างว้างล้วนอวดดีเช่นนี้กันทั้งสิ้น
หรือ? ความสามารถวิถีจารึกแห่งเต๋านี้มองเป็นของปลอมหรือ?”
“อักขระหายากที่ข้าครอบครองและเชี่ยวชาญ เป็นการพบพานโดย
โชคทั้งสิ้น อะไรที่ทําให้เจ้าคิดว่าข้าขโมยพวกมันมา?”
ฉินหยุนแค่นเสียง สายตามองไปยังผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะ
ด้านหลังจ้าวจิงอวี้
ผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะก้าวเดินเข้ามาและกล่าว “ฉินหยุน
อักขระที่เจ้าครอบครอง กระทั่งในตําหนักจารึกเทวะของพวกเรายัง
ไม่มี พวกมันล้วนเป็นอักขระที่หาได้ยากยิ่ง!”
“ในเมื่อเจ้าได้รับโดยโชคพบพาน เช่นนั้นก็ควรแบ่งปันกับพวกเรา!
อาจารย์จารึกและตําหนักจารึกเทวะล้วนต้องแบ่งปันกัน และตําหนัก
จารึกเทวะของเราจะได้นําวิถีจารึกสู่อีกระดับหนึ่ง!”
“ทว่า เจ้าไม่ทําเช่นนั้น เจ้าเพียงแต่เก็บงํามันเอาไว้กับตนเอง! นี่จึง
เป็นเหตุผลว่าทําไมตําหนักจารึกเทวะของเราจึงปล่อยมือจากเจ้า!
นอกจากนี้ อักขระที่เจ้าได้รับมา บางทีอาจเป็นสิ่งที่หลงเหลือเอาไว้
โดยผู้อาวุโสของตําหนักจารึกเทวะของเรา!”
จ้าวจิงอวี้กล่าวคํา “ฉินหยุน ได้ยินแล้วใช่หรือไม่? เหตุใดคราวนี้ไม่
ส่งมอบอักขระเหล่านั้นออกมาเล่า? ที่เจ้าคาดเดาการพนันไหนั่นถูก
ก็สมควรเป็นการใช้อักขระลึกลับคดโกงใช่หรือไม่?”
ผู้คนจากตําหนักจารึกเทวะ ล้วนรู้สึกมานานแล้วว่าเรื่องราวไม่ชอบ
มาพากล พวกเขาจึงเร่งรีบกล่าวออก “ฉินหยุน ส่งผังจารึกเหล่านั้น
มา แล้วตําหนักจารึกเทวะเราจะยอมรับฐานะอาจารย์จารึกของเจ้า!”
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าตําหนักจารึกเทวะกลับมีความคิดเช่นนี้ คน
ใหญ่คนโตของตําหนักจารึกเทวะเอง ก็ยังเก็บงําอักขระหายากเอาไว้
กับตนไม่เผยแพร่ด้วยซํ้า
“ตําหนักจารึกเทวะ ข้า ฉินหยุนผู้นี้ หาได้ต้องการการรับรองตัวตน
อาจารย์จารึกจากพวกเจ้าไม่!” ฉินหยุนกล่าวคํา นําเอาเหรียญตรา
แพลทินัมออกมา
ผู้คนล้วนเห็น ว่าเหรียญตรานั้นมีสามดาว นั่นถือเป็นเหรียญตราของ
อาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง!
ท่ามกลางฝูงชน พวกเขาเหล่านี้เป็นบุตรหลานตระกูลสายเลือดชน
ชั้นสูง เมื่อพวกเขาได้เห็นเหรียญตรานั้น ล้วนเผยความแตกตื่นกัน
ออกมา!
ฉินหยุนขณะนี้แท้จริงเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูงตั้งแต่
เยาว์วัยได้!
“เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดํา กระทั่งว่าเขาครอบครองพรสวรรค์
สูงลํ้าเพียงใด ก็ไม่มีทางก้าวขึ้นเป็นอาจารย์จารึกลึกลํ้าได้!”
“อาจารย์จารึกลึกลํ้า จําเป็นต้องฝึกฝนถึงอย่างน้อยก็ขอบเขตวรยุทธ์
วิญญาณ!”
