ตอนที่ 294 การทำสมาธิ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ด้วยการสะบัดมือครั้งเดียว เตาหลอมเสมือนจริงก็ปรากฏตรงหน้าฉินอวี้โม่

มันคือเตาหลอมที่โอบล้อมด้วยเพลิงอย่างสมบูรณ์และมันดูสว่างสุกใสอย่างมาก

สิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าวก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นเพียงวาจาติดตลก เพลิงที่นางใช้ทรงพลังมากเกินไปและไม่มีเตาหลอมทั่วไปใดที่จะทนทานต่อมันได้

ยิ่งไปกว่านั้น ครานี้สิ่งที่นางต้องการหลอมก็แตกต่างไปจากสิ่งอื่นๆก่อนหน้านี้มาก

นางต้องการหลอมคฤหาสน์ที่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้และไม่ต่างไปจากโลกภายนอกมากนัก

เตาหลอมโดยทั่วไปอาจไม่สามารถสนับสนุนความคิดและความสามารถของนางได้อย่างเต็มที่ นางจึงไม่คิดที่จะใช้เตาหลอมมาตั้งแต่ต้น

วัสดุมากมายในมือถูกฉินอวี้โม่โยนลงไปในเตาหลอมทีละชิ้น นางควบคุมเปลวเพลิงอย่างระมัดระวังและแยกออกจากทุกอย่างรอบตัวเพื่อป้องกันการรบกวนใดๆที่อาจเกิดขึ้น

ครั้งนี้ สิ่งที่ฉินอวี้โม่จะหลอมขึ้นมาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากและมันต้องใช้วัสดุส่วนใหญ่ในแหวนมิติของนาง หากว่าการหลอมครั้งนี้ล้มเหลว มันก็จะต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆให้ทำได้อีกครั้ง แน่นอนว่านั่นเป็นสถานการณ์ที่ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่กล้าเสียสมาธิและว่อกแว่กแม้แต่น้อย หวังว่าจะทำการหลอมให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีภายในครั้งเดียว

บนแท่นสูงอื่นๆบรรดาช่างหลอมก็หยิบเตาหลอมและวัสดุหลอมของตนเองออกมาก่อนที่จะทำการควบคุมเพลิงและเริ่มหลอมวัสดุ

หลายคนบนที่นั่งกรรมการตัดสินและฝูงชนมองดูบรรดาช่างหลอมด้วยความใคร่รู้และรู้สึกถึงความแตกต่างในวิธีการหลอมของแต่ละคน

เมื่อเทียบกับช่างหลอมคนอื่นๆ กู่หยวน เฟิงเสวี่ยเฉินและหวังซู่ก็เชี่ยวชาญกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเพลิง การเติมวัสดุลงในเตาหลอมและลักษณะท่าทางที่ใจเย็นมีสมาธิ ทุกอย่างล้วนทำให้ทุกคนรู้สึกว่าทักษะการหลอมของพวกเขาแตกต่างไปจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง

นอกเหนือจากพวกเขาทั้งสาม ปรมาจารย์ช่างหลอมหลายคนก็เริ่มเดินหน้าหลอมอุปกรณ์ของตนเองอย่างสบายๆโดยไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกัน สำหรับช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญและระดับอาวุโสที่มีฝีมือน้อยกว่า ความเร็วและการควบคุมเพลิงของพวกเขาก็ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งไปกว่านั้น ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญบางคนที่ต้องการได้อันดับดีๆในงานครั้งนี้ก็มีแรงกระตุ้นฮึกเหิมขึ้นมาเมื่อเห็นเพลิงจักรพรรดิของฉินอวี้โม่

ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นเพราะต้องการรู้ว่าตนเองสามารถแสดงฝีมือในระดับที่สูงขึ้นและหลอมสิ่งที่ดีกว่าเดิมได้หรือไม่ สีหน้าท่าทางของพวกเขาในตอนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยความรอบคอบระมัดระวังและรวมถึงความวิตกกังวลเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ช่างหลอมที่เข้าร่วมงานชุมนุมเหล่านี้ล้วนมีดีพอสมควร ไม่มีใครเข้าร่วมแข่งขันอย่างไม่มีจุดหมายหรือมีทักษะการหลอมอยู่ในระดับต่ำเกินไป

ในขณะที่ทำการหลอมอุปกรณ์ หวังซั่วลอบมองปฏิกิริยาของฉินอวี้โม่เป็นพักๆ

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้สนใจตนเองแม้แต่น้อยและกำลังจดจ่อกับการหลอมอุปกรณ์ตรงหน้า เขาก็อดแค่นเสียงในลำคอไม่ได้

