แม้ว่าซุเฟิงในตอนนี้จะอายุน้อยกว่าสิบปีที่เขาเคยเจอในชาติที่แล้ว ทว่าชูฮันก็มั่นใจว่าเขาจำไม่ผิดอย่างแน่นอน คนคนนี้ในโลกาวินาศเมื่อสิบปีที่แล้ว เป็นรองแค่จากป่ายหวีเนอที่เรียกว่าทรงพลังเหลือล้ำระดับตำนาน

 

ซูเฟิง! นักฆ่าขนนก! ปืนไรเฟิลด้ามยาวที่ดูน่าหวาดกลัวสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น ผู้คนมักถูกฆ่าด้วยปืนของซูเฟิงโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโดนยิงตายจากมุมไหน วิธีการทำงานของซูเฟิงนั้นทั้งเย็นชาและโหดเหี้ยม บุคลิกของเขาก็ยากที่จะคาดเดาได้ออก เขาไม่เคยเข้าร่วมกับองค์กรไหนๆเลยตั้งแต่แรกจนจบ ไม่เข้าร่วมกับพวกลูกผสม ไม่เข้าร่วมกับค่ายหรือฐานทัพไหนๆและไม่สนใจแม้แต่จะเข้าร่วมสมาคมนักล่าที่แสนจะอิสระเสรีไร้กฏเกณฑ์…ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

ซูเฟิงเป็นคนสันโดษที่ทรงพลังอย่างน่ากลัว แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้กันดีก็คือเขาชอบการท้าทายขีดจำกัด เห็นได้จากในชาติที่แล้วเหล่าปรจารย์ที่มีชื่อเสียงและอยู่อันดับสูงๆบนรายชื่อประเมิณของเสาหินหลายคนถูกซูเฟิงฆ่าตาย

 

มันมีการตั้งค่าพิเศษสำหรับการจัดอันดับของพละกำลังการต่อสู้โดยเฉพาะ นอกเหนือจากการประเมิณโดยรวมและวิธีการในการเอาชนะการประเมิณ มันคือการฆ่าคนที่อยู่บนรายชื่อเฉพาะเจาะจงภายในระยะเวลาที่จำกัดเพื่อทำการประเมิณพิเศษของพละกำลังต่อสู้ให้สำเร็จ ชื่อของคนที่ตายจะกลายเป็นสีเทา  ส่วนชื่อของนักฆ่าจะเปล่งประกายอยู่เหนือบนชื่อสีเทาของคนที่ตายของวันนั้นๆ มันคือหนึ่งในวิธีสร้างชื่อเสียงที่นิยมที่สุดเพราะแต่ละเสาหินจะแสดงรายชื่อของทุกคนในอันดับเหมือนกันหมดทุกเสาหินให้ผู้คนได้เห็นเพราะฉะนั้นการมีชื่อเป็นนักฆ่าแบบนี้จะเป็นการเรียกร้องความสนใจที่ดีที่สุดและทำให้ทุกคนได้เห็น

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันสร้างแรงบันดาลใจที่เหมือนกับไฟลุกโชนให้ผู้คนที่ต้องการให้ตัวเองเป็นที่นิยมมากมายแค่ไหน ศีลธรรมเริ่มเสื่อมลงทุกวันๆจนแทบจะไม่หลงเหลือให้เห็นอีกในโลกาวินาศ การฆ่าคนที่มีชื่อเสียงบนรายชื่อประเมิณเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองกลายเป็นเรื่องธรรมดาและซูเฟิงเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่กระตือรือร้นจะฆ่าคนบนรายชื่อเหมือนกัน ชื่อของซูเฟิงมักปรากฏอยู่บนเหนือชื่อสีเทาของรายชื่อคนตายอย่างเปล่งประกายให้เห็นอยู่เสมอๆ

 

ความประหลาดใจของชูฮันเป็นเพียงความคิดในหัวของเขาเองคนเดียวเท่านั้น ไม่นานเขาก็กลับมามีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม แม้ว่าหัวใจของเขาจะดิ่งลงก้นทะเลลึกไปนานแล้ว ความจริงแล้วตอนนี้โลกาวินาศได้ผ่านพ้นมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว มันจึงเป็นปกติที่คนที่แข็งแกร่งทั้งหลายที่เขารู้จักในชาติที่แล้วจะเริ่มๆค่อยปรากฏตัวขึ้น

 

แต่สำหรับซูเฟิง ที่รู้จักในนาม นักฆ่าขนนก กลับปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้แถมปืนไรเฟิลของเขาก็ยังน่าสนใจเป็นอย่างมากอีกด้วย แต่ชูฮันไม่รู้ว่าทำไมปืนไรเฟิลนี้ถึงมาอยู่ในมือของนักฆ่าขนนกนี้ได้เร็วขนาดนี้ เพราะในชาติที่แล้วซูเฟิงเป็นที่รู้จักในฐานะปรมาจารย์ผู้ทรงพลังหลังจากโลกาวินาศปะทุผ่านไปแล้วหลายปี แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงปรากฏตัวขึ้นแล้วแถมยังทรงพลังอย่างมากอีกด้วย?