“สําหรับอัจฉริยะที่ถูกตําหนักจารึกเทวะทอดทิ้ง นี่ย่อมต้องเป็น
เพราะคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดําด้วย!”
“น่าเสียดาย ด้วยพรสวรรค์มากลํ้าเพียงนี้ กลับต้องถูกจํากัดเอาไว้
ด้วยคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดํา!”
หงเหยียน มู่หรงต้าเหริน และเซี่ยอู๋เฟิ ง ต่างทราบว่าฉินหยุนมีความ
สามารถทางวิถีจารึกสูงลํ้าเพียงใด กระนั้น พวกเขาก็ไม่คาดคิด ว่า
ฉินหยุนจะเป็นถึงอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง!
ฉินหยุนวางเหรียญตรากับพื้น นําเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา
ทุบฟาดหวดรุนแรง ทําลายเหรียญตรานั้นแตกสลาย
“ข้าหาได้ต้องการเหรียญตราบัดซบนี่อีกไม่!” เขาเขี่ยเหรียญตราที่ถูก
ทุบกับพื้น เตะไปยังชายชราจากตําหนักจารึกเทวะ
จ้าวจิงอวี้ขณะนี้อึ้ง พรสวรรค์ระดับฉินหยุน หาได้ยากยิ่งแม้ในแดน
วิญญาณอ้างว้าง กระนั้นเขาก็ยังแค่นเสียงออก “ฉินหยุน เจ้าติด
ข้อจํากัดของวิญญาณยุทธ์สีดํา ไม่มีทางก้าวหน้าการฝึกฝน นั่นคือ
กรรมของเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะกราดเกรี้ยว เพราะตําหนักที่เขานับถือ
ถูกยั่วยุ
“ฉินหยุน ในเมื่อเจ้าเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง เจ้าทําลาย
หุ่นเชิดสัตว์ของข้าใช่หรือไม่? เช่นนั้นจงรีบจ่ายค่าชดเชยออกมา!”
จ้าวจิงอวี้นึกเรื่องหุ่นเชิดสัตว์ขึ้นได้ ดังนั้นจึงเร่งรีบกล่าวคําเสียงเย็น
ฉินหยุนตอบกลับไม่ยี่หระ “อันดับแรก ยืนยันสิว่าข้าเป็นคนทําลาย
มัน!”
“หุบปาก!” จ้าวจิงอวี้คํารามกราดเกรี้ยว ร่างขณะนี้พุ่งเข้าหาฉินหยุน
พร้อมหมัด
ฉินหยุนตั้งป้อมระวังอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นจ้าวจิงอวี้โจมตี เขาก็พร้อม
ปล่อยหมัดออกไปเช่นเดียวกัน!
ชั่วขณะนี้ที่หมัดปล่อยออก เขาจึงใช้พลังอสนีบาตอัคคีราชสีห์สวรรค์
เสียงดังสนั่นบังเกิด จ้าวจิงอวี้ร่างกระเด็น!
ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า พวกเขากลับกล้าต่อสู้กันต่อหน้าตําหนัก
จารึกเทวะ ผู้คนขณะนี้ล้วนแตกตื่นขณะก้าวถอยกลับ
“ฉินหยุน กล้าดีนัก!” ผู้อาวุโสมีโทสะ เร่งรีบบินเข้ามา ขณะนี้นําเอา
ตาข่ายออกมาผืนหนึ่ง จับกุมฉินหยุนเอาไว้
ถัดจากนั้น ผู้อาวุโสอีกหลายคนที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
ล้วนเข้ามาใช้อักขระวิญญาณหลากหลายเข้าสะกดฉินหยุนไว้!
ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารไปยังเซี่ยอู๋เฟิ งและเชี่ยวเย่ว์หลาน บอกให้ทั้ง
สองอย่าได้ลงมือ
ที่นี่คืออาณาเขตของตําหนักจารึกเทวะ นอกจากนี้ ยังมีขั้วอํานาจ
มากมายที่มีสัมพันธ์อันดีกับตําหนักจารึกเทวะ!
