บทที่ 451 ต้องการความช่วยเหลือ

บัญชามังกรเดือด

“หม่าจินหยู่?”

  เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชั่น ฉินเทียนอดสงสัยอย่างไม่ได้ว่า หม่าจินหลงผู้เป็นน้องชายคุณธรรมยังเป็นแบบนี้ เขาคิดไม่ออกเลยว่า ผู้ที่เป็นพี่ชายจะดีไปถึงไหนได้

  หลิวชั่นรีบกล่าว: “คุณฉิน คุณลักษณะของหม่าจินหยู่ ผมสามารถรับรองได้!”

  “ผมก็เพิ่งทราบเมื่อคืนวานนี้เช่นกัน ว่าเขาเพื่อช่วยผมนำบริษัทกลับคืนมา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นปฏิปักษ์กับวงศ์ตระกูลอย่างไม่ลังเล”

  “อีกทั้ง ยังรับภารกิจเอาที่ดินหรูอี้เลคไซด์หมายเลข 1ที่ไม่มีทางทำสำเร็จได้มาครอบครอง”

  “คุณฉิน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า คุณควรจะพบหม่าจินหยู่สักหน่อย”

  “เชื่อผม เขาไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังโดยเด็ดขาด”

  ฉินเทียนยิ้มกล่าว: “เรื่องนี้ ก็แล้วแต่วาสนาเถอะ”

  “ถ้าหากวาสนาเหมาะสม ผมไม่ถือสาที่จะพบคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหม่านี้”

  “แต่ว่าตอนนี้ เมื่อเทียบกับหม่าจินหยู่ ผมมีความสนใจกับที่ดินหรูอี้เลคไซด์หมายเลข 1มากกว่า”

  “ประธานหลิว สถานที่แห่งนี้ ก็คือเขตพื้นที่ศูนย์กลางใหม่ที่คุณเพิ่งแนะนำเมื่อครู่ ใจกลางเมืองอีกแห่งในอนาคตใช่ไหม?”

  “ถูกต้อง”

  “คุณฉิน คุณคงจะไม่อยากได้ที่ดินผืนนี้ด้วยเช่นกันใช่ไหม?”

  ฉินเทียนยิ้มกล่าว: “ผมคิดว่า หากผมได้มาครอบครอง สร้างแลนด์มาร์คสักแห่ง ใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของซูยู่กรุ๊ปอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร?”

  หลิวชั่นกล่าวอย่างตื่นเต้น: “นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก”

  “แต่ว่า——”

  “เท่าที่ผมทราบมา คนที่ถูกใจที่ดินผืนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่คุณฉินคนเดียว ทุกคนต่างก็ตระหนักถึงคุณค่ายุทธศาสตร์ของที่ดินผืนนี้แล้ว”

  “โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหยาง อุตสาหกรรมหลักของพวกเขาก็คืออสังหาริมทรัพย์ ก็ยิ่งมีความมุ่งหวังที่จะได้มา”

  “จะแข่งขันกับพวกเขา คุณฉิน ขออภัยที่ผมต้องกล่าวตรงๆ ไม่เพียงโอกาสที่จะชนะไม่มากแล้ว ดีไม่ดี ยังอาจจะนำพาหายนะจนถึงแก่ชีวิต”

  “ตอนนี้พวกเราจะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหม่า อย่างไรเสียอย่าสร้างปัญหาใหม่เข้ามาแทรกอีกเลย ทันทีที่ล่วงเกินตระกูลหยาง จะเพิ่มความน่ากลัวยิ่งขึ้น”

  ฉินเทียนยิ้มกล่าว: “ความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคนนี่นา”

  “ไม่ลองดู จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้”

  หลิวชั่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เลขากล่าวด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก: “ท่านประธานหลิว มีคนสองคนต้องการพบท่าน”

  “พวกเขาเรียกตนเองว่าเป็นคนของตระกูลหม่าและตระกูลหยาง คนหนึ่งชื่อหม่าจินหลง อีกคนหนึ่งชื่อหยางคุน”

  “คุณว่าอะไรนะ?”หลิวชั่นตกตะลึงเป็นอย่างมากในทันที อ้าปากค้าง ครู่ใหญ่กว่าจะได้สติกลับคืนมา กล่าวอย่างหวาดกลัว: “แย่แล้ว!”

  “หยางคุนก็คือคุณชายของตระกูลหยาง เป็นพี่ของหม่าจินหลง คิดไม่ถึงว่า เขาจะมาด้วยตนเองจริงๆ!”

  “คุณฉิน คุณรีบไปซ่อนตัว ผมจะรับมือเอง!”