เขาต้องการแทรกแซงกระบวนการของฉินอวี้โม่ ทว่ามีคนจับตามองอยู่มากและเพลิงของเขาก็ไม่อาจทัดเทียมกับเพลิงของนาง หากฉินอวี้โม่ขุ่นเคืองใจขึ้นมา แรงกดดันจากเพลิงจักรพรรดิของนางก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถอนตัวจากงานนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้น มันจะเป็นดั่งสำนวนที่ว่า ขโมยไก่ไม่ได้ก็ยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือ

**偷鸡不成反蚀一把米  ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ หมายถึง ฉวยโอกาสไม่สำเร็จยังขาดทุนอีกต่างหาก

“เหอะ รอดูก่อนเถอะว่าเจ้าจะหยิ่งทะนงไปได้นานแค่ไหน!”

หวังซั่วลั่นวาจาอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อว่าระดับการหลอมของฉินอวี้โม่จะสูงและเหนือชั้นกว่าตัวเขา ต่อให้นางมีเพลิงจักรพรรดิและมีวัสดุหายากนับไม่ถ้วน หากปราศจากทักษะการหลอมที่ดี เขาเชื่อว่าฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ทรงพลังเท่าไหร่นัก

แน่นอนว่าวาจาของหวังซั่วก็ถ่ายทอดไปถึงหูของฉินอวี้โม่เช่นกัน ทว่านางก็มิได้สนใจแม้แต่น้อยและเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากโดยไม่เอ่ยพูดอะไร

“เด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ”

เยว่ชิงจับตามองฉินอวี้โม่อย่างไม่วางตา ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าที่ดูชำนาญ การควบคุมเพลิงและลำดับการเติมวัสดุหลอม ทุกอย่างประกอบกันทำให้นางน่าสนใจอย่างยิ่ง

แม้ว่าอีกฝ่ายสวมหน้ากากบดบังจนเขามองไม่เห็นรูปลักษณ์และอายุที่แท้จริง ทว่าด้วยทักษะการหลอมที่ไม่ด้อยไปกว่าช่างหลอมในระดับเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีเพลิงจักรพรรดิอยู่ในครอบครอง เรียกได้ว่าความสามารถในการหลอมของฉินอวี้โม่ในบัดนี้ไม่ด้อยไปกว่าช่างหลอมในระดับปรมาจารย์

เขาตั้งตารอดูว่าฉินอวี้โม่จะสร้างความตกตะลึงและเสียงฮือฮาในงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ได้มากเพียงใด

“ฮ่าๆๆ ข้าก็สงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเช่นกัน”

เฟิงอู๋เฉินหัวเราะเบาๆ เขาเองก็อยากรู้เกี่ยวกับบุรุษผู้ลึกลับคนนั้นเช่นกัน

ด้วยเพลิงจักรพรรดิและทักษะการหลอมที่ดี เขาก็อยากรู้พลังที่แท้จริงของฉินอวี้โม่เป็นอย่างมาก

ต้องกล่าวก่อนว่าการที่ครอบครองเพลิงจักรพรรดิมันก็เป็นการบ่งบอกว่าฉินอวี้โม่มีอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างมากอยู่ข้างกาย ซึ่งในฐานะเจ้านายของมัน พลังของนางก็จะต้องอยู่ในระดับที่พอๆกัน

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือเขาไม่สามารถทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของ ‘บุรุษหนุ่ม’ ได้เลย ดูเหมือนว่าร่างกายของฉินอวี้โม่มีบางสิ่งบางอย่างที่คอยขวางกั้นไม่ให้ผู้อื่นตรวจสอบพลังของนาง

“ข้าตรวจสอบพลังของเขาไม่ได้เลย บางทีหลังจบงานนี้ ข้าอาจจะได้รู้อะไรเพิ่มเติม”

หลี่เอินส่ายศีรษะเบาๆ เขาเองก็ไม่สามารถมองทะลุถึงความแข็งแกร่งของนางเช่นกัน

ในฐานะประธานสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร เขาย่อมรู้เกี่ยวกับอสูรมายาหลากหลายชนิดในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งมีอสูรเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถฝึกพลังธาตุไฟได้ถึงระดับนี้และยังเหนือชั้นเช่นนี้

