ตอนที่ 483 เธอฟื้นความจำได้แล้วใช่ไหม / ตอนที่ 484 ทำไมนายถึงกลายมาเป็นแฟนฉันได้

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 483 เธอฟื้นความจำได้แล้วใช่ไหม

“เกิดอะไรขึ้น ใครจมน้ำ”

“โธ่เว้ย ทุกคนรีบดูเร็ว เพื่อนคนไหนไม่อยู่ข้างๆ!”

“ซย่าซย่าล่ะ บัดซบ อันซย่าซย่า!” ซูเสี่ยวมั่วคำรามขึ้น ทั้งสองที่กำลังอยู่ระหว่างการแข่งขันก็หันตัวกลับอย่างรวดเร็ว แล้วว่ายไปตรงที่เห็นผิวน้ำมีน้ำกระเซ็น

หลีฝานซิงตะโกนสุดเสียงเสร็จ ก็ซ่อนตัวไปในฝูงชน

หึหึ สมน้ำหน้า

เธอยิ้มเยาะ ด้วยใบหน้าที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

อันซย่าซย่าที่อยู่ก้นสระ ก็กลั้นหายใจตามสัญชาตญาณ

เบื้องหน้าล้วนเป็นน้ำ แต่เธอกลับเห็นภาพลวงตาที่เลื่อนลอย

ดิ้นอยู่สักพัก เธอก็นิ่งลง

ปวดหัวอยู่เป็นระยะๆ มีภาพแสงสีมากมายอันแปลกประหลาดทับซ้อนขึ้นมา ความทรงจำที่ยุ่งเหยิงต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมา…

เหมือนว่าจู่ๆ ลืมไปว่าเป็นใคร เหมือนว่ามีความทรงจำที่นับไม่ถ้วน เธอพยายามคิดที่จะคว้าเอาไว้ แต่ไม่ได้อะไรเลย

มีเสียงตู้มดังขึ้น มีคนดำน้ำลงมา ราวกับได้แบกแสงสว่างมามากมาย

เขากอดเอวเธอ บนใบหน้าเขียนคำว่าตกใจเต็มไปหมด เธอกลับคล้อยตามด้วยความกลัว ประหนึ่งว่าปกติไม่มีคนช่วยชีวิตคนจมน้ำไว้

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เซิ่งอี่เจ๋อก็พาเธอลอยขึ้นมาถึงผิวน้ำ ว่ายไปที่ริมสระอย่างหมดสภาพ

ฉีเหยียนซีก็ลอยขึ้นเช่นกัน เขาถอนหายใจ แล้วก็ฝืนยกยิ้มที่มุมปาก

ที่แท้ฝีมือที่ไล่เลี่ยกันเมื่อครู่นั่นล้วนเสแสร้ง เซิ่งอี่เจ๋ออ่อนข้อให้ตนมาตลอด

คงไม่อยากให้เขาขายหน้าสินะ

เซิ่งอี่เจ๋อโชคดีกว่าที่สามารถช่วยอันซย่าซย่าได้เร็วขนาดนั้น

ยัยบื้อซย่า…เธอจะต้องไม่เป็นไรนะ

ผ่านเรื่องทั้งหมดมาไม่เกินสองนาที ทั้งครูและนักเรียนต่างตระหนกตกใจ เซิ่งอี่เจ๋ออุ้มอันซย่าซย่าขึ้นฝั่ง แต่จู่ๆ เขาก็ชะงักไป

หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอก สำลักน้ำออกมาสองสามที สายตาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เธอเอ่ยเสียงเบาอย่างหวาดระแวง “คุณพ่อคะ…อย่าตีหนูเลย…หนูจะเชื่อฟัง…”

นัยน์ตาเซิ่งอี่เจ๋อแดงก่ำไปหมด ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ถาโถมใส่เขา

ป่าป๊าอันไม่น่าทำร้ายเธอได้แน่ๆ ที่เธอพูดออกมาแบบนี้ หรือว่าจะนึกถึงพ่อบุญธรรมที่ข่มเหงเธอ

ไม่นะ…ไม่เอา…

อย่านึกถึงมันเด็ดขาดนะ ขอร้องล่ะเธออย่านึกถึงมันเลย…

ระหว่างที่เขากำลังตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ อันซย่าซย่าก็เอียงศีรษะ แล้วสลบไป…

โรงพยาบาล

เซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ ได้ยินว่าป่าป๊าอันและแพทย์ที่ทำการรักษาได้พูดคุยเรื่องอาการป่วยของเธอ

รอมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนสุดท้ายป่าป๊าอันก็ออกมา เขารีบเข้ามาต้อนรับ “อา…ซย่าซย่าเขา…”

เขาสะอึกสะอื้น “เธอฟื้นความจำได้แล้วใช่ไหมครับ”

“วางใจเถอะนะ อาจจะเพราะรู้สึกหายใจไม่ออกช่วงที่จมน้ำแล้วไปกระตุ้นสมองเธอเข้า” ป่าป๊าอันถอนหายใจ “แน่นอนว่าจะให้เธอบำบัดจิตกับแพทย์ที่ดีที่สุดในประเทศ หลายปีมานี้เธอจำไม่ได้แม้แต่นิดเดียว อาและคุณหมอคิดว่า ส่วนมากคงจะเป็นความทรงจำที่เลือนราง แต่ไม่สามารถนึกออกแน่นอน”

เซิ่งอี่เจ๋อเหมือนยกภูเขาออกจากอก จึงกลับไปนั่งที่เก้าอี้

ดีจริงๆ ช่างดีจริงๆ

เธอไม่สามารถนึกออกได้ เธอก็ยังคงเป็นอันซย่าซย่าที่ไม่คิดมาก เธอก็ยังจะคงเป็นยัยบื้อที่สดใสร่าเริง

เสียงพยาบาลตะโกนขึ้นมาจากภายในห้องพักผู้ป่วย “คุณหนูอันฟื้นแล้วค่ะ!”

แพทย์กลุ่มหนึ่งและเซิ่งอี่เจ๋อต่างพากันพุ่งเข้าไป เซิ่งอี่เจ๋อมาถึงหน้าเตียงเธอคนแรก สายตาเธอกลับมองข้ามเขาไป แล้วหยุดอยู่ที่แพทย์คนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลัง

แพทย์คนนั้นอายุราวๆ สี่สิบ อวัยวะทั้งห้าบนหน้าได้รูปเหมาะเจาะ แต่โหงวเฮ้งกลับไม่ดี

“โจว ไป่…” เธอพึมพำชื่อออกมา เซิ่งอี่เจ๋อกุมมือเธอ แล้วยิ้มเบาๆ “ยัยบื้อ เธอบ่นพึมพำอะไรเนี่ย”

ป่าป๊าอันตัวสั่นเทิ้ม อ้าปากสั่น “โจวไป่…โจวไป่ก็คือชื่อพ่อบุญธรรมของเธอ!”

รอยยิ้มของเซิ่งอี่เจ๋อ นิ่งค้างอยู่บนใบหน้าทันที

ตอนที่ 484 ทำไมนายถึงกลายมาเป็นแฟนฉันได้

อันซย่าซย่ากระพริบตากลมโต น้ำตาใสสะอาดก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวทันที

“ซย่าซย่า…ลูกนึกอะไรออกหรอ” ป่าป๊าอันถามอย่างกังวล

ปีนั้นอันซย่าซย่าไม่เพียงแค่บาดเจ็บทางร่างกาย ที่สำคัญที่สุดคือบาดแผลทางจิตใจที่เหลืออยู่

ไม่มีเด็กคนไหนโดนทารุณไปปีครึ่งเต็มๆ หรอก แถมยังไม่มีเรื่องเกิดขึ้นเลยสักนิด

การบำบัดจิตของเธอใกล้จะสามปีแล้ว เรืื่องนี้ราบรื่นมาโดยตลอด

ทำไมตอนนี้ถึงมีปัญหาล่ะ…

“โจวไป่จะมารับหนูแล้ว…เขาบอกว่าอยากพาหนูกลับบ้าน” อันซย่าซย่ากระซิบเสียงเบา แล้วมองตาป่าป๊าอันด้วยความข้องใจ “คุณพ่อคะ แต่หนูมีบ้านนี่ ทำไมเขาต้องรับหนูไปด้วย”

มือใหญ่จับมือเธอแน่นทันที จนอันซย่าซย่ารู้สึกเจ็บ แล้วมองเซิ่งอี่เจ๋อที่อยู่ข้างเตียงด้วยความสงสัย

“นายคงไม่ใช่ดารานั่นหรอกใช่มั้ย มาอยู่ที่นี่ได้ไง” เธอถามอย่างสับสน

เซิ่งอี่เจ๋อหายใจเฮือก มองอันซย่าซย่าอย่างไม่คาดไม่ถึง

อันซย่าซย่าเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้วอันงดงาม “ไม่ใช่…นายเป็นแฟนฉันนี่ เอ๊ะ…ทำไมนายถึงกลายมาเป็นแฟนฉันได้”