 

ส่วนผู้หญิงผมสีม่วง ชูฮันไม่รู้จักเธอเลย ถ้าหากเขาเคยเจอเธอมาก่อนแล้วเขาจะต้องจำได้อย่างแน่นอนเพราะรูปลักษณ์ของเธอคนนี้โดดเด่นและพิเศษอย่างมาก ทว่าชูฮันกลับมั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน

 

มองไปที่พื้นของการต่อสู้ที่กลายเป็นเรียบซึ่งแสดงให้เห็นเลยว่าเกิดจากกากระทำของคนระดับสูงอย่างมาก ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงผมสีม่วงคนนี้แข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน? ถึงกับได้เคียวยักษ์มาจากหุบเขาหยินหยาง คนระดับนี้น่าจะเป็นที่รู้จักโด่งดังอย่างมากในชาติที่แล้ว แต่ทำไมเขากับไม่เคยได้ยินหรือเห็นหน้าเธอมาก่อนกัน?

 

มีหนึ่งคำถามผุดขึ้นมาในใจชูฮัน ทำให้เขาพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

 

แต่ทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามชูฮันประมวลผลในหัวเรียบร้อยทันทีที่เห็นชูฮันตั้งแต่แรก สายตาทั้งสองคู่ที่จ้องมาเผยให้เห็นถึงการคำนวณอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแววตาของผู้หญิงผมสีม่วงที่ส่งเสียงดังลั่นออกมาทันทีที่เห็นตราพลเอกบนหน้าอกของชูฮัน “คุณคือพลเอกชูฮันใช่มั้ย? คนคนนี้ชื่อว่าซูเฟิง กรุณาร่วมมือกับฉันเพื่อฆ่าเขา!”

 

ซูเฟิงก้าวถอยหลังทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หากจู่ๆเขาก็กลับตั้งท่าสำหรับการป้องกันตัวจากผู้หญิงผมสีม่วง พวกเขาสู้กันอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายแต่กลับไม่มีผลแพ้ชนะเพราะชูฮันโผล่มา แต่ครั้งนี้ถึงแม้ฟ้าจะลำเอียง เขาก็ต้องชนะให้ได้

 

“ไม่ละ!” อย่างเหนือความคาดหมาย ชูฮันที่ไม่ต้องการทำก็พูดปฏิเสธผู้หญิงผมสีม่วงออกมาตรงๆ และพยักหน้าให้กับตัวเองอยู่ในใจ…คนคนนี้คือซูเฟิงจริงๆด้วย

 

และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทั้งสองคนขยับตัวอย่างพร้อมเพรียง ซูเฟิงเอามือแตะคางตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา หากมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาอันตราย เสียงของหญิงสาวผมสีม่วงเต็มไปด้วยความเย็นชา หลังจากส่งประกายความเยือกเย็นในแววตาใส่ชูฮัน เธอก็พูดโพล่งขึ้นมา “ฉันขอความช่วยเหลือในฐานะกัปตีนทีมสำรองของเขี้ยวหมาป่าของจีน ท่านพลเอก กรุณาร่วมมือกับฉัน!”

 

เฮือก!

 

ทันที่หญิงสาวผมสีม่วงพูดออกมา ไม่เพียงแต่ชูฮันที่นิ่งค้างแต่หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชูฮันเองก็นิ่งไปด้วย และเฉินช่าวเย่ที่คลานตามเข้ามาและแอบดักฟังอยู่ก็ยิ่งตกใจค้างเข้าไปอีก

 

เขี้ยวหมาป่า?

 

กัปตีนทีมสำรองของเขี้ยวหมาป่า?

 

ชูฮันตกใจอย่างมากจนได้แต่มองหญิงสาวผมสีม่วงนิ่ง หากพักหนึ่งเขาก็ได้สติและกระพริบตาปริบ “ดีนี่กัปตันสาว ฉันคือชูฮัน แต่เธอชื่ออะไรล่ะ?”

 

กัปตันของทีมเขี้ยวหมาป่า? ทำไมเขาถึงไม่รู้!