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ามีมากมาย หากเซี่ยอู๋เฟิ งและคณะ
เคลื่อนไหว อย่างนั้นพวกเขาย่อมต้องถูกจับตัว
“ฉินหยุน เจ้าละเมิดกฎร้ายแรงของนครโบราณยุทธ์เต๋า ในเมื่อเจ้า
ต่อสู้แม้อยู่ต่อหน้าพวกเรา เจ้าต้องถูกจองจํานานสามปี !” ชายชรา
กล่าวเสียงเย็น
“เหตุใดจึงขังเพียงข้า? ไม่ใช่จ้าวจิงอวี้ลงมือก่อนหรือไร?” ฉินหยุน
ตอบกลับอย่างมีโทสะสุมแน่น
ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะแค่นเสียง “เจ้าเป็นผู้ที่ทําร้ายผู้อื่น
บาดเจ็บก่อน เป็ นเจ้าใช้วาจากล่าวยั่วยุเขา เพราะเหตุนั้นเขาจึงมี
เจตนาคิดโจมตีเจ้า! แต่ในทางกายภาพ เขาหาได้ทําร้ายเจ้าบาดเจ็บ
อันใดไม่!”
“เป็ นเจ้าใช้พลังที่รุนแรงทําร้ายเขา เป็ นเจ้าผิด! เร่งรีบส่งมันเข้าคุกใต้
ดิน จองจําไว้สามปี !”
ฉินหยุนขณะนี้ชัดเจนว่าโดนล่อลวงให้ติดกับ และยังโดนอักขระ
วิญญาณนานาชนิดสะกดร่างกายเอาไว้ ทําให้ไม่อาจต่อต้าน
เขากัดฟันแน่น ดวงตาเปี่ ยมด้วยความโกรธแค้น เขากล่าวออกด้วย
นํ้าเสียงที่คมกริบประดุจมีดดาบ “ตําหนักจารึกเทวะ จ้าวจิงอวี้ พวก
เจ้ารอก่อนเถอะ ข้า ฉินหยุนผู้นี้ จะไม่หยุดจนกว่าพวกเจ้าจะตาย!”
“ฮ่าฮ่า ลําพังแค่เจ้าหรือ? อย่าว่าแต่เจ้า กระทั่งประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์
ของเจ้า ก็จะราบเป็นหน้ากลองโดยพวกเราในไม่ช้า!” เมื่อจ้าวจิงอวี้
ได้เห็นฉินหยุนถูกจับกุม เขาก้าวเดินเข้ามา หัวเราะ พร้อมทั้งเตะและ
ต่อยใส่ฉินหยุน
ดวงตาของเชี่ยวเย่ว์หลานเปี่ ยมด้วยจิตสังหาร เซี่ยอู๋เฟิ งหลับตา พวก
เขากําลังสะกดข่มโทสะภายใน
หากไม่ใช่เพราะฉินหยุนบอกต่อพวกเขาว่าห้ามลงมือ พวกเขาคงไม่
สนอื่นใดเข้าจัดการจ้าวจิงอวี้ไปแล้ว!
จ้าวจิงอวี้ยังโหมโจมตีใส่ฉินหยุนทั้งยังหัวเราะชั่วช้า “ยอดยุทธ์
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามอันดับหนึ่งแห่งแดนยุทธ์อ้างว้างคือ
อะไร? พวกมันล้วนเป็นขยะ! ในสายตาข้า เจ้าก็แค่ทําข้าต้องเปลือง
เท้าเท่านั้น!”
ไม่มีผู้ใดกล่าวอันใด อย่างไรแล้ว นี่ก็คือการลงมือโดยตําหนักจารึก
เทวะ!
หากตําหนักจารึกเทวะต้องการจัดการใครสักคน คนผู้นั้นก็เรียกได้
ว่าโชคร้ายแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าที่นี่คืออาณาเขตของตําหนัก
จารึกเทวะ!
ฉินหยุนไม่คาดคิดจากใจจริง ว่าตําหนักจารึกเทวะสามารถไร้ยางอาย
ได้เพียงนี้ มันทําเอาโทสะในใจของเขาเผาไหม้รุนแรง
“นําตัวมันไป!” ชายชราตะโกนสั่งการ เป็นเขากังวลว่าจ้าวจิงอวี้จะ
สังหารฉินหยุน หากเกิดเรื่องเช่นนั้น ก็จะเป็นการยากอธิบายต่อ
เบื้องบนแล้ว
อย่างกะทันหัน คนหนึ่งตะโกนขึ้น “ฉินหยุนครอบครองหม้อราชสีห์
สวรรค์สะกดมังกร และโทเทมราชสีห์สวรรค์ พวกมันล้วนลํ้าค่ายิ่ง!”