ทว่าหลังจากคิดใคร่ครวญครู่ใหญ่ เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าอสูรประจำตัวของฉินอวี้โม่คืออสูรมายาประเภทใด ทว่าเพลิงจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้และอสูรมายาของฉินอวี้โม่จะต้องลึกลับและทรงพลังเป็นอย่างมาก

ผู้นำขุมกำลังเอกพิภพยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและครุ่นคิดราวกับเขารู้อะไรบางอย่าง

อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้บุคลิกลักษณะของเขาดี ตราบใดที่เขาไม่เอ่ยปากออกมาด้วยตัวเองก็ไม่มีใครที่จะเค้นคำตอบจากเขาได้

เวลานี้เหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาก็กำลังหลอมสิ่งที่อยู่ในความคิดอย่างใจเย็นเช่นกัน

แม้ว่าทั้งสองมีฝีมือล้ำเลิศ ทว่าพวกเขาก็มีโอกาสน้อยที่จะได้อันดับดีๆมาครอง

ถึงอย่างไรก็มีคนอย่างกู่หยวน เฟิงเสวี่ยเฉิน หวังซั่วและยอดฝีมือที่เพิ่งประกาศศักดาอย่างฉินอวี้โม่รวมถึงช่างหลอมระดับปรมาจารย์อีกหลายคน ด้วยระดับความสามารถของคนเหล่านั้น บุรุษทั้งสองไม่สามารถเอาชนะได้เลย

เพราะเหตุนั้นเหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาจึงเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุดและหลอมสิ่งที่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้

สาเหตุหลักที่พวกเขาเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมในครั้งนี้ ทั้งสองเพียงต้องการประสบการณ์ความรู้และวิชาเพิ่มเติม

ซูเสี่ยวจวิ้นและฉีอวิ๋นเหล่ยก็จดจ่อกับฉินอวี้โม่และคนอื่นๆ แม้ว่าไม่เอ่ยปากพูดอะไรทั้งสองก็แอบให้กำลังใจสหายอยู่

เมื่อครู่นี้ฉินอวี้โม่ก็ทำให้ทั้งสองต้องประหลาดใจและพวกเขาก็ตั้งตารอชมผลงานของนางเช่นกัน พวกเขาอยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินจะคว้าอันดับใดไปครอง

ทั่วทั้งลานจัตุรัสตกอยู่ท่ามกลางความเงียบพักหนึ่ง นอกจากเสียงเตาหลอมที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราวก็ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยหรือเสียงอื่นใด

เวลาครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับชั่วพริบตา

ตูม!

ทันใดนั้นเสียงโครมดังมาจากจุดหนึ่งบนแท่นสูงและสร้างความตกใจให้กับบรรดาผู้ชมที่กำลังรับชมอย่างเงียบๆ

เมื่อเลื่อนสายตาไปยังแหล่งที่มาของเสียงนั้น ทุกคนก็มองเห็นช่างหลอมคนหนึ่งที่กำลังยืนนิ่งมองเตาหลอมตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก

เขารู้สึกถึงแววตาของทุกคนที่จับจ้องมา คนผู้นั้นก็เกาศีรษะแกรกๆและยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกล่าว “ขอโทษด้วย มันไหม้น่ะ…”

เมื่อเห็นท่าทางและวาจาของคนผู้นั้น ทุกคนก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้

การลุกไหม้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการหลอมอุปกรณ์ ถ้าหากการควบคุมเพลิงยังไม่ดีพอหรือมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในกระบวนการเติมวัสดุ การลุกไหม้ย่อมเกิดขึ้นได้

ต่อให้เป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้

เพียงแต่ลานจัตุรัสกลางเมืองที่เงียบสงัดก่อนหน้านี้ถูกปลุกด้วยเสียงดังสนั่นจากเขาซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกขบขันไม่น้อย

บุรุษผู้นั้นยิ้มอย่างจริงใจก่อนหันไปเก็บกวาดความเสียหายและหยิบวัสดุใหม่ออกมาเพื่อเริ่มการหลอมอีกครั้ง

ถึงอย่างไรแล้วการแข่งขันก็ดำเนินเป็นเวลายาวนานถึงสามวัน ช่างหลอมทุกคนเพียงต้องหลอมอุปกรณ์หนึ่งชิ้นให้ได้เมื่อครบกำหนดและส่งผลงาน

หลังจากผ่านช่วงคั่นนี้ไป จัตุรัสก็เงียบลงอีกครั้ง

ทุกคนมองดูช่างหลอมบนแท่นสูงอย่างเงียบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หลังจากเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ ท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็ค่อยๆมืดสลัวลง