“เธอนึกอะไรออกเหรอ” เซิ่งอี่เจ๋อเสียงสั่น

อันซย่าซย่าพยายามนึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอหลับตาลงด้วยความทรมาน “ฉันปวดหัว…”

เซิ่งอี่เจ๋อกุมมือเธอ แล้วพยายามข่มอาการตื่นตระหนกเอาไว้ “งั้นก็ไม่ต้องนึกแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะ นอนแล้วก็จะดีขึ้นเอง”

อันซย่าซย่าตอบรับอย่างเชื่อฟัง เธอหลับตานอนหลับอีกครั้ง

เมื่อหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นเพียงป่าป๊าอันมองหน้าแพทย์คนหนึ่งอยู่ แล้วพูดกับเซิ่งอี่เจ๋อว่า “ความทรงจำของเธอ ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว”

เซิ่งอี่เจ๋อทำการรวบรวมแพทย์ของโรงพยาบาลในเครือตระกูลเซิ่งทั้งหมด เปิดประชุมหารือแผนการรับมือกับผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายคืน

เซิ่งอี่เจ๋อเฝ้าอาการเธออยู่ข้างเตียง เธอนอนกระสับกระส่ายราวกับถูกฝันร้ายรุมเร้า มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมที่หน้าผาก และละเมออยู่ตลอด

“ซย่าซย่า…ฉันอยู่นี่นะ ไม่ต้องกลัว…” เขาปลอบโยนเสียงแผ่วเบา เหมือนว่าอันซย่าซย่าที่กำลังหลับฝันอยู่จะได้ยินเสียงของเขา จึงค่อยๆ สงบลง

ในใจเขาราวกับกำลังโดนก้อนหินที่หนักอึ้งกดทับอยู่ เซิ่งอี่เจ๋อถอนหายใจยาว

ป่าป๊าอันได้บอกวิธีที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดกับเขา ก็คือทำการบำบัดจิตใหม่อีกครั้ง ทำให้เธอลืมเรื่องนั่นอีกรอบ

“อย่าจำได้เลยนะ…ซย่าซย่า เธอจำเรื่องราวในตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว เรื่องเก่าๆ ไม่ว่าอะไรก็อย่าจำได้เลยนะ…” เซิ่งอี่เจ๋อพึมพำเสียงเบา

เขาจะไม่ยอมให้เธอนึกความทรงจำที่มืดมนนั่นออก และจะไม่ยอมให้เธอใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดและความหวาดระแวง

แทนที่จะนึกออก ไม่สู้ให้ลืมมันไปเสียดีกว่า

แม้ว่าเธอจะลืมสิ้น ขอแต่เพียงเธอไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดก็พอแล้ว

พอตื่นเช้าขึ้นมา ก็มีแพทย์หญิงใจดีคนหนึ่งนั่งหน้าเตียง แล้วคุยสัพเพเหระกับอันซย่าซย่า

เสียงของเธอดูอ่อนโยนกระฉับกระเฉง อันซย่าซย่าเลยชอบเธอเร็วมาก เธออธิบายความทรงจำที่เละเทะของตนกับหล่อน

“มีคุณอาท่านหนึ่งคอยพูดเสมอว่า อยากรับหนูกลับบ้าน ให้หนูเรียกเขาว่าพ่อ…ยังมีพี่ชายหนูที่กำลังแบกหนูที่กำลังอุ้มเด็กคนอื่นที่โดนหินกระแทก หนูที่กำลังด่าเซิ่งอี่เจ๋อบนเวยปั๋ว ชั่วพริบตาเขาก็กลายเป็นแฟนหนูแล้ว…” อันซย่าซย่าพูดอย่างขมขื่น “หนูไม่รู้ว่าอันไหนคือความจริง อันไหนคือเรื่องปลอมกันแน่…”

พออธิบายสถานการณ์เสร็จ แพทย์หญิงก็ลูบหัวเธอพลางยิ้มตาหยี “ไม่เป็นไรนะ แยกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกมันแล้ว พวกเราไปตากแดดกันดีมั้ยจ๊ะ”

“อื้ม”

แพทย์พาเธอไปเดินเล่นภายในสวนดอกไม้ แต่เธอเดินได้สักพักก็เหนื่อยแล้ว จึงนั่งพักผ่อนที่ม้านั่ง

และแล้วก็มีเสียงอ่อนโยนไพเราะดังขึ้น “เธอคืออันซย่าซย่าใช่มั้ย