  “เร็ว ไปหลบด้านหลังชั้นวางหนังสืออันนี้”เขารีบลากชั้นวางหนังสือออกอย่างร้อนใจ ด้านหลังเป็นห้องพักผ่อนลับห้องหนึ่ง

  แต่กลับเห็นว่า ฉินเทียนใบหน้าอมยิ้มเล็กน้อย นั่งตัวตรงไม่ขยับ

  “คุณมัวอึ้งอะไรอยู่?”

  “ไม่ทันกาลแล้ว เร็วเข้า!”

  ฉินเทียนจิบชาอึกหนึ่งอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน กล่าว: “เถ้าแก่หลิว เป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์​ ถ้าเป็นคราวเคราะห์​ก็หลบไม่พ้น”

  “อย่าลุกลี้ลุกลนเลย เรียกพวกเขาเข้ามาเถอะ”

  หลิวชั่นสีหน้าซีดเผือด แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางของฉินเทียนนิ่งสงบขนาดนี้เขา เขาก็ไม่มีวิธีทางอื่นเช่นกัน

  ภายใต้ความจำใจ ทำได้แค่เพียงให้เลขาพาหม่าจินหลงและหยางคุนเข้ามา

  “คุณชายทั้งสองท่าน พวกคุณฟังผมพูด——”เขารีบคิดอยากจะขอความเมตตาเพื่อที่จะแก้ต่างให้แก่ฉินเทียน

  หยางคุนโบกมือ เขามองฉินเทียน หันไปยิ้มกับหม่าจินหลงกล่าว: “น้อง ท่านนี้ก็คือฉินเทียน คุณฉินใช่ไหม?”

  อารมณ์ของหม่าจินหลงสั่นเทา กัดฟัน กล่าวเสียงเบา: “ใช่!”

  “ฉินเทียน ได้ยินชื่อเสียงที่โด่งดังมานานแล้ว!”

  “ขอแนะนำตัวเสียหน่อย ผมชื่อหยางคุน”

  “ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่เมืองจิ่นหู”

  “ในขณะเดียวกัน ผมต้องขอโทษคุณ แทนลูกพี่ลูกน้องของผมที่ไม่มีมารยาทกับคุณก่อนหน้านี้”

  พูดไป เขาอมยิ้มเดินมาทางฉินเทียน ยื่นมือออกไป

  เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

  เมื่อเห็นว่าท่าทางของหยางคุนเต็มใบด้วยความมิตรไมตรี หลิวชั่นอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง

  นี่มัน เค้าเรื่องมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง!

  ฉินเทียนไม่ได้จับมือกับหยางคุน แต่กล่าวอย่างดูแคลน: “ขอโทษ?”

  “ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม”

  “คุณชายหยาง มาหาผมแท้ที่จริงแล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ พูดตรงๆเถอะ”

  สายตาของหยางคุนกะพริบทันที เก็บมือกลับมาอย่างเก้อเขินเล็กน้อย เขาอมยิ้มกล่าว: “น้อง บอกเขา ว่าพวกเรามาทำอะไร”

  หม่าจินหลงกลั้นความโมโหเอาไว้ แต่ว่าเพื่อแผนการใหญ่ของพวกเขา ไม่อดทนอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้

  เขาฝืนยิ้มกล่าว: “ฉินเทียน เรื่องราวก่อนหน้านี้ เป็นความผิดของผมเอง”

  “ผมขอโทษคุณ แล้วก็เถ้าแก่หลิวด้วย”

  “ไม่ทะเลาะก็ไม่รู้จักนี่ หากไม่ถือสาละก็ ผมคิดว่าพวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้”

  เป็นเพื่อนกัน?

  หลิวชั่นยิ่งตะลึงงันเข้าไปใหญ่

  จากความเข้าใจที่เขามีต่อคุณชายทั้งสองท่านนี้ หากใครกล้าล่วงเกินพวกเขา จะต้องประสบกับการแก้แค้นที่บ้าระห่ำอย่างแน่นอน

  วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นมาจากทางทิศตะวันตกใช่ไหม? คุณชายทั้งสองท่านนี้ นึกไม่ถึงว่าจะอารมณ์ดีขนาดนี้?

  เขาคิดจนหัวสมองจะระเบิด ก็คิดไม่ออก

  แต่ว่า เมื่อเห็นว่าฉินเทียนยิ้มเยาะไม่พูดจา เขาเกรงว่าบรรยากาศจะหยุดชะงัก รีบร้อนกล่าว: “ขอบคุณคุณชายใหญ่ทั้งสองท่าน”

  “ตอนนี้ฉินเทียนก็คือเถ้าแก่ของผม ต่อไปซูยู่กรุ๊ปจะขยายมาที่จิ่นหู อย่างไรเสียก็ต้องการให้ทั้งสองท่านคอยสนับสนุน”

  เมื่อได้ยินดังนั้น หม่าจินหลงก็อดเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็เผยให้เห็นความเป็นปฏิปักษ์ออกมา

  เขาจ้องฉินเทียนเขม็ง กัดฟันกล่าว: “คุณจะย้ายทั้งซูยู่กรุ๊ปมาที่นี่?”