“หรือตําหนักจารึกเทวะแท้จริงต้องการพวกมัน?”
ผู้คนขณะนี้ต่างได้ตระหนัก ว่าแม้กระทั่งตําหนักจารึกเทวะที่ชอบ
ธรรมมาโดยตลอด ยังไม่อาจต้านทานต่อความโลภ คิดฉกชิงพวก
มันไปจากฉินหยุน!
ฉินหยุนถูกคุมขังในคุกใต้ดิน แม้ว่าเขาบาดเจ็บหนัก ก็โชคยังดีที่มี
โทเทมต้นไม้กับอุปกรณ์อักขระแสงช่วยฟื้นฟู
คุกใต้ดินดํามืด สร้างขึ้นจากเหล็กสีดําและค่ายอาคมนานาชนิด กระทั่ง
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณก็ไม่อาจหลบหนี
แต่สําหรับเขา หากคิดหลบหนีไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะอย่างนั้น เขาจึงบอกต่อเซี่ยอู๋เฟิ งและเชี่ยวเย่ว์หลาน ไม่ให้พวก
เขาต้องลงมือ ไม่อย่างนั้นแล้ว หากถูกจับพร้อมกันสามคน การ
หลบหนีจะเป็ นเรื่องยากเย็น
“รอจนกว่าอาการบาดเจ็บข้าจะฟื้นฟูก่อนเถอะ! ตําหนักจารึกเทวะ
พวกเจ้าเป็นฝ่ ายเริ่มก่อน อย่าหาว่าข้าไร้มารยาท!” ฉินหยุนกัดฟัน
และกําหมัดเอาไว้แน่น ตัวเขากําลังสะกดข่มโทสะภายใน!
ผ่านพ้นห้าวัน ช่วงเช้าตรู่!
คุกใต้ดินยังคงมืดมิด มันไม่มีหน้าต่าง แสงจึงไม่อาจสาดส่องเข้ามา
อาการบาดเจ็บของฉินหยุนขณะนี้ฟื้นฟูแล้ว!
ขณะนี้เอง คนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา เป็นผู้คุมคุก เขาถือก้อนหินเรือง
แสงในมือ สาดส่องทั้งห้องขังให้สว่าง
“นายน้อยจ้าวจิงอวี้ บอกให้ข้านําสิ่งนี้มาให้!” ผู้คุมวางกล่องยาวกับ
พื้น
ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไปเปิ ดกล่อง ภายในเป็นแขนที่ผอมแห้งถึงสอง
ข้าง
“นี่… แขนผู้ใด?” ความคิดฉินหยุนถึงกับหยุดทํางานไปวูบ เขามอง
แขนในกล่องด้วยสายตาเบิกกว้าง
ขณะนี้เขาคาดเดาเจ้าของแขน ทว่ายังไม่อาจมั่นใจ!
“นายน้อยจ้าวบอกว่านี่เป็นของหญิงชรานั่น! เขายังบอก ว่านี่คือสอง
หมื่นเหรียญม่วงที่ชดใช้คืนแก่เจ้า!”
ผู้คุมคุกหัวเราะดัง กระทืบเท้าเข้าใส่ที่ศีรษะฉินหยุน “เจ้าคิดอยาก
ต่อต้านนายน้อยจ้าวหรือ? รนหาที่ตาย! เจ้าควรทราบว่าที่นี่คืออาณา
เขตของตําหนักจารึกเทวะ และนายน้อยจ้าวก็มาจากสํานักของแดน
วิญญาณอ้างว้าง สํานักของเขามีสัมพันธ์อันดีกับตําหนักของพวกเรา!”
เมื่อยืนยันได้ ว่าเป็นแขนของหญิงชรา ฉินหยุนยิ่งจมดิ่งในห้วงความ
โกรธและเคียดแค้น!