คนบางกลุ่มหมดความสนใจที่จะรับชมต่อและผละออกจากลานอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปพักผ่อนในขณะที่คนอื่นๆยังคงชมการแข่งขันที่นี่อย่างไม่เหนื่อยอ่อน

“ฮู้~”

บนจุดหนึ่งของแท่นสูง ช่างหลอมหนุ่มคนหนึ่งเก็บเตาหลอมของตนเองและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งแวบมาปรากฏตัวตรงหน้าผู้อาวุโสหลัวหลินทันที

“ท่านผู้อาวุโสหลัวหลิน ข้าหลอมอุปกรณ์เสร็จแล้วขอรับ”

บุรุษหนุ่มผู้นั้นยื่นของบางอย่างให้หลัวหลินด้วยท่าทางเคารพเพื่อให้เขาตรวจสอบมัน

หลัวหลินรับสิ่งนั้นมามองดูอย่างระมัดระวังก่อนเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดตรงหน้า

“เจ้าชื่ออะไร?”

เขามองบุรุษตรงหน้าและเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

“เฉินซีขอรับ”

บุรุษผู้นั้นไม่รอช้าและรายงานชื่อของตนเองทันที

“เอาล่ะ วางมือลงของเจ้าบนลูกบอลแสงนี้”

ผู้อาวุโสยิ้มพร้อมหยิบลูกบอลแสงออกมา

ลูกบอลแสงนี้คือตัวทดสอบอายุของผู้เข้าแข่งขัน เมื่อวางมือลงข้างบน มันก็จะแสดงอายุของคนผู้นั้นโดยอัตโนมัติ

ช่างหลอมหนุ่มนามว่าเฉินซีพยักศีรษะและวางมือโดยไม่ลังเล

เพียงวางมือประทับลงบนลูกบอลแสง ตัวเลขสองหลักก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว––19

“โอ้ ช่างหลอมหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบเก้าปี ช่างเป็นเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์จริงๆ”

หลัวหลินเก็บลูกบอลแสงและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำชมจากผู้อาวุโสแห่งสมาคมช่างหลอม เฉินซีก็ยิ้มอย่างนอบน้อมและกล่าว “ขอบคุณขอรับ ท่านผู้อาวุโส”

“ฮ่าๆๆ เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ เราจะประกาศผลในอีกสามวัน เมื่อถึงตอนนั้นช่างหลอมที่เข้าร่วมการแข่งขันจะได้รับรางวัลจากสมาคมช่างหลอมของเรา และผลงานของเจ้าก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว เจ้าอาจจะได้อันดับดีๆในกลุ่มอายุน้อยกว่ายี่สิบปี”

หลัวหลินกล่าวกับบุรุษหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มแสดงถึงความพึงพอใจในผลงานที่ได้รับ

ผลงานของเขาคือกระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธระดับวิญญาณขั้นสูง แม้ว่ามันมีคุณสมบัติโดยรวมที่ธรรมดาทั่วไป แต่มันก็มีคุณสมบัติความคล่องแคล่วที่สามารถเพิ่มคุณค่าของกระบี่เล่มนี้ได้ถึงสองเท่า

สิ่งสำคัญคือเจ้าของกระบี่เล่มนี้เป็นเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์และเขาเข้าใจความจริงเกี่ยวกับการรู้จักกัดคำให้เคี้ยวพอดี ด้วยระดับในปัจจุบันของเขา อาวุธระดับวิญญาณขั้นสูงเช่นนี้ถือเป็นระดับสูงสุดของเขาแล้ว หากเขายังฝืนหลอมอาวุธในระดับที่สูงกว่านี้ ผลลัพธ์ของมันก็อาจจะไม่ดีถึงเพียงนี้

เพราะเหตุนั้นการส่งผลงานชิ้นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องและดีที่สุดแล้ว

เมื่อเฉินซีได้ยินวาจาของผู้อาวุโสตรงหน้า เขาก็พยักศีรษะรับคำก่อนเดินลงไป

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กลับไปพักผ่อนหากแต่รอชมการหลอมของช่างหลอมคนอื่นๆเผื่อว่าจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม

หลังจากเฉินซีส่งสิ่งหลอมเสร็จสิ้น หลายคนก็ทยอยส่งผลงานของตนเองเช่นกัน ทว่าสิ่งหลอมเหล่านั้นก็ไม่ได้มีคุณภาพสูงหรือมีผลกับการแข่งขันนัก

.