  “จะมาแย่งเขตอิทธิพลของจิ่นหู?”

  ฉินเทียนเลิกหางคิ้วขึ้น: “มีปัญหา?”

หม่าจินหลงพ่นลมหายใจ ยังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกหยางคุนขัดจังหวะ

  เขาหัวเราะชอบใจกล่าว: “คุณฉินตาถึงจริงๆ!”

  “สถานที่เล็กๆแบบหลงเจียงนั้น ไม่มีอนาคตอะไร คุณฉิน ยินดีต้อนรับคุณนำซูยู่กรุ๊ปย้ายมาที่นี่ ผมสนับสนุนคุณ!”

  “มีอะไรต้องการให้ช่วยเหลือ คุณเอ่ยปากได้เสมอ”

  “ไม่ใช่ว่าผมหยางคุนโอ้อวด ที่เขตอิทธิพลเมืองจิ่นหูแห่งนี้ ผมขอพูดสักประโยค อย่างไรเสียก็ใช้การได้ดี”

  “งั้นหรือ?”ฉินเทียนยิ้มกล่าว: “ตอนนี้มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ต้องการคุณชายหยางช่วยเหลือพอดี”

  “คุณว่ามา!”

  “เพื่อเป็นเพื่อนกับคุณ ผมจะต้องจัดการให้คุณอย่างเรียบร้อยแน่นอน”

  “ขอบคุณคุณชายหยาง ผมต้องการที่ดินหรูอี้ผืนนั้น”

  “คุณชายหยางได้โปรดช่วยให้ผมได้ครอบครองเถอะ”
 “คุณว่าอะไรนะ?”หยางคุนหน้าถอดสี เขาจ้องฉินเทียนเขม็ง กล่าวอย่างดูแคลน: “คุณฉิน คุณพูดเล่นเก่งจริงๆ”

  ฉินเทียนกล่าวเสียงเรียบ: “ผมไม่เคยพูดเล่นกับคนที่ไม่สนิท”

  “ที่ดินผืนนี้ ผมจะใช้สร้างสำนักงานใหญ่ของซูยู่กรุ๊ป ดังนั้น มีความมุ่งหวังที่จะได้มา”

  “แกพูดไร้สาระ!!”

  หม่าจินหลงอดเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ด่าทออย่างรุนแรง: “คนแซ่ฉิน แกไม่ได้ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเลย แกคิดว่าแกเป็นใคร!”

  “ที่ฉันกับพี่มาที่นี่ ถือว่าให้เกียรติแก”

  “จะบอกแกให้ ที่ดินผืนนั้น ตกเป็นของพี่ฉันมานานแล้ว!”

  “ถ้าแกกล้าคิดอะไรกับที่ดินผืนนั้นละก็ มีตายอย่างเดียว!”

  ฉินเทียนไม่ได้โมโห ในสายตาของเขา หม่าจินหลงก็คือหมาบ้าที่ดีแต่เห่าตัวหนึ่ง ไม่มีค่าให้ต้องใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

  แต่ว่า หยางคุนคนนี้มองดูไป อย่างไรเสียก็มีความสุขุมอยู่บ้างเล็กน้อย เขายิ้มเยาะมองหยางคุน รอคอยคำตอบ

  หยางคุนสีหน้าคลุมเครือ กำลังจ้องมองฉินเทียน ต้องการดูความตั้งใจที่แท้จริงของฉินเทียนให้ทะลุปรุโปร่ง

  เขาคิดว่า ที่ฉินเทียนเจตนาพูดแบบนี้ ก็เพื่อต้องการดูเชิงของตนเอง

  แต่ว่า จากแววตาของฉินเทียน ก็มองความจอมปลอมไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

  หรือว่า ฉินเทียนสนใจที่ดินผืนนั้นจริงๆ?

  ในที่สุด เขาก็หัวเราะชอบใจ กล่าว: “ยอดเยี่ยม”

  “สมกับที่เป็นคุณฉิน!”

  “ดูเหมือนว่า ก่อนนี้คงเป็นผมที่ประเมินคุณต่ำไป”

  “คุณรับปากช่วยเหลือแล้ว?”แบบนี้ยังสามารถข่มอารมณ์ไว้ได้ ฉินเทียนยิ่งมีความสนใจต่อหยางคุนคนนี้มากกว่าเดิมแล้ว