ทั้งร่างกายของเขาแข็งราวรูปปั้นหิน กระทั่งว่าผู้คุมคุกกระทืบที่
ศีรษะเขาไม่หยุด เขาก็หาได้ตอบสนองใด!
นี่ก็เพราะเขาโกรธจัด ความคิดในหัววิ่งแล่นรวดเร็วจนจิตใจถึงกับ
ว่างเปล่า!
ด้วยโทสะที่อัดแน่น มันแทบทําเขาคิดร้องออก เขาไม่ทราบว่าเป็น
เพราะตน จะทําให้หญิงชราผู้นั้นต้องโดนทรมานเพียงนี้!
ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาเพียงซื้อผลไม้วิญญาณสายฟ้าก็เพื่อช่วยนาง!
กระนั้น ความช่วยเหลือของเขาต่อหญิงชรา กลับทําให้นางตกเป็น
เป้าความแค้นของจ้าวจิงอวี้!
เวลานี้ ความคิดของเขาผุดใบหน้าของผู้คนจากตําหนักจารึกเทวะ!
ย้อนกลับไป เขาคิดว่าที่นี่คืออาณาเขตของตําหนักจารึกเทวะ และ
ตําหนักจารึกเทวะย่อมต้องไม่มีรอยด่างพร้อยบนดิ้นผ้า ดังนั้น หญิง
ชราผู้นั้นไม่สมควรตกเป็นเป้าความแค้น!
แต่เป็นเขาคิดผิด เป็นความผิดอย่างร้ายแรง!
เขาไม่เคยคาดคิด ว่าตําหนักจารึกเทวะจะไร้ความเป็นมนุษย์ได้เพียง
นี้! ผู้ใดกันคาดคิดคิด ว่าตําหนักจารึกเทวะจะเลือกปกป้องคนสารเลว
เช่นจ้าวจิงอวี้!
ทั้งหมดเป็ นเพราะจ้าวจิงอวี้คิดล้างแค้นหญิงชรา ทําให้นางต้องสูญเสีย
แขนทั้งสองข้าง!
ฉินหยุนผู้ซึ่งสติหลุดไปชั่ววูบ ขณะนี้สูดลมหายใจเข้าลึก สาดเท
ความโกรธแค้นภายในใจสู่แก่นเต๋าทั้งสาม จุดปะทุความพิโรธไร้ก้น
บึ้งออกมา!
เขาคว้าเท้าของผู้คุมเอาไว้ ลากอีกฝ่ ายเข้ามาในห้องขัง!
ผู้คุมร่างใหญ่ถูกบังคับดึงผ่านช่องแคบของลูกกรงที่แข็งแกร่ง เป็น
ผลให้ร่างบิดเบี้ยวชวนขนลุกเลือดสาดกระเซ็น
ความพิโรธครั้งนี้ ทําให้ฉินหยุนสูญเสียความเยือกเย็น เขาเร่งรีบใช้
ยันต์ปิ ดกั้นเสียง เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงผู้คุมหลุดรอด!
ผู้คุมร่างใหญ่กรีดร้องออกด้วยความเจ็บปวด!
ผู้คุมคุกขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่ ไม่คาดคิดว่าจะถูกนักโทษใน
ห้องขังทําร้ายบาดเจ็บได้เพียงนี้!
“ข้าขอถาม หญิงชราคนนั้นเป็นอย่างไรแล้ว?” ขณะเอ่ยคําออก เขาก็
นําเอาวิญญาณยุทธ์ออกจากร่างผู้คุมคุก รวมถึงแก่นเต๋าออกมาใน
เวลาเดียวกัน
“ข้า… ข้าไม่รู้!” เสียงผู้คุมคุกเปี่ ยมด้วยความเจ็บปวด ร่างขณะนี้สั่น
เทิ้มด้วยความหวาดกลัว
“ไม่รู้? งั้นจงตาย!” นํ้าเสียงฉินหยุนเย็นเยือก ฝ่ ามือยื่นออก
ฝ่ ามือที่อัดแน่นด้วยโทสะ พลังเต๋าตะวันทมิฬลุกโชน มันแปรเปลี่ยน
ห้องขังให้กลายเป็นลุกท่วมด้วยหมอกสีดํา