 

แต่สาวน้อยถึงแม้จะพูดมาอย่างนั่นมันก็เปล่าประโยชน์ เพราะเขาได้ขโมยชื่อเขี้ยวหมาป่ามาใช้แล้ว และมันก็ได้รับการอนุมัติจากค่ายซางจิงเรียบร้อยแล้วด้วย ตอนนี้ทีมสำรองของเขี้ยวหมาป่าไม่มีตัวตนอีกต่อไป มีเพียงแค่ค่ายเขี้ยวหมาป่าและเขาก็กำลังจะสร้างกองกำลังเขี้ยวหมาป่าขึ้น

 

คิ้วของหญิงสาวผมสีม่วงย่นเล็กน้อย สายตายังคงความเย็นชาเอาไว้ เช่นเดียวกับน้ำเสียง “ฉันชื่อว่าหลิงโหลว รหัสชื่อคือสิบเอ็ด”

 

หลิวโหลวไม่ทราบถึงการกระจายข่าวต่างๆเกี่ยวกับค่ายทั้งหลายของจีน และเธอก็ยังไม่รู้ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของซางจิงในตอนนี้ มันยิ่งเข้าใจยากเข้าไปใหญ่เมื่อกองทัพในตอนนี้แตกต่างจากในยุคศิวิไลซ์อย่างสิ้นเชิง

 

องค์กรเขี้ยวหมาป่าจัดตั้งขึ้นมาเดือนสุดท้ายของในยุคศิวิไลซ์ก่อนเท่านั้นเอง พวกเขาพึ่งจะเจอกับการประเมิณขั้นตอนสุดท้ายของทีมสำรอง ซึ่งการทดสอบนี้ก็คือการส่งหัวหน้าทีมเขี้ยวหมาป่ามาดำเนินการด้วยตัวเอง ส่วนเนื้อหางาน ตำแหน่ง จำนวนคน ข้อกำหนดงานทุกอย่างเป็นความลับทั้งหมด สมาชิกทุกคนในองค์กรจะรู้เพียงแค่เนื้อหาของภารกิจของตัวเองเท่านั้น เป็นการดำเนินการอย่างอิสระโดยสมบูรณ์แบบ มีเพียงแค่ซางจิ่วตี้และเลาเสี่ยวเสียวเท่านั้นที่ถูกส่งออกมาปฏิบัติภารกิจด้วยกัน

 

แต่โชคร้ายที่ภารกิจของทั้งคู่ยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ มันก็เกิดการปะทุของโลกาวินาศขึ้นซะก่อน!

 

ดังนั้น เขี้ยวหมาป่าจึงแตกต่างจากหลงยาและฮูหยา สมาชิกของเขี้ยวหมาป่าตอนนี้กระจายตัวออกมาจากองค์กรหมด เป็นหรือตายไม่มีใครรู้ สมาชิกระดับสูงของเขี้ยวหมาป่าที่ยังมีชีวิตอยู่และทางซางจิงรับรู้คือมีแค่ป่ายหวีเนอ ซางจิ่วตี้และเลาเสี่ยวเสียว อีกทั้งพวกเธอทั้งสามคนนี้ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของชูฮัน นั่นคือสาเหตุที่ชูฮันสามารถขโมยชื่อเขี้ยวหมาป่ามาใช้ได้อย่างง่ายๆ

 

ทีมสำรองของเขี้ยวหมาป่าได้หายสาปสูญไปนานแล้วและภารกิจของกัปตันหลิงโหลวนั้นก็อยู่ไกลถึงสุดของทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในยุคโลกาวินาศพื้นที่ตรงนั้นเป็นตำแหน่งที่มีซอมบี้อยู่เยอะที่สุดรองจากจีน  เนื่องจากตำแหน่งตรงนั้นเป็นพื้นที่โล่ง นั่นคือสาเหตุที่มีซอมบี้อยู่หนาแน่นและแทบไม่มีมนุษย์คนใดมีชีวิตเหลือรอด

 

แสดงว่า…หลิงโหลวไล่ฆ่าซอมบี้ทั้งหมดตลอดทางมาจนถึงที่นี้!

 

หลังจากผ่านไปครึ่งปี ไม่ต้องพูดเลยว่าที่นั่นจะมีซอมบี้เพิ่มขึ้นมามากแค่ไหน แค่นี้มันก็มากพอแล้วสำหรับความเร็วในการเดินทางของเธอจนทำให้ชูฮันรู้สึกประหลาดใจ ไม่แปลกใจที่เธอแข็งแกร่งอย่างมากภายในระยะเวลาครึ่งปีนับตั้งแต่เกิดการปะทุ เพราะเธอได้ฝึกปรือฝีมือมาตลอดทางนี้เอง

 

แน่นอนว่าชูฮันไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แต่เขาสามารถพอจะเดาสาเหตุของการขัดแย้งของทั้งสองคนนี้ได้ เมื่อมองไปที่ซูเฟิง เห็นได้ชัดว่าคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้นมาขวางสองคนนี้มีจุดจบที่ความตาย ทั้งสองคนนี้มีพละกำลังในการต่อสู้ที่สูสีกัน ดังนั้นผลลัพธ์ของเรื่องนี้ก็เป็นได้แค่คนหนึ่งเจอกับความตายส่วนอีกคนก็ต้องนอนบาดเจ็บสาหัส!